ผมจำหน้าตากราฟแรงบิดของตัวdieselได้ครับ อย่างที่นายสมชายว่าครับ บิดสูงสุดมีมาแคบๆ แล้วมันจะเหี่ยวไปเรื่อยๆ จนเหลือประมาณ 300 ครับ ที่ผมจำได้ เพราะตอนนั้น ผมเลือกระหว่างดีเซลกับเบนซินครับ จะเห็นได้ว่า แม้แรงบิดจะเหี่ยวอย่างไร มันก็ประมาณ บิดสูงสุดของตัวเบนซิน อยู่ดี แต่กลับวิ่้ง0-100เท่ากัน แล้วจะบอกว่า แรงบิดคือความเร่งกันอยู่ได้
เรื่องขับยาก ไม่มีปัญาหาอย่างที่นายสมชายว่าเลยครับ เพราะ ECU มันค่อนข้างฉลาดมากครับ มันจับอาการ อ่านใจเราได้หมดว่า ณ ตอนนั้นเราต้องการทำอะไร จะด้อยกว่าตรงfeeling ความเร้าใจของเสียง ตอนเร่งนั้นแหละ ประกอบกับ ณ ตอนนั้น รถดีเซล มี defectเยอะ เลยจำใจเล่น เบนซินครับ
รอบมันตันเร็วครับ... รอบสูงสุดมันจะอยู่ที่แรงม้าสูงสุดนั่นแหละ แล้วเร่งจากรอบ 1600 รอบแผล็บเดียวมันก็ไต่ขึ้นไปที่ 4000 กว่ารอบแล้วก็รอบตันอยู่ตรงนั้นครับ... ต่อให้ ECU ฉลาดแค่ไหนก็ต้องเปลี่ยนเกียร์ไล่เรโชกันให้ครบทุกเกียร์ แล้วก็อัตราเร่งสะดุดเวลาไป 2 เรื่อง คือเรื่องสะดุดจากเปลี่ยนเกียร์แล้วไต่รอบใหม่ กับเรื่องสะดุดที่เหยียบคันเร่งแล้วไม่เร่งในทันที่ที่เหยียบ ซึ่งเป็นปัญหาธรรมชาติของเครื่องดีเซลเรื่อง Trottle Response สู้เครื่องเบ็นซินไม่ได้...
เครื่องดีเซลมีปัญหากับ Trottle Response ไปแค่สองสามครั้งในระหว่างจับเวลา ก็ทำให้ 0 - 100 เสียเปรียบไปแล้วเป็นวินาทีแล้วครับ... ในขณะที่เครื่องเบ็นซินเร่ง 0 - 100 นั่นรับรองว่าไม่ทันได้ใช้เกียร์สูงสุดเสียด้วยซ้ำ เป็นเพราะแบนด์วิธแรงบิดสูงสุดมันกว้างกว่า เร่งแล้วรอบมันไม่ตัน หากอัตราเร่งมันยึง"ดึง"ไหลขึ้นได้เรื่อย ECU ก็ยังไม่สั่งเปลี่ยนเกียร์ อัตราเร่งก็ไม่สะดุด 0 - 100 ก็เลยดูดีจนขึ้นมาไล่เรียกับเครื่องดีเซลที่แรงบิดมหาศาลกว่าครับ...
เครื่องดีเซลแรงบิดย่านแคบ+รอบเครื่องตันเร็ว แบบนี้ไม่เหมาะกับเอามาขับวัดอัตราเร่งแบบ"วืดดดด ม้วนเดียวจบ"แบบ 0 - 100 ครับ, แต่จะเหมาะกับขับในเมืองมุดซ้ายมุดขวาใช้แรงบิดในรอบต่ำย่านที่ได้เปรียบ เช่นวิ่งตามๆกันมาแล้วมีช่องปุ๊บก็มุดปั๊บโยกเลนแล้วเร่งเกาะท้ายคันหน้า(เว้นระยะห่างให้ปลอดภัยด้วย)ครับ... แต่เครื่องเบ็นซินหากมุดที่ความเร็วสูงก็จะได้เปรียบ เพราะยิ่งย่านความเร็วต่ำสุดกับสูงสุดห่างกันเท่าไหร่ รอบเครื่องจะยืดหยุ่นได้ดีกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย...
แต่จะว่าไปแล้วสูตรที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดจะเป็น แรงบิดแค่ที่ 200 นิวตั้นก็พอ ให้มาตั้งแต่ 2000 รตน.แล้วกราฟแฟลตให้ย่านแรงบิดกว้างหน่อย, น้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1200 กก., ตัวรถยาวประมาณ 4.5 เมตร กว้างประมาณ 1.8 เมตร, รอบเครื่องตันประมาณ 6000 รตน. ... ที่ว่ามานี่คือสูตรในอุดมคติครับ รถขับสนุก(ที่ไม่ใช่ซูปเปอร์คาร์) ทุกค่ายจะออกมาลงตัวแถวนี้หมด แรงกว่านี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ แรงน้อยกว่านี้ก็ขับไม่สนุก...
คันล่าสุดที่"ตั้งใจ"ให้ขับสนุกโดยเฉพาะเลยตั้งแต่อยู่บนโต๊ะเขียนแบบก็คือ Toyota 86 กับคู่แฝดซูบารุไงครับ... ตามที่ว่าเป๊ะเลย แถมยังขับหลัง บาลานซ์ นน. หน้า/หลัง ได้ 50/50 อีกต่างหาก...