เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 07, 2025, 02:03:51 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อดี-ข้อเสีย การขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า  (อ่าน 7425 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 04:46:18 PM »

ข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า

-----รถขับเคลื่อนล้อหน้ามีข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนจากการใช้งานจริง เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้าสามารถเข้าโค้งได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเข้าด้วยความเร็วสูง การลื่นไถลของตัวรถเกิดขึ้นน้อยกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ถ้าขับด้วยความประมาทแล้ว ต่อให้การขับเคลื่อนมีส่วนช่วยให้ขับง่ายขึ้นเพียงใดก็มีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุ "หลุดโค้ง" ได้ทั้งสิ้น

-----ข้อดีต่อมาเห็นจะเป็นเรื่องการซ่อมบำรุง จะว่าไปตรงจุดนี้อาจจะมองได้สองอย่าง เพราะช่างบางคนอาจจะว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าซ่อมยาก เนื้อที่คับแคบ วางอะไรต่อมิอะไรเกะกะไปหมด จะล้างมือลงไปถอดซ่อมแต่ละอย่างก็แสนจะยาก มีเนื้อที่เป็นช่องว่างให้น้อยเกิน ยิ่งรถยนต์บางรุ่นแทบไม่เหลือเนื้อที่ให้เอามือลอดลงไปซ่อม หรือถอดชิ้นส่วนต่างๆ ได้เลย

-----แต่ช่างบางคนก็บอกว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าซ่อมง่ายมาก เพราะส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะถูกออกแบบให้วางขวางกับตัวรถ จึงทำงานได้อย่างสะดวกสบาย อย่างเช่น จะยกคลัตซ์หรือถอดชุดเกียร์ออกมาก็แค่ถอดล้อออกมาเปิดแผ่นกั้นที่ปิดไว้ คลายนอตยึดก็สามารถถอดชุดเกียร์ออกมาได้แล้ว ผิดกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะถอดเกียร์หรือยกคลัตซ์กันที่ ก็ต้องถอดเพลากลาง ถอดอันโน้นอันนี้ยุ่งยาก

-----แต่คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย ในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า เพราะว่าการซ่อมบำรุงบางอย่างทำได้ง่ายกว่า และที่สำคัญคือ สามารถประหยัดเวลาในการซ่อมได้มากกว่า อย่างที่เห็นกันง่ายๆ เมื่อเราถอดชุดเกียร์ออกมาก็สามารถตรวจซ่อมคลัตซ์ได้ พร้อมๆ กับการตรวจเช็คเฟืองท้ายไปพร้อมกันในเวลาเดียว เพราะรถขับเคลื่อนล้อหน้ามักออกแบบให้ชุดเกียร์กับชุดเฟืองท้ายรวมอยู่ในชุดเดียวกัน แต่ถ้าเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ชุดเกียร์ก็แยกเป็นชุดเกียร์ติดตั้งอยู่ท้ายเครื่องยนต์ ส่วนชุดเฟืองท้ายจะถูกติดตั้งไว้ที่ด้านท้ายรถยนต์ บริเวณเดียวกับล้อคู่หลัง นี่ก็เป็นข้อดีเพียงบางส่วนของรถขับเคลื่่อนล้อหน้า

-----มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย


-----ในเรื่องข้อเสียของการขับเคลื่อนล้อหน้ามีไม่น้อย เช่น อายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบขับเคลื่อนจะสั้นกว่าการขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง สาเหตุเพราะการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าชิ้นส่วนต่างๆ ที่ใช้ในการขับเคลื่อนจะถูกติดตั้งไว้ที่ล้อคู่หน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดเกียร์ เพลาขับ และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะเีดียวกัน ล้อคู่หน้า จะเป็นที่ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวด้วย แน่นอนว่าระบบบังคับเลี้ยวหรือระบบพวงมาลัย ทำหน้าที่บับคับให้ล้อคู่หน้าเลี้ยวซ้ายหรือขวาตามทิศทางที่ผู้ขับต้องการ

-----ดังนั้นในขณะที่ล้อหน้าถูกบังคับให้เลี้ยว เพลาขับเคลื่อนที่ยึดติดกับล้อหน้าก็จำเป็นต้องเลี้ยวตามไปด้วย นั่นจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ข้อต่อเพลาขับหรือที่เรียกว่าหัวเพลาขับ มักมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าเมื่อนำมาเทียบกับเพลาขับของรถขับเคลื่อนล้อหลัง

-----ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงก็เช่นกัน รถยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อด้วยล้อหน้ามักจะได้รับความเสียหายมากกว่า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลังหรือระบบบังคับเลี้ยว ทั้งหมดถูกออกแบบให้ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถ เมื่อเกิดการชนทางด้านหน้าอย่างรุนแรง ทั้งชุดเกียร์ ชุดเฟืองท้ายและชุดเพลาขับมักได้รับความเสียหายตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง แม้ด้านหน้ารถจะได้รับความเสียหายมากมายเพียงใด แต่ปรกติแล้วจะส่งผลมายังชิ้นส่วนการขับเคลื่อนอย่างเพลากลาง ชุดเฟืองท้าย หรือจะเป็นเพลาขับที่ถูกติดตั้งในช่วงกลางตัวรถและด้านท้ายของตัวรถน้อยมาก หรือไม่กระทบกระเทือนเลยก็ว่าได้

-----เมื่ออายุการใช้งานของเพลาในรถขับเคลื่อนล้อหน้าค่อนข้างสั้น และมักถูกกำหนดให้เปลี่ยนตามระยะเวลาที่สมควร รวมถึงความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายจากอุบัติเหตุการชนของด้านหน้า จึงเกิดเป็นข้อเสียอีกประการหนึ่งของรถขับเคลื่อนล้อหน้า นั่นคือค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง

-----เพลาขับถูกบังคับให้เปลี่ยนเมื่อถึงระยะทางที่กำหนด ซึ่งแ่น่นอนว่าหากท่านไม่เปลี่ยนตามกำหนด ด้วยลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน ต้องทำหน้าที่ส่งถ่ายกำลังในการขับเคลื่อน ไปพร้อมๆ กับการรับภาระบิดตัวเปลี่ยนทิศทางในขณะรถเลี้ยว จึงทำให้อายุการใช้การของเพลาสั้นลง เมื่อต้องเปลี่ยนใหม่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งราคาเพลาขับในปัจจุบันถือว่าราคาหนักพอควร ไม่ว่าจะรถยุโรปหรือญี่ปุ่น เกาหลี ยี่ห้อไหน จะถูกจะแพงกว่ากันอยู่ที่คุณภาพและยี่ห้อสินค้า แต่ที่แน่ๆ นั้นท่านต้องเตรียมเงินไว้เพื่อเปลี่ยนเพลาขับใหม่ไว้ให้พร้อมเสมอ

-----อุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าที่รุนแรง อาจทำให้เพลาขับ ชุดเกียร์ และเฟืองท้าย พูดรวมๆ คือ ระบบขับเคลื่อนได้รับความเสียหายทั้งหมด การซ่อมแซมให้ดีดังเดิมต้องใช้จำนวนเงินที่สูงกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลังที่อาจเสียหายอย่างแน่

-----นี่ก็เป็น ข้อดี...ข้อเสีย ของการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ที่กล่าวมาคงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านได้พอสมควรนะค่ะ


http://www.car-today.com/cartip/tip_trick.php?id=25
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 04:57:50 PM »

คล็ดลับการล้างรถและการดูแลสีรถ

สีรถของคุณกำลังโดนทำลาย
สีรถใหม่ เงางาม และ เป็นประกาย อาจถูกทำลายจากสภาพแวดล้อม เช่นฝุ่นควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ฝนกรดยางจากต้นไม้ อุจจาระนก แมลง และจากเกสรดอกไม้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถทำลายสีรถของคุณได้ทั้งสิ้น ขระเดียวกัน การล้างรถ และขัดเงาไม่ถูกวิธี อาจทำให้รถเป็นรอยเป็นวง และ รอยขีดข่วนได้

เคล็ดลับการล้างรถ
ใช้น้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของผงซักฟอกในการทำความสะอาด เพื่อทำให้สีรถเงางาม และคงความใหม่อยู่เสมอ อย่าล้างรถเวลาแดดออก โดยเฉพาะฤดูร้อน พยายามล้างรถสัปดาห์ละครั้ง. ฉีดเสปรย์น้ำเพื่อล้างฝุ่นด้านบนออกก่อน ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำลงในถังน้ำ อย่าใช้น้ำหนึ้งในสามส่วนที่เหลืออยู่ เพราะ ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะจมสู่ส่วนล่างของถัง น้ำยาส่วนนี้จะทำลายสีรถ และความเงางาม เมื่อผสมน้ำยากับน้ำแล้ว ให้ใช้ฟองน้ำที่สะอาดโดยเริ่มล้างจากด้านบนสุด ไปส่วนต่างๆด้านข้าง
ล้างน้ำยาออกด้วยน้ำเปล่า อย่าปล่อยให้น้ำยาแห้งเอง บีบฟองน้ำทุกครั้ง เมื่อจุ่มฟองน้ำในถังเพื่อกำจัดฝุ่นออก ไม่ใช้ฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดผิวรถปะปนกับฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดล้อ และส่วนอื่นที่สกปรกมากๆ เช็ดให้แห้งด้วย ผ้าชามัวร์ หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าที่เกาะติดกับผิวรถเมื่อเวลาเช็ดรถ
ใช้ผ้าชามัวร์ผืนเก่าๆ ทำความสะอาดล้อรถ เพื่อป้องกันไม่ให้ปะปนกับผ้าที่ใช้เช็ดตัวรถ


เคล็ดลับในการดูแลสีรถ
ลงแวกซ์คุณภาพดี หรือ ผลึกโพลิเมอร์ทุกๆ 2-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
ลงแวกซ์ หรือขัดเงา เมื่อพื้นไม่ร้อน และ ไม่ขัดกลางแดด
ลงแวกซ์ด้วยฟองน้ำ เมื่อเสร็จแล้วเช็ดออกด้วยผ้าขนหนู เพราะถ้าเช็ดด้วยผ้าชนิดอื่นจะทำให้รถเป็นรอยเพราะผ้าฝ้ายส่วนใหญ่มีเนื่อหยาบและแข็ง

----------สิ่งปนเปื้อนที่มากับอากาศ เช่นฝุ่นควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ยางต้นไม้ อุจจาระนก เกลือในอากาศเป็นต้น จะซึมสู่ผิวรถอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ต้องล้างออกให้เร็วที่สุด ทดสอบวิธี "เรียบเหมือนกระจก" ล้างรถให้สะอาก และเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้นใช้มือ และนิ้วลูบเบาๆให้ทั่วส่วนบนของรถ ถ้าพบว่าผิวรถไม่เรียบเหมือนกระจกเล้วละก็ แสดงว่า
รถของคุณต้องการการดูแล แก้ไขข้อบกพร่องของสีรถก่อนที่จะลงแวกซ์ และก่อนใช้ผลึกโพลิเมอร์
หากทำสีรถใหม่ ต้องรอ 1 หรือ 2 เดือนก่อนลงแวกซ์ หรือใช้ผลึกโพลิเมอร์
รถใหม่ควรได้รับการปกป้องทันที ลงแวกซ์ หรือ ผลึกโพลิเมอร์ทันที เพื่อรักษาสีรถให้ดูเหมือนใหม่




www.iamwashmania.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:01:15 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:06:09 PM »

"กลิ่นใหม่" มิใช่เรื่องดี

-----"กลิ่นใหม่"่ ที่ติดอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์ อันตรายที่แฝงมากลับกลิ่นใหมที่่ติดอยู่ในห้องโดยสารเป็นอันตรายที่ไม่ควรมองข้ามกลิ่นเหล่านี้มาจาก พลาสติก และกาวที่ใช้ในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆภายในห้องโดยสาร เคยมีการสำรวจพบว่าไอพิษที่มาจากพลาสติกและกาวเหล่านี้ทำให้เกิดอาการ ตาอักเสบ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและคลื่นไส้ ซึ่งไอพิษ จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเมื่อถูกความร้อน เช่น การจอดรถยนต์ตากแดด

-----วิธีกำจัดกลิ่นใหม่
-----วิธีกำจัดกลิ่นใหม่ที่แฝงด้วยไอพิษ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
-----1. ใช้ผ้าชุบน้ำผสมสบู่อ่อนๆ เช็ดทุกส่วนในห้องโดยสาร เช่น แผงประตู เบาะที่ผลิตจากหนังเทียม พวงมาลัย ,แผงหน้าปัด
-----2. ใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าทำความสะอาดอีกครั้ง
-----3. จากนั้น ควรจอดรถยนต์เปิดกระจกและประตูทุกบานเพื่อให้มีการระบายอากาศ และกำจัดกลิ่นเหล่านี้ให้หมดไป
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:23:50 PM »

ข้อดีของขับเคลื่อนล้อหน้าแค่ข้อเดียวก็เกินพอสำหรับนายสมชายแล้วครับ... นั่นคือมัน"จิก"เข้าโค้งได้ดี...

เวลาเข้าโค้งแรงๆ ให้เบรคให้หนักขณะล้อตรง ในทางตรงก่อนเข้าโค้ง หากถนนลื่นเช่นเปียก ABS จะลั่นแกรกให้เรารู้ตัวว่าลิมิตของยาง+ถนนที่กำลังขับอยู่นั้น"แค่ไหน"ครับ... เมื่อเริ่มเข้าโค้งป๊บ สามารถเร่งเครื่องจิกเข้าโค้งได้ตั้งแต่เริ่มโค้งเลยเพราะรู้ลิมิตแล้ว แล้ว"เลี้ยงการทรงตัวของรถยนต์ด้วยคันเร่ง"ครับ ไม่ใช่เลี้ยงการทรงตัวด้วยเบรค ซึ่งอย่างหลังจะเสียหลักง่ายกว่า และในรถยนต์รุ่นใหม่จะมีระบบควบคุมการทรงตัวด้วยการตัดแรงบิดเครื่องจะช่วยทำงานแทน...

หากจะเข้าโค้งแรงๆ แบบย่อหน้าข้างบนด้วยรถล้อหลังจะอันตรายครับ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ไม่มีระบบช่วยทรงตัวคอยตัดแรงบิดฯ เร่งเครื่องแรงไปจนแรงเหวี่ยงชนะฟริกชั่นยางได้ปุ๊บ ตูดปัดออกทันที... ถ้าไม่ใช่นักขับที่ชอบเล่นท้ายสไลด์ฯ มีหวังหมุนหลุดโค้งเอาง่ายๆ ครับ...

ส่วนเรื่องทนทานนั้นนายสมชายไม่ค่อยกังวล เพราะมันซ่อมได้ทุกอย่าง และต้องเปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงกำหนดอยู่แล้วครับ...
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:33:49 PM »

ข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า

-----รถขับเคลื่อนล้อหน้ามีข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนจากการใช้งานจริง เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้าสามารถเข้าโค้งได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเข้าด้วยความเร็วสูง การลื่นไถลของตัวรถเกิดขึ้นน้อยกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ถ้าขับด้วยความประมาทแล้ว ต่อให้การขับเคลื่อนมีส่วนช่วยให้ขับง่ายขึ้นเพียงใดก็มีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุ "หลุดโค้ง" ได้ทั้งสิ้น

ข้อนี้ไม่น่าจะใช่ครับพี่

รถขับเคลื่อนล้อหน้าเกือบทั้งหมดขับง่ายก็จริง แต่ถ้าเข้าโค้งความเร็วค่อนข้างสูงก็มีอาการได้เช่นกัน
เพราะน้ำหนักตัวรถส่วนใหญ่ตกอยู่ที่ล้อคู่หน้า ทำให้เวลาเข้าโค้งจะมีอาการ Understear (หน้าดื้อ) อย่างเห็นได้ชัด
แต่แก้อาการไม่ยาก ด้วยการผ่อนคันเร่งแล้วหักพวงมาลัยเพิ่ม หรือเติมคันเร่งช่วยให้น้ำหนักถ่ายไปข้างหลัง จะเข้าโค้งง่ายขึ้น

ถ้าเป็นการหักหลบกระทันหันจะออกอาการ Overstear (ท้ายปัด) ได้ง่าย
เพราะน้ำหนักบนล้อคู่หลังน้อย เมื่้อเหยี่ยบเบรคน้ำหนักจะยิ่งถ่ายมาด้านหน้ามากขึ้นทำให้ท้ายยิ่งเบา

เรื่องนี้รถขับหลังจะได้เปรียบ เพราะออกอาการยากกว่าครับ
ครั้งล่าสุด 318i ตัวเก่าผมเคยโดน2ล้อตัดหน้าชนิดที่เบรคอย่างเดียวไม่ทันแ่น่ ต้องเบรคสุดตัวจากความเร็ว120 พร้อมหักหลบ รถนิ่งสนิทไม่มีอาการเลย

ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ตรงไม่อ้างอิงที่ไหนทั้งนั้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2012, 01:00:48 AM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:48:36 PM »

ผมก็ก๊อปๆมาครับคุณอรชุน หาความรู้ไปพลางๆครับ  Grin
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:01:13 PM »

แหม  .....  กำลังอยากได้อยู่ทีเดียว  กด Like ให้แสนนึงเรย    ยิ้มีเลศนัย

ถ้าน้าอั้มไม่ออกมาเม๊นท์ละก็กดล้านเลยนะเนี่ย    Cheesy
บันทึกการเข้า

                
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:26:45 PM »

ทำความเข้าใจง่ายๆ กับ ไฟ Xenon

-----ใครๆ ก็เคยได้ยินชื่อ" ไฟซีนอน" (อ่านว่า ซี-น่อน) หลายสื่อเคยนำเสนอ แต่อาจซับซ้อนจนงง บางคนเข้าใจผิดว่าซีนอนสว่างมากจนแยงตาหรือเป็นของเล่นราคาแพงเพราะถ้าจะติดเพิ่มต้องจ่ายหลายหมื่นบาทอ่านบทความที่ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ เกี่ยวกับไฟซีนอน

ไฟซีนอนถูกนำมาใช้ในรถอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เริ่มต้นจากรุ่นราคาแพงหลายล้านบาท ก็เริ่มขยับถูกนำมาในรถราคาถูกลง แม้กระทั้งรถปิกอัพบางยี่ห้อก็มีใช้ แต่ก็ยังไม่แพร่หลาย ถือว่ามีใช้ในรถบางรุ่นเท่านั้น ถ้าไม่นับรถปิกอัพก็จะมีแต่รถคันละล้านกว่าบาทขึ้นไปที่มีใช้ไฟซีนอน จึงเหมือนเป็นระบบไฟพิเศษราคาแพง ยากที่จะได้ใช้ แต่ก่อนถ้าจะติดตั้งเพิ่มเติมก็ชุดละเป็นหมื่นบาท หลายคนจึงรู้จักไฟซีีนอนเพียงผิวเผิน รู้แต่ว่ามีใช้ในรถราคาแพงและสว่างดี ส่วนการทำงานจริงเป็นอย่างไร หรือติดตั้งเพิ่มได้ไหม จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว

-----ความแตกต่างจากฮาโลเจน
-----คนในยุคนี้ คุ้นเคยกับหลอดไฟแบบฮาโลเจน หลอดแบบมีไส้ภายในบรรจุก๊าซฮาโลเจน (ไม่ใช่เรียกเพี้ยนๆ แบบบางคนว่า หลอดไฮโดรเจน) ซึ่งแตกต่างแค่รายละเอียดด้านขนาด รูปทรงของฐาน ความสว่าง หรือจำนวนของไส้ โดยมีรหัสเรียก เช่น H1 H2 H3 H4 มีราคาตั้งแต่หลอดละ 50 บาท ไปจนถึงหลอดไฟของแต่ง ราคาหลอดละเป็นพันบาท เปรียบเทียบการทำงานแบบง่ายๆ ของหลอดฮาโลเจน ก็คือ หลอดไฟแบบมีไส้ จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไป ทำให้ไส้ร้อนเปล่งแสงผ่านก๊าซที่ชื่อ ฮาโลเจนที่บรรจอยูุ่ในหลอดรอบตัวไส้ ถ้าหลอดแตกจนก๊าซรั่วหรือไส้ขาดก็เสีย รับไฟ 12 โวลต์ตรงๆ จากระบบปกติของรถ การเปิดให้สว่างก็แค่จ่ายกระแสไฟเข้าไฟแสงจะสว่างขึ้นอย่างฉับไว แบบเดียวกับที่กะพริบไฟสูงหากยังงงให้นึกถึงหลอดไฟที่ใช้ในบ้าน เป็นหลอดกลมๆ ทรงคล้ายน้ำเต้า มีไส้ต่อไฟโดยตรงนั่นเอง แสงของไฟมักจะสว่างแบบอมเหลืองดูโปร่งๆ

ส่วนหลอดไฟซีนอน ภายในบรรจุก๊าซชื่อ ซีนอน ไม่มีไส้โดยตรงแบบฮาโลเจน ทำงานคล้ายกับหลอดไฟนีออนที่ใช้ในบ้าน ต้องมีตัวแปลงและควบคุมกระแสไฟ เรียกว่า บัลลาร์ด เป็นกล่องคั่นระหว่างสายไฟปกติ ก่อนต่อเข้าตัวหลอด แสงจะออกมานวลๆการเปิดให้หลอดซีนอนสว่าง ตัวบัลลาร์ดจะสร้างกระแสไฟฟ้าระดับ 20,000 กว่าโวลต์ ส่งเข้าไปยังตัวหลอดเพื่อจุดในครั้งแรก และในอีกประมาณ 1-2 วินาที ก็จะลดกระแสไฟฟ้าลงเหลือ 12 โวล์ต (หรือไม่กี่สิบโวลต์) ต่อเนื่องไป

สรุปง่าย ๆ ว่า ระบบไฟซีนอน มีกระแสไฟเป็นหมื่นโวลต์ถูกสร้างขึ้นด้วยกล่องบัลลาร์ดในช่วงสั้นๆ เพื่อจุดหลอดให้สว่างเท่านั้น ต่อจากนั้นก็จะลดไฟลงมาเหลือไม่กี่สิบโวล์ตคงความสว่างไว้ตัวหลอดซีนอน จะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วินาที กว่าจะสว่างเต็มที่หลังจากจุดครั้งแรก จึงทำให้ถูกใช้แต่หลอดไฟต่ำ แต่ไม่ใช้กับไฟสูง เพราะสว่างไม่ทัน ถ้ามีการกะพริบไฟหรือเปิดไฟสูงในทันที ไฟซีนอนที่มีทั้งไฟต่ำและสูง จึงไม่ใช่เป็นการแยก 2 หลอดจุดหลอดใหม่ แต่ใช้หลอดเดียวต่อข้าง สว่างตลอด และใช้การเลื่อนตัวหลอดหรือตัวบัง ให้เปลี่ยนเป็นไฟต่ำหรือสูงได้ในหลอดที่สว่างตลอดอยู่หลอดเดียว
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:28:00 PM »

เหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่ารถล้อหลังหรือรถล้อหน้า คนขับต้องรู้ลิมิตของรถยนต์ด้วยครับ... รู้ลิมิตแล้วต้องเลี้ยง+รีดสมรรถนะของรถออกมาได้ไต่เส้นลิมิตให้ได้มากที่สุด...

เรื่องหาลิมิตรถนี่บางคนเป็นเรื่องง่าย บางคนหลายคนขับรถมาหลายปี แต่ไม่เคยรู้ว่าแค่ไหนทำได้ แค่ไหนทำไม่ได้... เรื่องนี้เป็นเซ็นส์(Sense) ของแต่ละคนละเอียดแค่ไหนด้วยครับ, แม้แต่เอากระเป๋าเดินทางวางที่ช่องเก็บของท้ายรถ กับวางที่เบาะหลัง ถ่วงน้ำหนักแตกต่างกันแค่ไม่กี่กิโล แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆ อาการรถไม่เหมือนกันครับ...

เวลารถจะเริ่มไถล มันจะมีอาการแค่วิบเดียวให้จับสังเกต บางคนจับไม่ได้ โดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งหัดขับ แต่เปลี่ยนช่วงล่างแข็งๆ เวลาจะหลุดโค้งแว่บเดียวมันหลุดเลยไม่เอียงมาก แต่ถ้าหากคนขับรู้ตัวตอนนั้นได้ ก็ต้องแก้ให้ได้ด้วย... รถล้อหน้ามันจะฝืนความรู้สึกมือใหม่หน่อยครับ คือมันต้องเร่งเครื่องเพื่อให้ล้อหน้าจิก แล้วลากตัวรถเข้าศูนย์กลางโค้งให้ได้ ทีนี้มันก็ขึ้นกับว่าก่อนจะเร่งนั้นน่ะ แรงเหวี่ยงเกินลิมิตฟริกชั่นยางอยู่หรือเปล่า หากเกินลิมิตแล้วเร่งส่ง มันจะไถลทั้ง 4 ล้อเลยครับ เขาเลยต้องผ่อนคันเร่งก่อน เพื่อให้แรงเหวี่ยงน้อยลง แล้วเร่งจิกเข้าโค้งต่อ...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:33:02 PM »

 เยี่ยม
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:54:28 PM »

เบาะหนังใช้โลชั่นบำรุงผิวเช็ดเบาๆ  จะแลดูสวยและไม่กระด้าง
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:56:38 PM »

เบาะหนังใช้โลชั่นบำรุงผิวเช็ดเบาๆ  จะแลดูสวยและไม่กระด้าง

งั้นสาวๆทาโลชั่นบ่อยๆ ใส่ขาสั้น เสื้อกล้าม ก็เท่ากับดูแลเบาะรถไปในตัวใช่มั้ยครับพี่lek  คิก คิก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 06:59:48 PM »

เหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่ารถล้อหลังหรือรถล้อหน้า คนขับต้องรู้ลิมิตของรถยนต์ด้วยครับ... รู้ลิมิตแล้วต้องเลี้ยง+รีดสมรรถนะของรถออกมาได้ไต่เส้นลิมิตให้ได้มากที่สุด...

เรื่องหาลิมิตรถนี่บางคนเป็นเรื่องง่าย บางคนหลายคนขับรถมาหลายปี แต่ไม่เคยรู้ว่าแค่ไหนทำได้ แค่ไหนทำไม่ได้... เรื่องนี้เป็นเซ็นส์(Sense) ของแต่ละคนละเอียดแค่ไหนด้วยครับ, แม้แต่เอากระเป๋าเดินทางวางที่ช่องเก็บของท้ายรถ กับวางที่เบาะหลัง ถ่วงน้ำหนักแตกต่างกันแค่ไม่กี่กิโล แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆ อาการรถไม่เหมือนกันครับ...

เวลารถจะเริ่มไถล มันจะมีอาการแค่วิบเดียวให้จับสังเกต บางคนจับไม่ได้ โดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งหัดขับ แต่เปลี่ยนช่วงล่างแข็งๆ เวลาจะหลุดโค้งแว่บเดียวมันหลุดเลยไม่เอียงมาก แต่ถ้าหากคนขับรู้ตัวตอนนั้นได้ ก็ต้องแก้ให้ได้ด้วย... รถล้อหน้ามันจะฝืนความรู้สึกมือใหม่หน่อยครับ คือมันต้องเร่งเครื่องเพื่อให้ล้อหน้าจิก แล้วลากตัวรถเข้าศูนย์กลางโค้งให้ได้ ทีนี้มันก็ขึ้นกับว่าก่อนจะเร่งนั้นน่ะ แรงเหวี่ยงเกินลิมิตฟริกชั่นยางอยู่หรือเปล่า หากเกินลิมิตแล้วเร่งส่ง มันจะไถลทั้ง 4 ล้อเลยครับ เขาเลยต้องผ่อนคันเร่งก่อน เพื่อให้แรงเหวี่ยงน้อยลง แล้วเร่งจิกเข้าโค้งต่อ...

รถบางคันรู้ลิมิตแล้วมันมากครับพี่
ยกตัวอย่าง Mazda MX5 เป็นรถขับหลังที่เป็นกลางมาก และเป็นรถที่ชอบโค้ง
โค้งกว้างๆหักเข้าด้วยความเร็วซักหน่อยแวบแรกจะออกอันเดอร์ ไหลเข้าไปอีกนิดอาการจะส่งมาที่สะโพก
ท้ายจะเริ่มออกถ้าคงความเร็วไว้จะไหลออกได้สวยๆ มือใหม่ถ้าเจอรถแบบบนี้จะตกใจเหยียบเบรคผลคือหมุนติ้ววว
รถขับหลังถ้าท้ายเริ่มออกแบบจะเอาไม่อยู่ห้ามเบรค ให้ผ่อนคันเร่งแล้วลดเกียร์ เลี้ยงพวงมาลังเอาไว้จะผ่านได้


ส่วนรถขับหน้าก็แบบที่พี่สมชายว่าไว้ เบรคก่อนเข้าโค้ง พอเข้าแล้วให้หักเพิ่มและเร่งส่ง หรือถ้าไหล4ล้อแล้วให้ผ่อนแล้วหักเพิ่มก็จะผ่านได้
ถ้าเป็นขับสี่จะง่ายกว่ารถขับเคลื่อนแบบอื่นเอามากๆ  Grin Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 24, 2012, 07:07:07 PM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
-Joke-
Vive la liberté de parole et d'opinion!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -459
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4225


^_^


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 07:49:22 PM »

เหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่ารถล้อหลังหรือรถล้อหน้า คนขับต้องรู้ลิมิตของรถยนต์ด้วยครับ... รู้ลิมิตแล้วต้องเลี้ยง+รีดสมรรถนะของรถออกมาได้ไต่เส้นลิมิตให้ได้มากที่สุด...

เรื่องหาลิมิตรถนี่บางคนเป็นเรื่องง่าย บางคนหลายคนขับรถมาหลายปี แต่ไม่เคยรู้ว่าแค่ไหนทำได้ แค่ไหนทำไม่ได้... เรื่องนี้เป็นเซ็นส์(Sense) ของแต่ละคนละเอียดแค่ไหนด้วยครับ, แม้แต่เอากระเป๋าเดินทางวางที่ช่องเก็บของท้ายรถ กับวางที่เบาะหลัง ถ่วงน้ำหนักแตกต่างกันแค่ไม่กี่กิโล แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆ อาการรถไม่เหมือนกันครับ...

เวลารถจะเริ่มไถล มันจะมีอาการแค่วิบเดียวให้จับสังเกต บางคนจับไม่ได้ โดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งหัดขับ แต่เปลี่ยนช่วงล่างแข็งๆ เวลาจะหลุดโค้งแว่บเดียวมันหลุดเลยไม่เอียงมาก แต่ถ้าหากคนขับรู้ตัวตอนนั้นได้ ก็ต้องแก้ให้ได้ด้วย... รถล้อหน้ามันจะฝืนความรู้สึกมือใหม่หน่อยครับ คือมันต้องเร่งเครื่องเพื่อให้ล้อหน้าจิก แล้วลากตัวรถเข้าศูนย์กลางโค้งให้ได้ ทีนี้มันก็ขึ้นกับว่าก่อนจะเร่งนั้นน่ะ แรงเหวี่ยงเกินลิมิตฟริกชั่นยางอยู่หรือเปล่า หากเกินลิมิตแล้วเร่งส่ง มันจะไถลทั้ง 4 ล้อเลยครับ เขาเลยต้องผ่อนคันเร่งก่อน เพื่อให้แรงเหวี่ยงน้อยลง แล้วเร่งจิกเข้าโค้งต่อ...

รถบางคันรู้ลิมิตแล้วมันมากครับพี่
ยกตัวอย่าง Mazda MX5 เป็นรถขับหลังที่เป็นกลางมาก และเป็นรถที่ชอบโค้ง
โค้งกว้างๆหักเข้าด้วยความเร็วซักหน่อยแวบแรกจะออกอันเดอร์ ไหลเข้าไปอีกนิดอาการจะส่งมาที่สะโพก
ท้ายจะเริ่มออกถ้าคงความเร็วไว้จะไหลออกได้สวยๆ มือใหม่ถ้าเจอรถแบบบนี้จะตกใจเหยียบเบรคผลคือหมุนติ้ววว
รถขับหลังถ้าท้ายเริ่มออกแบบจะเอาไม่อยู่ห้ามเบรค ให้ผ่อนคันเร่งแล้วลดเกียร์ เลี้ยงพวงมาลังเอาไว้จะผ่านได้


ส่วนรถขับหน้าก็แบบที่พี่สมชายว่าไว้ เบรคก่อนเข้าโค้ง พอเข้าแล้วให้หักเพิ่มและเร่งส่ง หรือถ้าไหล4ล้อแล้วให้ผ่อนแล้วหักเพิ่มก็จะผ่านได้
ถ้าเป็นขับสี่จะง่ายกว่ารถขับเคลื่อนแบบอื่นเอามากๆ  Grin Grin

วันหลังจะให้ลอง กับความเป็น 50-50 แถมเกียร์มันปรับเองตามโค้งด้วย ขับชิลๆสัก 100-120 ก็สนุกแล้วคันนี้
บันทึกการเข้า

A la volonté du peuple
Et à la santé du progrès,
Remplis ton cœur d'un vin rebelle
Et à demain, ami fidèle.
Nous voulons faire la lumière
Malgré le masque de la nuit
Pour illuminer notre terre
Et changer la vie.
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 07:50:38 PM »

ฟังน้าอั้มสาธยายแล้วอยาก subaru impreza ตะหงิดๆ  หลงรัก               (แค่ฝันครับ เอื้อมไม่ถึง)   เศร้า
บันทึกการเข้า

                
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.192 วินาที กับ 18 คำสั่ง