"THAIDRIVER • รถบ้านก็เหมือนกัน ถ้าต้องการอัตราเร่งดีที่สุด
ต้องเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเกินจากรอบแรงม้าสูงสุดเล็กน้อย
อ.ศิริบูรณ์ • ใช่ เมื่อออกตัวลากเกียร์ 1 ไปจนกระทั่งถึงรอบ
แรงม้าสูงสุด และเลยไปอีกหน่อย เมื่อแรงม้าเริ่มตกถึงจะเข้าเกียร์ 2
แล้วเริ่มไล่ขึ้นไปใหม่ ถ้ายังลากเกียร์ 1 ไปแค่รอบแรงม้าสูงสุดแล้ว
เปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 ก็ต้องเริ่มต้นไล่ขึ้นมาจากข้างล่างซึ่งอยู่ไกลรอบ
แรงม้าสูงสุด หรือลากเกียร์ 1 ทะลุรอบแรงม้าสูงสุดไปไกลเกิน
จำเป็น เช่น แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 8,000 รอบฯ แต่ดันลากไป 9,000
รอบฯ แรงม้าตกไปหลายสิบตัว ก็ต้องเริ่ใไล่ขึ้นมาจากระดับแรงม้า
ต่ำในเกียร์ต่อไป
แต่ถ้าเปลี่ยนจากเกียร์ 1 เป็นเกียร์ 2 ที่จุด D ซึ่งเป็นจุดที่
กราฟแรงม้าสูงสุดของเกียร์ 1 กับเกียร์ 2 ตัดกัน ก็จะไล่ขึ้นมาจาก
ระดับแรงม้าเดียวกัน แปลว่าในทุกๆ เกียร์ ต้องลากเกียร์ยาวไม่เท่า
กัน เพราะอัตราทดเกียร์ไม่เท่ากัน Ratio Drop ไม่เท่ากัน"
ชัดเจน พอ แล้วน่ะครับ
ในนั้นไม่ได้บอกว่าย่านแรงบิดสูงสุดกับแรงม้าสูงสุดทับย่านฯ หรือรอบเครื่องใกล้เคียงกันครับ, หากรอบแรงบิดสูงสุดกับแรงม้าสูงสุดอยู่ห่างกันมาก แล้วจุดที่แรงม้าสูงสุดเหลือแรงบิดไม่พอฯ รถคันนั้นจะไปไม่ถึงจุดแรงม้าสูงสุดครับ... ตัวอย่างเช่นโหลดแยะ หรือบรรทุกหนัก หรือขึ้นเขา ฯลฯ หรืออะไรก็ตามแต่ ที่ไม่สามารถไปได้ถึงจุดแรงม้าสูงสุด...
ถ้า อ. แกบอกว่าทุกคันเป็นอย่างที่บอกไว้ แสดงว่า อ.แกพลาดแล้วครับ...
...............................................
ไม่ต้องอ้าง อ. ที่ไหนมาให้แกขายหน้าหรอกครับ... เพราะพลาดแน่ๆ เอาอัลติสรถบ้านๆของนายสมชายเองเลย เมื่อลากรอบสูงๆแล้วมัน"ไหล"ครับ ไม่กระชาก"หลังติดเบาะ"เหมือนเร่งในย่านแรงบิดสูง...
ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ผมได้บอกไปแล้ว ..
นายศิริบูรณ์พูดแบบทฤษฎีและกราฟที่เป็นอุดมคติ วัดจบ dyno แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดถึงความเป็นจริงที่มี Load แปรผันต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่ได้คำนึงถึงบุคลิกเครื่องยนต์ประเภทที่มีแรงบิดอยู่รอบต่ำกว่ารอบแรงม้าสูงสุดมากๆ .. เลยใช้วิธีสรุปว่าให้ดูที่แรงม้าเป็นหลัก เพราะมันอธิบายง่ายดี สำหรับคนอ่านทั่วๆไป ไม่ใช่นักเล่นรถหรือผู้ที่มีพื้นฐานทางวิศวกรรม คนอ่านก็เข้าใจแบบคร่าวๆกันไป ซึ่งวิธีเช่นนี้ผู้ที่เป็นอาจารย์ที่แท้จริงจะพึงหลีกเลี่ยง
ที่แกบอกว่าให้ลากรอบเลยแรงม้าสูงสุดไปหน่อย ... นั่นแหละเป็นสิ่งที่แกข้ามไป ไม่พูดถึงย่านแรงบิดสูงสุดที่จะต้องตกอยู่ในช่วงนั้น แต่แกตั้งสมมติฐานว่ารอบแรงม้าสูงสุดกับย่านแรงบิดสูงสุดไม่ห่างกันมาก
กราฟแรงม้าของแต่ละเกียร์ที่เอามาให้ดูจุดตัดเปลี่ยนเกียร์ ก็เกิดจาก hand drawing ขึ้นมาเองไม่ได้มีหลักวิชาชั้นสูงใดๆ เพื่ออธิบายง่ายๆ ไม่ยอมพูดถึงย่านแรงบิดของเครื่องยนต์ .. ถามว่าถ้าเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเลยแรงม้าสูงสุดไปหน่อย แล้วเกียร์ต่อไปยังตกอยู่ในช่วงความชันของแรงม้ากราฟต่อไป แต่ถ้าความชันนั้นเกิดจากรอบความเร็วเครื่องยนต์ที่หมุนจัด แต่แรงบิดหดหายไปหมดแล้ว รถจะมีปัญญาลากรอบขึ้นไปหาจุดแรงม้าสูงสุดได้หรือไม่ ?
แกกำลังให้คนที่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งคิดไปง่ายๆว่าให้เปลี่ยนเกียร์ที่แรงม้าสูงสุด แล้วรอบจะตกป้วนเปี้ยนไนที่ย่านแรงบิดสูงสุดโดยอัตโนมัติ ..
ลองกลับไปถามแกใหม่ซิครับว่า ถ้าเป็นเครื่องประเภทแรงบิดอยู่รอบต่ำๆ(ซึ่งรถบ้านส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักเป็นเช่นนี้ เพื่อความประหยัด) จะลากรอบไปหาแรงม้าสูงสุดขณะที่มี load เต็มตามภาวะการใช้งานทุกเกียร์ได้อย่างไร โดยไม่อืดเป็นเรือเกลือ .. ถ้าแกยังยืนยันคำตอบแบบเดิม ก็เลิกเรียกว่าอาจารย์ได้เลย ถ้าจะเป็นอาจารย์ก็คงเป็นสาขารัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ตามที่แกจบมานั่นแหละครับ
จะพูดกี่ครั้งผมก็ยัง ยืนยันชัดเจน ตามข้อเท็จจริงข้างบนนี้เช่นเดิม .. ถ้ายังสงสัยก็กลับมาอ่านใหม่นะครับ คำตอบเหมือนเดิม ...
คิดง่ายๆเอาเป็นว่า รถบ้านๆที่เราใช้ๆกันอยู่ แรงบิดมารอบต่ำกันทั้งนั้น ต่อให้เป็นอย่างคันดีเซลที่ยกมาก็ตาม ถ้าเวลาที่พี่อยากเร่ง 0-100 ให้เร็วที่สุดถ้าพี่ยังลากรอบ ไปเชนจ์เกียร์ที่แถวๆRED LINE อยู่ พี่ก็กำลังทำอย่างที่อ.แกเขียนบทความมาครับ โดยส่วนตัว ยังไม่เคยเห็นนรถบ้านๆ จ่ายกับข้าวบ้านเรา torque peak ที่เกิน 4000 รอบเลยครับ
อ.ศิริบูรณ์ แกไม่ได้มั่วหลอกครับพี่เบิร์ด แต่เป็นที่เรา ไม่พยายามจะทำความเข้าใจตามบทความที่แกจะสื่อ แล้วก้ไปคิดเอาเองตามความเข้าใจ ประเด็นที่ผมพูด คือการเปลี่ยนเกียร์ ให้ได้อัตราเร่งสูงสุด
อย่างพี่สมชายก็ยังกลับไปพูดถึงความรู้สึกถึงแรงดึงเวลาเราอัดรถ ซึ่งมันก็เป็นจริงตามพี่สมชายว่าครับ ผมไม่เถียงเลย เพราะแรงGสูงสุดที่เรารู้สึกหนักที่สุด ในแต่ละเกียร์ ก็จะอยู่ในช่วงที่torque peak(ซึ่งกราฟ torqueมันเป็นก็ คือ ความชันของกราฟม้า torqueคงที่=แรงม้าเปลี่ยนคงที่ , torque peak=แรงม้าเปลี่ยนแปลงpeak) แต่มันคนละประเด้นกลับการเปลี่ยนเกียร์ให้ได้อัตราเร่งสูงสุดครับ
อย่างพี่เบิร์ดว่า อาจายร์แกมั่ว ไม่คิดเรื่องload สมมุติ ขับขึนเขาเลยละกัน เอาE-class CDI มาเป็นหนูทดลองเลย เหยีบขึ้นเขา 2600 รอบ เพื่อเปลี่ยนเกียร์ให้รอบตกลง เหลือ 1600-1800 ซึ่งเป็นรอบบิดสูงสุด รับรอง วิ่งไม่ไปไหนครับ เพราะ"แรงบิดที่พื้นหายทันทีที่เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น" ซึ่งผมก็ไม่ได้จะบอกว่า "มันจะเหยีบได้ถึงรอบม้าสูงสุดน่ะครับ"ได้เสมอน่ะครับ เพราะ ถ้าทางมันชัน ขนาดไม่สามารถลากเกียร์1ถึงรอบม้าสูงสุด ก็อยู่ที่เกียร์เดิมครับ ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ นั้นคืออัตราเร่ง ขึ้นเขาลูกนั้น ให้ได้อัตราเร่งสูงสุดครับ พอมองภาพออกกันไหมครับ
แล้วไม่ว่าจะอย่างไร อย่าไปด่าว่าอ.แกมั่วเลยครับ ไปดูประวัติแกก่อน ว่าแกทำอะไรมาบ้าง ถ้าแกมั่ว ไม่ใช่ตัวจริง ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรครับ ที่แกเอากราฟ แรงม้ามาอย่างเดียว ไม่คิด load เพราะตัดfactorที่จำเป็นต้องสนใจออกไปครับ เพราะสุดท้าย ถ้าเอากราฟHP Consumption มาplotด้วย มันก็เท่านั้นครับ ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างเดิม
เพราะว่าอย่างที่ผมเรียนมาแต่ต้นครับ หลักที่แกเอามาคิด วิศวกรที่ออกแบบ รถที่พี่ๆ ขับกันก็ใช้สูตรนี้ทั้งนั้น
ถ้าไม่เชื่อ บอกยี้ห้อ รุ่นของรถของพี่ๆ มาก็ได้ เดี่ยวผมจะหากราฟแรงม้า+อัตราทดแล้ว คำนวนกลับให้ดู ก้จะได้patern เดียวกับที่อ.แกเขียนครับ แต่คงส่งให้ทา่งหลังไมค์ครับ คงไม่postแล้ว เกรงใจพี่เบิ้ม เจ้าของกระทุ้
ผมขออณุญาติ post เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายละกันครับ เพราะคิดว่า มันไม่มีประโยชน์แล้วน่ะถ้าจะอธิบายกันแค่ตัวหนังสือ(ไม่รวมถึงพี่ๆบางท่าน เริ่มใส่อารมณ์ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจะเดือดใส่ผมทำไม) อาจจะเป็นที่ผมเองที่สื่อสารไม่เป็น คงต้องไว้ให้ผมมีโอกาศเจอตัวพี่ๆ ตัวเป็นๆ ผมคงจะอธิบายในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ได้ดีกว่านี้ เช่นไว้ มีmeeting หรือ เสาร์ อาทิตย์ ว่างๆ นัดเจอกันร้านกาแฟ เปิดคอมพ์ให้ดู แล้วไปลองบนถนนให้เห็นจะจะเลย น่าจะมีประโยชน์กว่าครับ