KAHRPPK
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 4
ออฟไลน์
กระทู้: 688
|
 |
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 09:21:51 AM » |
|
ปัญหาใต้จะแก้ไม่ได้จริงหรือ  ถ้าท่านมีโอกาสเป็นผู้มีอำนาจ ท่านคิดว่าแผนการแก้ปัญหาให้โจรใต้หมดไป น่าจะใช้วิธีไหน เผื่ออาจจะได้ความคิดดีๆที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองบ้างครับ ขอถามความคิดของชาวอวปครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
มะขิ่น
Hero Member
   
คะแนน 2453
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 17813
"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 10:31:48 AM » |
|
ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ.......... เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน.........  ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก  ขออนุญาตบอกได้ แค่นี้...........แค่นี้จริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน
|
|
|
evil 01
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 10:51:56 AM » |
|
คืนชีบ ก.อ.ร.ม.น ที่ใต้ครับ และทุกหน่วยที่โดน อี ทักษ ยุบไป 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
   
คะแนน 3539
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 12903
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:11:45 AM » |
|
ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ.......... เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน.........  ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก  ขออนุญาตบอกได้ แค่นี้...........แค่นี้จริงๆ สมาชิกอื่น คงไม่เข้าใจ ขอบอกใบ้เพิ่มขึ้นว่า เคยได้ยิน คำกล่าวหาว่า "แกนนำของขบวนการก่อความวุ่นวาย เป็นหัวคะแนนของพรรคฝ่ายค้านบ้างหรือเปล่า"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naisomchai
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:26:01 AM » |
|
มันแก้ยาก... แบบเดียวกับแก้หมากผูกบนกระดานหมากรุกไงครับ... แต่ที่แสบที่สุดคือเดินเบี้ยตั้ง 85 ตัวมาให้กิน... กะว่าพอกินปุ๊บ จะกินสลับกันไป สลับกันมา... ทั้งกระดานจะว่างโบ๋... ไม่นึกหรือว่าตาอยู่จะมา... เฮ้อ... ทำไมไอ้คนผูกหมากเนี่ย... คิดง่ายๆ จังนะครับ... มักง่ายน่ะ ลามปามไปถึงไหนไม่รู้จัดคิดกันมั่ง ในที่สุดตัวเองก็นึกหรือว่าจะรอด... เฮ้อ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:27:44 AM โดย นายสมชาย(ฮา) »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นาจา™รักในหลวง
คุณธรรม...นำสู่ยุติธรรม
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 268
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 11147
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 02:26:14 PM » |
|
...เข้าใจครับ... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
|
|
|
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 10195
ออฟไลน์
กระทู้: 47057
M85.ss
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 03:39:33 PM » |
|
ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ ขั้นแรกท่านนายกต้องยอมคืนอำนาจให้ ศุนย์อำนวยการบริหารชายแดนภาคใต้ เสียก่อน ซึ่งหน่วยงานนี้ตัวท่านนายกเองก็รู้อยู่ว่าเขามีหน้าทีอะไร จะแก้ไขอะไรก็ค่อยๆแก้ อย่าไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
   
คะแนน 741
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 14573
นายใหม่ รักหมู่
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:18:47 PM » |
|
 งานนี้ขอฟังอย่างเดียวครับ เพราะผมไม่รู้ข้อมูลมากพอที่จะออกความเห็นได้ แต่จะขอให้คนไทยรักกันมากกว่าทุกวันนี้ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 987
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 16169
,=,"--- X Santiago... !!
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:19:07 PM » |
|
กระทู้นี้ไม่เป็นธรรมกับท่านนายก ทักฯ ครับ เพราะถ้าท่านและวาทะของท่านหายไปปัญหาที่คนอื่นต้องมาแก้จะเบาลง : 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Thou shalt have guns. Thou shalt have tons of ammo. Thou shalt shoot well. Thou shalt not rely on help from the stranger.
|
|
|
KAHRPPK
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 4
ออฟไลน์
กระทู้: 688
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:33:50 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
มะเอ็ม
Hero Member
   
คะแนน 348
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 4749
"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:34:08 PM » |
|
ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ.......... เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน......... ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก ------------------------------------------------------------------------------- ขอต่อพี่มะขิ่น..... เล่นหยุบ พตท.43 ซึ่งดูแลเรื่องป่า....ขึ้นกับทางทหาร แล้วหยุบ ศอบต. ซึ่งดูแลเรื่องเมือง..ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย แค่นี้จริงๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 857
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 6569
เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 05:09:00 PM » |
|
คำให้การของอดีตคนปัตตานี ผู้เขียน: (อดีต)คนปัตตานี
คำให้การคนปัตตานี (อดีต) เมื่อยี่สิบปีก่อน ภาคใต้ไม่เป็นแบบนี้ คนไทยพุทธกับคนไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันในสังคมโดยต่างฝ่ายต่างให้เกียรติในศาสน าของกันและกัน ลูกๆหลานๆ ของทุกคนก็เล่นกันตามประสาเด็กโดยไม่เห็นมีเด็กคนไหนลากศาสนามาแบ่งแยกกัน แล้วมันเปลี่ยนไปได้อย่างไร? เป็นอย่างนี้หรือเปล่า ? ผู้นำศาสนามุสลิมสุหนี่เริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกชีอะห์เข้ามาแผ่อิทธิพล ทำให้มีการส่งลูกหลานตัวเองไปเรียนต่อในประเทศตะวันออกกลาง หวังว่าจะกลับมาเป็นหัวหอกในการต่อต้านชีอะห์ แต่ผลที่ตามมากลับเป็นการชักนำสุหนี่หัวรุนแรงเข้ามาในไทย โดยไม่รู้ตัว สุหนี่พวกนี้เป็นศัตรูคู่แค้นกับชีอะห์ เป็นพวกแนวทางยึดตามคัมภีร์แบบสุดโต่ง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ยืนยันแต่เพียงว่าชีวิตของมุสลิมต้องมีเพียงคำสอนของศาสดาเท่านั้น เมื่อมุสลิมรุ่นใหม่ที่ได้รับอิทธิพลต่างชาติ กลับเข้ามาในไทย พวกนี้ก็เริ่มทำลายแนวทางมุสลิมในภาคใต้ยึดถือกันมานาน โดยอ้างว่าเป็นแนวปฏิบัติที่ผิด มีการรณรงค์ให้ผู้หญิงคลุมผ้า ล้มล้างประเพณีที่เคยทำกันมา และที่สำคัญที่สุดคือก่อตั้งปอเนาะแนวทางที่ตนต้องการ นี่แหละคือจุดเริ่มของความรุนแรงทั้งหลาย เด็กที่จบจากปอเนาะไม่มีทางเลือกในอาชีพอื่นเลย นอกจากต้องไปศึกษาต่อในประเทศมุสลิม เพราะไม่มีบริษัทไหนรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากคัมภีร์ทางศาสนา เด็กเหล่านี้ต้องไปศึกษาต่อ และเมื่อกลับมาก็ไม่มีงานทำเช่นเดิม จะทำงานใช้แรงก็ไม่ได้ เพราะกลายเป็นผู้รู้ทางศาสนาเสียแล้ว ทางเลือกมีทางเดียวก็คือต้องหาทางสอนศาสนา และต้องหาเงินมาเพื่อจัดตั้งโรงเรียนปอเนาะของตนเอง แต่จะหาเงินที่ไหน? คำตอบก็คือ ต้องหาจากประเทศมุสลิม แต่จะหวังเพียงเงินบริจาคก็ไม่เพียงพอ เงื่อนไขเดียวที่จะได้เงินจำนวนมาก ก็คือต้องใช้เงินเพื่อต่อสู้ศัตรูของศาสนาอิสลาม ต้องเป็นนักรบเพื่อศาสนาเหมือนชาวปาเลสไตน์ จะไปหาศัตรูที่ไหน ในเมื่อรอบตัวมีแต่ชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาที่ไม่ต่อต้านศาสนาอื่น ศาสนาที่เน้นการปฏิบัติส่วนบุคคล ไม่รุกราน ไม่รังแก ดังนั้นจึงต้องหาทางให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนไทยพุทธกับไทยมุสลิมให้ได้ก ่อน โดยเริ่มจากการปลุกแนวความคิด มุสลิมเป็นเลือดเนื้อเดียวกัน ขึ้นมา เมื่อมีเหตุการณ์มุสลิมขัดแย้งกับชาวไทยพุทธ เมื่อมีเหตุการณ์คนของรัฐบาลรังแกประชาชน เหตุการณ์ต่างๆ จะถูกขยายให้เกิดเป็นกระแสมุสลิมถูกคนพุทธรังแกทันที ทั้งๆ ที่ในส่วนอื่นๆ ของประเทศเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน แต่ไม่มีใครเห็นนอกเหนือไปจากเป็นการขัดแย้งของบุคคล หรือข้าราชการเลวๆๆ คนหนึ่งรังแกประชาชน ในขณะที่พวกนี้จะฉวยมาเป็นเงื่อนไขเพื่อสร้างความรู้สึกให้มุสลิมเห็นว่ากำล ังถูกรังแกและต้องต่อสู้ นอกจากนี้ยังสอนให้เยาวชนเห็นว่าชาวพุทธเป็นคนนอกศาสนา ลูกหลานมุสลิมไม่ควรเข้าไปเป็นเพื่อน โรงเรียนของชาวพุทธจึงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม สถานที่ศึกษาที่เหมาะสมสำหรับเยาวชนมุสลิมคือปอเนาะเท่านั้น นอกจากการปั่นกระแสความเกลียดชังแล้ว ยังพยายามหาข้ออ้างทางประวัติศาสตร์มาใช้อ้างเป็นความชอบธรรมว่ามุสลิมเคยเป ็นประเทศมีเอกราชแต่ถูกสยามรุกราน มีการก่อตั้งกองกำลังเพื่อยึดประเทศคืน และหาทางกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้ เมื่อมีการเสียชีวิต ก็ใช้เป็นหลักฐานในการติดต่อไปยังประเทศมุสลิมว่ากำลังต่อสู้เพื่อศาสนา มีนักรบของศาสนากำลังเสียชีวิต เท่านี้เองเงินทองก็ไหลมาเทมา ยิ่งเกิดความรุนแรงขึ้นเท่าไหร่ เงินทองก็ยิ่งเข้ามามากขึ้นเท่านั้น คนกลุ่มนี้แหละที่อยู่เบื้องหลัง ที่บงการ ที่พยายามล้างสมองให้เยาวชนออกไปตายเพื่อศาสนา เป็นอีแอบอยู่หลังฉาก ไม่เคยเปิดเผยตัว แต่ทำตัวเป็นพี่ใหญ่คอยแจกจ่ายเศษเงินแก่ผู้ที่เป็นแขนขา บางคนมีฐานะร่ำรวย ก็เข้าแบ่งประโยชน์กับเจ้าพ่อในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่น เพราะยิ่งสถานการณ์รุนแรงเท่าไหร่ ผลประโยชน์จะยิ่งไหลมาเทมา รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะทำอะไรรุนแรงกับมุสลิม ซ้ำยังให้สิทธิพิเศษทางศาสนาต่างๆ ให้เงินช่วยเหลือ ให้ค่าตอบแทนครูสอนศาสนา เพื่อที่จะให้มุสลิมไม่ก่อปัญหาขึ้น ทั้งๆ ที่ชาวไทยพุทธในพื้นที่ก็มี แต่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือแบบนี้จากรัฐบาล ตอนนี้สถานการณ์กำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลปราบปรามอย่างเด็ดขาดไม่ได้ เพราะตัวผู้บงการจริงๆ ยังแอบซ่อนตัวอยู่ แถมต้องพะวักพะวนกับข้ออ้างทางสิทธิมนุษยชนที่พวก NGO พยายามใช้เพื่อสร้างผลงาน NGO พวกนี้ก็ไม่ต่างกับพวกอีแอบที่อยู่ข้างหลังมุสลิมเท่าไหร่หรอก เพราะหวังเงินจากต่างประเทศเหมือนกัน ยิ่งมีความรุนแรง ยิ่งมีความสูญเสีย NGO ยิ่งชอบใจ เพราะจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาล ใช้เป็นข้ออ้างจัดกิจกรรม และเงินก้อนโตก็จะถูกส่งมาแบ่งกัน อยากถามรัฐบาลว่า วันนี้ท่านทำอะไรให้ชาวไทยพุทธที่ต้องเป็นเหยื่อของมุสลิมบ้าง อยากถาม NGO ว่า สิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวไทยพุทธอยู่ที่ไหน อยากถาม องค์การมุสลิมที่ออกมาเรียกร้องว่า คนที่ประท้วง คนที่ก่อความวุ่นวาย คนที่พยายามฆ่าผู้ไม่เกี่ยวข้อง พวกนี้ยึดถือหลักการสิทธิมนุษยชนและยอมรับความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไหม ถ้าไม่เคยมีหลักการ พวกนี้เอาข้ออ้างอะไรมาเรียกร้องให้รัฐบบาลไทยต้องยึดถือหลักการ สิ่งที่พวกนี้ทำก็คือมือหนึ่งชูสิทธิมนุษยชนนำหน้า แต่อีกมือหนึ่งถือปืนยิงใส่คนรอบข้าง แต่เมื่อถูกยิงตอบโต้กลับกลายเป็นว่าผู้ยิงตอบเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และต้องขอโทษคนที่ยังคงถือปืนยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ตลอดเวลา ทราบมาว่า ต่อไป กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ และ อื่นๆอีกมาก ก็อยู่ในข่ายการปฏิบัติการเยี่ยงนี้เช่นเดียวกัน มาเลเซียก็ระวังตัวให้ดีเถอะ วันที่ : 15 พฤศจิกายน 47 14:27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
|
|
|
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 6127
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 55373
Let us go..!
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 05:11:11 PM » |
|
สุภาษิตนักขายครับ
ตีงู ตีที่หัว ตีงู ตีที่หัว ตีงู ตีที่หัว หมดฤทธิ์แน่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ
Thanut Wansuk
|
|
|
เด็กหัวตลาด
Full Member
 
คะแนน 1
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 130
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 07:44:05 PM » |
|
ไม่ทราบได้อ่านกันแล้วยังครับจาก นสพ.ไทยรัฐ.........
แยกปัญหาใต้เป็น3กลุ่มองุ่นเปรี้ยว..ปัญหาหลัก
ใครว่าปัญหาสามจังหวัด ชายแดนใต้ไม่มีทางออก...?
ดร.ปณิธาน วัฒนายากร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยากรวงเสวนา "จากกรือเซะ...ถึงตากใบ อะไรคือทางออก?" จัดโดยชมรมเพื่อนจุฬาฯ บอกว่า
เคยพูดแนวทางแก้ปัญหาเอาไว้ เมื่อหลายปีที่แล้ว มาวันนี้ก็ยังพูดเหมือนเดิม ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ต้องแก้อย่างไร
"ผมรู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการพูดซ้ำๆ แต่ทุกครั้งคนฟังก็เปลี่ยนหน้ากันไป"
วันนี้...ปัญหาที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ รุนแรงมากขึ้นเป็น 40...50 เท่า หากไม่แก้ปัญหาอย่างตรงจุด ปัญหาก็จะยิ่งลุกลามบานปลาย
ดร.ปณิธาน บอกว่า ความชัดเจนของปัญหา เกิดจากองค์ความรู้ของหน่วยงานแก้ปัญหาขาดความต่อเนื่อง ในหน่วยงานฝ่ายปฏิบัติการ มีคนเพียงไม่กี่คนที่ได้นั่งอ่านข้อมูลในพื้นที่
นับเป็นแสนๆข้อมูลต่อเนื่องมานานเป็นสิบปี...ยี่สิบปี
"คนที่จะเข้ามาแก้ปัญหา จำเป็นต้องมีความรู้ยาวนานเกี่ยวกับเรื่องนี้..."
ใครที่คิดว่าจะแก้ปัญหาไปในทิศทางแบบไม่ต้องคิดมาก ดร.ปณิธาน บอก ต้องไม่ลืม...ปัญหาบางอย่างก็จำเป็นที่ต้องคิดให้มาก
"เหมือนกับเราไปหาหมอ หมอบอกว่าแค่ออกกำลัง กินอาหาร นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ...ก็พอแล้ว แต่เราก็บอกหมอ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เรารู้สึกมีปัญหาบางอย่างที่รู้สึกได้ว่าต้องได้รับการเยียวยามากกว่านี้"
การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดใต้ หากเริ่มจาก การยอมรับ...ก็ต้องยอมรับก่อนเลยว่า ปัญหาที่เกิด...เป็นปัญหาใหญ่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถ้าจะใช้สามัญสำนึกในการแก้ปัญหาอย่างเดียวก็คงไม่พอ หรือถ้าใช้การแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นไปแล้ว ถึงเวลาหนึ่ง ก็อาจต้องกลับมาใช้การแก้ด้วยสามัญสำนึกต่อไปอีก
เหตุเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้...มีเงื่อนไขเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ แนวทางที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องควรรับฟัง
ต้นเหตุของปัญหา ดร.ปณิธานบอกว่า มาจาก 3 กลุ่มหลัก...
กลุ่มแรก...กลุ่มแบ่งแยกดินแดน ปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้จะมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
บางหน่วยงานของรัฐก็อาจมีข้อมูลชัดเจน...คนเหล่านี้อยู่ที่ไหน มีกลุ่มที่ตั้งอยู่ไหน หรือมีลูกมีหลานไปเรียนอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง แต่ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหว ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ
อย่างที่รู้กันดี...กลุ่มแบ่งแยกดินแดน มีความฉลาด มีเครือข่าย มีอุดมการณ์และมีที่มาที่ไปชัดเจน ความเป็นจริงคนเหล่านี้...ยังมีอยู่...แต่เล็กลงๆไปเรื่อยๆ
แต่มีความแน่นอนอยู่อย่างหนึ่ง หากมีจังหวะเวลาและเงื่อนไขที่เหมาะสม กลุ่มคนเหล่านี้ก็อาจจะออกมาเคลื่อนไหว ทำให้เกิดปัญหาก็เป็นได้
ขบวนการต่างๆในต่างประเทศก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันคือ แต่ละกลุ่มต้องการอิสรภาพ ต้องการเอกราช ต้องการดินแดน
แต่...ไม่ใช่เรื่องศาสนา
ถ้าต้นปัญหามาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน รัฐก็ต้องใช้มาตรการทหารในการเผชิญหน้ากับปัญหา เมื่อมีฝ่ายเรียกร้อง...มุ่งหมายแบ่งแยกดินแดน
ทหารเป็นหน่วยงานเดียว...มีหน้าที่จัดกำลังลงไปสู้
ปัญหาเกี่ยวกับอธิปไตย...ก็ต้องเจอกับอำนาจรัฐ
หลายประเทศที่ปัญหาแบบนี้ ใช้อำนาจทหาร จัดกำลังทหารลงไปจัดการกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดน ถ้าคิดว่าปัญหาเกิดจากการแบ่งแยกดินแดน ก็ต้องจบด้วยการใช้กำลัง
ดร.ปณิธาน บอกว่า เมื่อจังหวะแรกของการแก้ปัญหาด้วยกำลังทหารจบลง ต้องเผชิญกับปัญหาจังหวะสอง...เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย
"ความสูญเสียจะส่งผลทำให้เกิดการเจรจา...ทางการเมือง หลายประเทศเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จนมีการเจรจากัน...ก็ต้องมีประเทศต่างๆเข้ามาช่วยเจรจา...หย่าศึก"
ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ ถามว่า เกิดขึ้นมาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหรือไม่
"ไม่ใช่" ดร.ปณิธาน ว่า "แต่การพูดถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดนจะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องชาตินิยม สร้างความเชื่อถือได้มากกว่า"
"แนวทางปัญหามาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จึงมีฝ่ายเชื่อมาก เพราะมองปัญหาง่าย...เป็นการแก้ปัญหาที่มองแบบแล้วไม่ต้องคิดมาก"
ส่งทหารเข้าไปปราบ ส่วนใหญ่ไม่มีประเทศไหนปราบปัญหาได้หมด ส่งทหารลงพื้นที่ก็ต้องฝังทหารเอาไว้ในพื้นที่ต่อเนื่อง...เมื่อครั้งอเมริกาส่งทหารไปเยอรมัน จนถึงวันนี้ก็ยังมีทหารอเมริกันอยู่ในเยอรมันมากที่สุด
"อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนั้น...ในพื้นที่สามจังหวัดเราหรือ"
ดร.ปณิธานตั้งคำถาม
กลุ่มที่สอง...เป็นกลุ่มเปลี่ยนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมาเป็นกลุ่มอุดมการณ์ทางศาสนา อุดมการณ์ทางเชื้อชาติ...และวัฒนธรรม
องค์กรกลุ่มนี้จะหลวมกว่ากลุ่มแรก วันดีคืนดีอาจหายไป...วันดีคืนดีก็อาจเข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
สถานการณ์นอกประเทศในตอนนี้ องค์กรกลุ่มนี้ก็เข้มแข็งขึ้นมากกว่าที่คาดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม...บิน ลาดิน...ปาเลสไตน์
"กลุ่มเหล่านี้รวมตัวกันหลวมๆ ส่วนใหญ่มีแนวร่วมทางด้านการเมือง โดยใช้เงื่อนไขความไม่เป็นธรรมระดับรากหญ้า"
ดร.ปณิธานกล่าวต่อไปว่า ส่วนใหญ่มาจากปัญหา ความยากจน ความไม่เป็นธรรม ถูกทอดทิ้ง
นี่คือแรงสนับสนุนทางวัฒนธรรมที่ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น...มีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา กลุ่มก็จะจัดเป็นแนวร่วม แล้วกระจายไปยังจุดต่างๆ
"ในอนาคต...ปัญหาจากกลุ่มอุดมการณ์ต้องมีหน่วยงานที่สร้างความ เป็นธรรม ดูแลเรื่องของกฎหมายในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมมากที่สุด"
เรื่องแรกของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น...ทหารต้องลงพื้นที่ เพื่อไปทำหน้าที่ ปราบปรามสงครามกองโจร เพราะไม่มีตำรวจประเทศไหนทำได้ ยกเว้นบางหน่วยคือตำรวจตระเวนชายแดน
งานที่สองเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี แต่วิธีนี้ก็มีข้อแย้งกับการปฏิบัติการทางทหาร
จะเอาเรื่องสันติวิธีมาต่อรองกับเรื่องดินแดน...ทหารไม่มีทางยอม ดร.ปณิธานบอกว่า หากยังมีการพูดถึงการแบ่งแยกดินแดน ยังไงทหารก็ต้องมีหน้าที่รบ
การแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ จึงเป็นเรื่องที่คุยกันยาก เพราะทหารได้รับการฝึกฝนอบรมมาอย่างนั้น แต่...ถ้าคุยกันได้...ก็ถือเป็นเรื่องดี
แนวทางแก้ไขในแง่มุมของพ่อค้า ที่ต้องการดำเนินธุรกิจระหว่างพื้นที่ที่มีปัญหา ตัวอย่างระดับโลกที่เห็นได้ชัด จีนกับไต้หวัน
"ยกเรื่องแบ่งแยกดินแดนเอาไว้ก่อน แต่ให้มีการค้าขายพัวพันกัน พึ่งพิงกันเอาไว้ให้มากๆ...เพราะในที่สุดแล้วแนวคิดแบบกลุ่มแยกดินแดน หรืออุดมการณ์ก็จะตกไป และหมดไปเอง"
ท้ายที่สุด คนรุ่นใหม่ๆจะกลมกลืนกัน...ดินแดนจะรวมกันโดยปริยายในทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดน
นี่คือความเป็นสมัยใหม่ ที่ต้องทำให้เกิดขึ้นในภาคใต้อย่างจริงๆจังๆ
เมื่อมีการพึ่งพากันมากขึ้น...เศรษฐกิจดีขึ้น...การเมือง ระบบโรงเรียน สาธารณสุข ก็ดีขึ้น...คงไม่มีใครไปเรียกร้องหรือต่อต้านอะไรมากมาย จนกลายเป็นกระแสหลักอีกต่อไป กลุ่มหัวรุนแรงที่มีแนวทางแตกแยกก็จะค่อยๆหายไป
ปัญหาขณะนี้...ยังมีความรู้สึกทอดทิ้ง ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีสถาบันรองรับ เป็นปัญหาสั่งสมและปะทุขึ้นมาเป็นปัญหาใหญ่
ในอดีตไม่เกินสิบปีมานี้ มีหลายหน่วยงานจากต่างประเทศเข้ามาให้ทุน แสดงความเห็นใจช่วยเหลือและให้แนวทางสนับสนุน แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้มาในทางร้าย แต่ก็มีส่วนน้อยที่เข้ามาสร้างแนวทางร้ายๆ ในแบบของกลุ่มหัวรุนแรง...
"หากกำหนดต้นปัญหาเป็นเรื่องของศาสนา ก็จะเกิดการปะทะกันทางวัฒนธรรม หากหลงประเด็นตีปัญหาเป็นเรื่องศาสนา ปัญหาก็จะยิ่งบานปลาย กลายเป็นสองด้านขาวกับดำ"
ฉะนั้น ปัญหาจริงๆคือกลุ่มสุดท้าย...พวกอกหัก องุ่นเปรี้ยว ซึ่งแยกตัวมาจากสองกลุ่มแรก ไปตั้งกลุ่มใหม่ในพื้นที่เปิดและทำกิจกรรม
"แยกปัญหาออกเป็นสามกลุ่มแล้ว ก็ต้องอาศัยการแก้ปัญหาแบบ คิดใหม่ ทำใหม่ และจัดระบบใหม่ในภาพรวมทั้งหมด".
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วีรบุรุษคือผู้ที่ทำในสิ่งที่สามารถ และคนอื่นไม่ทำ
|
|
|
เด็กหัวตลาด
Full Member
 
คะแนน 1
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 130
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 07:49:18 PM » |
|
อ่านของอาจารย์ปุ้ม แล้วลองอ่านความเห็นผมเองที่เขียนไปในเว็บบอร์ดสถานศึกษาเก่า เพราะมีอาจารย์ผมท่านหนึ่งท่านเขียนบทความแสดงความคิดเห็นไปลงมติชน ครับ.....
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นคนตานีมาแต่กำเนิด เติบโตมาในสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรมนะครับ สมัยที่ผมเป็นเด็กเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนนับถือศาสนาอิสลามมากกว่าศาสนาอื่นๆ ผมจึงมีเพื่อนเป็นมุสลิมมากมายไม่ว่าจะเป็น มะยูโซ๊ะ, อับดุลย์กาเดร์, มะนาเซ, แวมารีย๊ะ, ซีตีฮาวอ ฯลฯ เราต่างเป็นเพื่อนที่สนิทสนมเล่นด้วยกันเรียนด้วยกัน ไม่เคยมีความรู้สึกว่าเธอเป็นพุทธ ฉันเป็นมุสลิม เธอเป็นคนไทย ฉันเป็นมลายู ครอบครัวผมจะมีความสนิทสนมกับชาวไทยมุสลิมทุกระดับชั้นมากมาย แม้กระทั่งวังเจ้าเมืองตานีเดิมที่ตำบลจะบังติกอ ก็สร้างแบบศิลปะจีนเนื่องจากช่างที่ก่อสร้างเป็นชาวจีนที่บรรพบุรุษผมจัดหาให้เนื่องจากสนิทสนมกันกับเจ้าเมืองในอดีต เวลาชาวไทยมุสลิมมีงานต่างๆเราไทยพุทธก็ไปร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรรมทางศาสนาเช่นงานศพ หรืองานรื่นเริงอย่างงานเทศกาลฮารีรายอ และในทางกลับกันเวลางานของเราก็มีชาวไทยมุสลิมไปร่วมด้วย ด้วยความเต็มใจ แม้กระทั่งงานศพญาติผู้ใหญ่ผม ก็มีชาวไทยมุสลิมไปร่วมแสดงความไว้อาลัย งานเทศกาลสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จะมีการอัญเชิญเทพแห่รอบเมือง ก็จะมีการแห่เข้าไปในตำบลจะบังติกอซึ่งเป็นชุมชนไทยมุสลิม เนื่องจากในละแวกใกล้วังเจ้าเมืองตานีมีท่าน้ำเป็นท่าภาษีที่ชาวจีนที่จะขนสินค้าจากเมืองยะลามาเมืองตานี หรือขนสินค้าจากปากน้ำตานีไปขายที่เมืองยะลาจะต้องแวะเสียภาษี การอัญเชิญเทพไปที่ท่าน้ำนี้ก็เพื่อเป็นศิริมงคลต่อการค้าขายของชาวจีน เราก็ทำต่อเนื่องกันมานับร้อยปี สิ่งที่ผมเล่ามามันไม่เคยมีปัญหา มันไม่เคยมีการแบ่งแยก แตกแยกใดๆ จนกระทั่งมีคำว่า"การเมือง"เข้ามา มันจึงทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไป (ขอเลียนแบบแม่พลอยในสี่แผ่นดิน) ยิ่งมาในยุคปัจจุบันมีผู้ที่อ้างตัวเป็นนักวิชาการประจำถิ่นมากขึ้น และพยายามสื่อความคิดของตนให้คนทั่วไปรับทราบ โดยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองเขียนมันถูกต้อง มีการกล่าวหาว่าประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือนต่างๆนานา จนในที่สุดกลายเป็นว่าผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามถูกกลั่นแกล้ง กีดกันต่างๆ ยิ่งเป็นประเด็นร้อนทันที ผมไม่ทราบว่านักวิชาการเอาจุดไหนเป็นเส้นแบ่งในเรื่องเวลาของประวัติศาสตร์ จะเอายุค ร.5, ยุคต้นรัตนโกสินทร์, ยุคกรุงธนบุรี, ยุคกรุงศรีอยุธยา ถ้าผมจะเอายุคก่อนประวัติศาสตร์มาอ้างบ้างละครับว่าทุกคนคือเผ่าพันธุ์เดียวกัน นักวิชาการจะโต้เถียงกับผมหรือเปล่าครับ หรือถ้านักวิชาการทั้งหลายคิดว่าคนไทยมุสลิมถูกกีดกันจริงๆ ลองไปศึกษาข้อมูลชาวไทยพลัดถิ่นที่ยังคงอาศัยอยู่ในไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะลิศ ดูบ้างว่าเขาเหล่านั้นมีสภาพความเป็นอยู่ หรือได้รับสิทธิต่างๆเหมือนชาวไทยมุสลิมหรือเปล่า เพราะเขาเหล่านั้นก็เกิดมาในท้องถิ่นนั้นหลายชั่วอายุคนแล้วเหมือนกัน ผมจึงอยากให้ท่านที่เป็นนักวิชาการ นักคิด นักเขียน ลองพินิจพิจารณาให้ถ่องแท้ครับ ก่อนจะตกเป็นเครื่องมือของการเมืองโดยไม่รู้ตัวครับ แล้วที่อาจารย์บอกว่า "คาถาที่หมอไสยศาสตร์พื้นบ้านในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้ในตอนนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่พอใจสยามรัฐซึ่งสั่งสมกันต่อ ๆ มา" ไม่ทราบคาถานั้นมีว่าอย่างไรครับ เพราะคาถารักษาโรคมันก็น่าจะเป็นคาถา ไม่น่าจะบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่พอใจสยามรัฐนะครับ ผมมิมีเจตนาลบหลู่นักวิชาการท่านใดทั้งสิ้น เพียงแต่อยากแสดงความคิดเห็นในฐานะประชานธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมาในถิ่นที่มีปัญหาทางการเมือง และถูกนำเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ เพราะไม่อยากเห็นสงครามศาสนาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วีรบุรุษคือผู้ที่ทำในสิ่งที่สามารถ และคนอื่นไม่ทำ
|
|
|
|