ซอยนานา(ทรรศนะกับซึมเศร้าฯ ทีม)

ถ้าต้องการภาพสวยๆจ๊าบๆ แนะนำตัวนี้เลยครับ...สุดยอดดดดด

เลนส์ 24-72 มม. (เทียบเท่าเลนส์กล้องฟิล์ม 35 มม.) โครงสร้างเลนส์ 11 ชิ้น แบ่งเป็น 7 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์พิเศษ Asphericalรูรับแสงกว้างสุด F2.5 ที่ช่วงมุมกว้าง และ F4.4 ที่ช่วงเทเล ถ่ายภาพมุมกว้างสุดที่ 24 มม. และยังต่อเข้ากับคอมเวอเตอร์ xiับมุมกว้างสุดเป็น 19 มม. ระบบควบคุมการบันทึกภาพแมนนวล สมบูรณ์แบบ ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ปรับเงยขึ้นได้ (อุปกรณ์เสริม)Ricoh GX200 เซ็นเซอร์ใช้เซ็นเซอร์ CCD ขนาด 1/1.7 นิ้ว ความละเอียด 12?ล้านพิกเซล สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นใหม่ GX200 คือ จอ LCD ขนาดใหญ่ 2.7 นิ้ว ความละเอียดสูง 460,000 พิกเซล HVGA LCD พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลใหม่ Smooth Imaging Engine III ถ่ายภาพต่อเนื่องติดกันได้ 5 ภาพที่ความละเอียดสุงสุด และที่ฟอร์แมท RAW มีโหมดบันทึกภาพ “My Settings”เพื่อบันทึกค่าต่างๆ ที่ปรับใช้งานเป็นประจำ ทำให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และมีโหมดบันทึกภาพขาวดำ พร้อมระบบชิพท์ออโต้โฟกัสและการวัดแสงหรือทั้งสองอย่าง ระบบแฟลชออโต้ ปรับเองแบบแมนนวลได้ และมีระบบสัมพันธ์แฟลชที่ม่านชัตเตอร์ชุดหลังเช่นเดียวกับกล้องระดับโปร
นอกจากนี้ยังปรับชดเชยไวท์บาลานซ์ได้ และสามารถปรับแต่งภาพ ได้ตามใจชอบ อาทิ ปรับสี เด็นซิคี้ คอนทราสท์ และความคมชัด หรือจะเลือกโทนสีพิเศษแบบสีซีเปีย สีแดง lีเขียว หรือสีม่วง มีอุปกรณ์เสริมพิเศษ คือ ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ GX200 VF KIT สวมเข้ากับฮอทชูทางด้านบน แสดงภาพ 100% ปรับเงยขึ้นได้ ช่วยให้สะดวกในการถ่ายภาพมุมต่ำ และที่พิเศษมากอีกอย่างหนึ่งคือ มีเซ็นเซอร์ระดับน้ำในตัวกล้อง และแสดงให้ทราบบนจอ LCD แก้ปัญหาเรื่องถ่ายภาพเอียงได้เป็นอย่างดี GX200 ชุดมาตรฐาน จำหน่ายพร้อมอุปกรณ์อันประกอบด้วย ชุดประจุไฟพร้อมแบตเตอรี่ ลิเธี่ยม, สายเชื่อมต่อแบบAV, สายเชื่อมต่อ แบบUSB, แผ่นCD-ROM, สายกล้องคล้องมือ, ฝาปิดหน้าเลนส์ นอกจากนี้ยังมีชุดจำหน่ายที่มาพร้อมช่องมองภาพ VF KIT
Ricoh GX 200 ใช้เซ็นเซอร์ภาพแบบ CCD ขนาด 1/1.75 นิ้ว มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล effective ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และบันทึกภาพผ่านเลนส์ออพติคอลซูมมุมกว้างคุณภาพสูง ขนาด 24-72 มม. ซึ่งสามารถซูมแบบดิจิตอลได้อีก 4 เท่า มีขนาดภาพใหญ่สุด 4000x3000 พิกเซล ปรับลดขนาดจนเหลือเล็กสุด 640x480 พิกเซล พร้อมด้วยไฟล์พิเศษ 1:1 ขนาด 2992 X 2992 พิกเซล สำหรับใช้งาน ที่ต้องการพื้นที่แบบสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนภาพเคลื่อนไหวบันทึกด้วยฟอร์แมท AVI (Open DML Motion JPEG) มีขนาดไฟล์ใหญ่สุด 640x480 พิกเซล ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวกล้องทำจากแมกนีเซี่ยมอัลลอยด์ให้ความแข็งแรงทนทาน พร้อมฟังก์ชั่นการทำงาน ที่ครบครันทั้งโหมดออโต้และโหมดก้าวหน้า แต่ Ricoh จะเน้นการใช้งานในระดับมืออาชีพมากขึ้น โดยมีโหมดโปรแกรม (P), โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A) และโหมดแมนนวล (M) ส่วนถ้าหากต้องการใช้งานแบบไม่ต้องปรับตั้งอะไรให้ยุ่งยาก ก็มีโหมดถ่ายภาพอย่างง่ายๆ เช่นโหมดออโต้ หรือ Scene Mode ให้เลือกใช้งานด้วย
ส่วนรูปแบบของภาพก็สามารถเลือกแบบ 4:3 หรือ 3:2 และขนาดพิเศษ 1:1 สำหรับการใช้งานบางประเภทได้ ซึ่งขนาดไฟล์ของ GX200 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลาย และรองรับการใช้งานในระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเลือกบันทึกภาพได้ทั้งฟอร์แมท JPEG และ RAW ซึ่งเป็นฟอร์แมทที่ช่างภาพระดับมืออาชีพ เลือกใช้บันทึกภาพ พร้อมทั้งสามารถเลือกรูปแบบ RAW+JPEG ได้พร้อมกัน แบบเดียวกับกล้องดิจิตอล SLR ทั่วไป
เลนส์ที่ใช้ยังเป็นเลนส์ซูม 3 เท่ามุมกว้างเป็นพิเศษ ขนาด 24-72 มม. หรือเทียบเท่าในระบบฟิล์ม 35 มม. เช่นเดียวกับใน GX100 โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสุด f/2.4-4.4 และแคบสุด f/9.1-15.8 สามารถปรับซูมแบบดิจิตอลได้อีก 4 เท่า ปรับโฟกัสในระยะปกติได้ใกล้สุด 4 ซม. และปรับได้ใกล้ถึง 1 ซม. จากหน้าเลนส์ในโหมดมาโคร สามารถถ่ายภาพวัตถุที่มีขนาดเล็กๆ ได้เป็นอย่างดี

ระบบวัดแสงเป็นแบบ TTL-CCD metering มีให้เลือกใช้งานได้ 3 แบบ คือ แบบ Multi Light Metering แบ่งพื้นที่ออกเป็น 256 ส่วน, แบบหนักกลางภาพ และแบบเฉพาะจุด ซึ่งสามารถปรับชดเชยแสงได้ +/-2 สตอป เลือกปรับแบบละเอียดได้ขั้นละ 1/3 สตอป พร้อมปุ่มล็อคความจำแสง เช่นเดียวกับกล้อง D-SLR ระดับมืออาชีพ เลือกถ่ายภาพคร่อมได้ 2 แบบคือ +0.5, 0, -0.5 สตอป และ +0.3, 0, -0.3 สตอป ความเร็วชัตเตอร์สามารถปรับได้สูงสุด 1/2000 วินาที และปรับได้ต่ำสุดถึง 180 วินาที หรือ 3 นาที เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องเปิดชัตเตอร์นานๆ อย่างการถ่ายภาพแสงสีตอนกลางคืน
ความไวแสงของ GX200 เลือกใช้งานได้ทั้งแบบออโต้ความไวแสง และแบบปรับตั้งเอง โดยเลือกได้จาก ISO64-1600 (GX100 ปรับได้จาก ISO80-1600) รวมทั้ง Auto High ISO ซึ่งกล้องจะปรับความไวแสงสูงให้อัตโนมัติ เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง และเพื่อให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น สำหรับหยุดจังหวะการเคลื่อนไหวของแบบ ต่างจากแบบออโต้ปกติที่กล้องจะเลือกให้ตามความเหมาะสม ทางด้านไวท์บาลานซ์สามารถปรับเลือกได้แบบออโต้ รวมทั้งปรับตามสภาพแสง อาทิ outdoor, cloudy, incandecent, Fluorescent ตั้งแบบ Manual และ Detail ซึ่งสามารถปรับชิฟท์แบบละเอียดได้อีกจากการปรับตั้งในเมนูถ่ายภาพ
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งฟังก์ชั่นคือ ฟังก์ชั่นเช็คระนาบของกล้องโดยอัตโนมัติ ซึ่งสะดวกในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรืองานสถาปัตยกรรม โดยจะมีสเกลบอกที่มอนิเตอร์ว่ากล้องเอียงซ้ายหรือขวา และเมื่ออยู่ในแนวระนาบแล้ว สเกลจะเป็นสีเขียวและมีเสียงร้องเตือนด้วย หรือจะเลือกใช้แบบเส้นตาราง ที่จอมอนิเตอร์ก็ได้ โดยเมื่อกล้องอยู่ในแนวระนาบแล้วจะมีเสียงเตือนเช่นเดียวกัน ซึ่งฟังก์ชั่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพแนวนอนและแนวตั้ง และสามารถเลือกตั้งได้แบบทั้งโชว์สเกลและเสียง แบบเฉพาะเสียง หรือถ้าหากรำคาญเสียงก็เลือกใช้แบบเฉพาะสเกล หรือถ้าไม่ต้องการใช้จะปิดการทำงานเลยก็ได้ ซึ่งระบบนี้ปรับตั้งได้ด้วยการกดปุ่ม DISP. ด้านหลังกล้องค้างไว้
GX200 สามารถปรับโฟกัสแบบแมนนวลได้ และเลือกใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วย โดยเข้าไปปรับตั้งที่เมนูโหมดโฟกัส ปรับเลือกที่ MF กล้องจะโชว์สเกลการโฟกัสให้ทราบ เวลาโฟกัสใช้ปรับขึ้น-ลงจากปุ่ม 4 ทิศทางด้านหลังกล้อง และสามารถซูมดูความคมชัดขณะปรับได้ด้วยการกดปุ่ม OK ค้างไว้ กล้องจะซูมส่วนกลางภาพขึ้นมา สำหรับเช็คปรับโฟกัสถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ในโหมดถ่ายภาพแบบแมนนวลและออโต้ความเร็วชัตเตอร์
GX200 มีแฟลชป๊อบอัพในตัวครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ระยะ 20 เซ็นติเมตรถึง 5 เมตร ในช่วง wide และ 15 เซ็นติเมตรถึง 3 เมตร ในช่วง Tele ในโหมดแฟลชสามารถลือกการทำงานได้ทั้ง แบบออโต้ แบบปรับแก้ตาแดงอัตโนมัติ แบบสัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ซึ่งสามารถปรับชดเชยแสงแฟลชได้+/-2 สตอป และแฟลชแมนนวลที่ปรับลดกำลังไฟได้จนถึง 1/32 จุดที่พิเศษกว่ากล้องคอมแพคอื่นๆ คือสามารถปรับเลือกการปล่อยแสงแฟลชให้สัมพันธ์กับม่านชัตเตอร์ชุดที่ 1 หรือชุดที่ 2 ได้ เช่นเดียวกับกล้อง D-SLR ทุกประการ

การออกแบบRicoh GX200 ยังคงรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับ Gx100 แทบทั้งหมด การวางตำแหน่งของปุ่ม และอุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ส่วนที่หายไปคือช่องเซ็นเซอร์ด้านหน้า ใกล้ๆ กับฐานเลนส์ และชื่อของ RICOH บนฐานแฟลชมาแทน Caplio ในรุ่นเดิม รอบๆ เลนส์เป็นฐานสำหรับติดอุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ อะแดปเตอร์สำหรับต่อเลนส์วายด์ เลนส์เทเล หรือฮูด โดยมีวงแหวนครอบปิดแบบเกลียวหมุน ด้านซ้ายเป็น กริปขนาดใหญ่หุ้มด้วยยางลายหยาบ เมื่อจับถือแล้วให้ความนุ่มและกระชับมือมากทีเดียว
ด้านบนของกริปเป็นตำแหน่งของแป้นปรับรูรับแสง ถัดไปด้านข้างเป็นช่องร้อยสายสะพายกล้อง ขึ้นไปด้านบนตัวกล้องริมขวาสุดเป็นแป้นหมุนปรับโหมดถ่ายภาพ ถัดมาเล็กน้อยเป็นปุ่ม
ชัตเตอร์ เยื้องมาทางด้านหลังเป็นปุ่มปิด-เปิดการทำงาน ถัดไปเป็นตำแหน่งของแฟลชป๊อบอัพ พร้อมฐานเสียบแฟลชเสริม ซึ่งใช้งานเป็นส่วนต่อเชื่อมกับวิวไฟน์เดอร์แบบไฟฟ้าด้วย ซ้ายสุดเป็นก้านโยกเปิดใช้งานแฟลชและปุ่มฟังก์ชั่น 1 ที่สามารถตั้งค่าการทำงานได้หลายแบบ ติดกันเป็นช่องสำหรับร้อยสายสะพายหรือสายคล้องมือ
ด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 2.7 นิ้ว ความละเอียดสูง 460,000 พิกเซล จอภาพคมชัด มองได้อย่างชัดเจน และปรับความสว่างได้หลายระดับ ติดกับมอนิเตอร์ด้านบน เป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าของวิวไฟน์เดอร์ ถัดมาด้านขวาเป็นปุ่มปรับเลือกสลับการทำงานระหว่าช่องวิวไฟน์เดอร์กับจอมอนิเตอร์ ถัดไปอีกเล็กน้อยเป็นแป้น Adjust สำหรับปรับตั้งการทำงานต่างๆ อาทิ ปรับความเร็วชัตเตอร์ในโหมดแมนนวล ใช้เป็นปุ่มลัด สำหรับปรับเรียกเมนูที่ต้องการปรับตั้ง เช่น การปรับชดเชยแสง ปรับไวท์บาลานซ์ หรือปรับความไวแสง เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกเมนูด้วยการกดแป้นนี้ลงไปตรงๆ ข้อมูลของเมนูจะโชว์ขึ้นที่ด้านบนขวาของจอ และรายละเอียดของเมนูจะโชว์ที่ด้านซ้ายของจอ
ถัดไปด้านริมขวาเป็นปุ่มสำหรับปรับซูมภาพและซูมดูภาพในโหมดพรีวิวด้วย ถัดลงไปติดๆ กับจอมอนิเตอร์เป็นปุ่มพรีวิวภาพ ลงมาอีกเล็กน้อยเป็นปุ่มปรับ 4 ทิศทาง ตรงกลางเป็นปุ่มเมนูและปุ่ม OK เพื่อยืนยันการตั้งค่าต่างๆ ซึ่งปุ่มปรับ 4 ทิศทางนี้ นอกจากจะใช้เลือกการทำงานของกล้อง รวมทั้งเลือกภาพพรีวิวแล้ว ปุ่มด้านซ้ายใช้เป็นเป็นปุ่มฟังก์ชั่น 2 ที่สามารถปรับตั้งได้ว่าจะให้เป็นปุ่มลัดไปสู่การทำงานอะไร เช่น เลือกระบบโฟกัส เลือกปรับคุณภาพของภาพ เลือกปรับความไวแสง หรือเลือกใช้ปรับล็อคความจำแสง เป็นต้น ปุ่มด้านล่างปรับใช้การโฟกัสแบบมาโคร สำหรับถ่ายใกล้ ปุ่มด้านขวาปรับเลือกการทำงานของแฟลชป๊อบอีพ
ด้านล่างของปุ่ม 4 ทิศทางเป็นปุ่มตั้งเวลาถ่ายภาพ ซึ่งเลือกได้แบบคือ 2 และ 10 วินาที และเป็นปุ่มสำหรับลบภาพ ในโหมดพรีวิวภาพ ถัดไปด้านขวาเป็นปุ่ม Display เลือกแสดงรายละเอียด ของการรับตั้งกล้องที่มอนิเตอร์ รวมทั้งรายละเอียดของภาพถ่ายในโหมดพรีวิวภาพด้วย ด้านข้างตัวกล้องเป็นช่อง USB และ AV out สำหรับต่อเชื่อมเพื่อโอนถ่ายข้อมูลหรือชมภาพจากจอโทรทัศน์ ซึ่งเลือกได้ทั้งแบบ PAL และ NTSC
ใต้ตัวกล้องเป็นช่องแบตเตอรี่ชาร์จ Li-Ion DB60 ซึ่งใช้แบบเดียวกับ รุ่น GRD II และสามารถใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน ซึ่งหาซื้อได้อย่างสะดวกมาใช้แทนก็ได้ ติดๆกันเป็นช่องสำหรับใส่เมมโมรี่การ์ด แบบ SD card, SDHC card หรือ MMC card ก็ได้ รวมทั้งมีหน่วยความจำในตัว 54 MB
ส่วนวิวไฟน์เดอร์สำหรับ GX200 นั้นเป็นแบบ EVF หรือ Electronic View Finder ออกแบบให้เสียบเข้าไปตรงช่องฮอทชูของกล้องพร้อมขาเชื่อมระบบการทำงานที่จุดเชื่อมเหนือจอมอนิเตอร์ ตัว
วิวไฟน์เดอร์สามารถปรับระดับในการมองได้จากระดับสายตาไปจนถึงมองจากด้านบนในมุม 90 องศา สามารถปรับการใช้งานสลับกับจอมอนิเตอร์ได้ด้วยปุ่ม VF/LCD ด้านหลังตัวกล้อง หรือเมื่อใช้มองจากวิวไฟน์เดอร์ก็กดปุ่มที่ด้านหลังตัววิวไฟน์เดอร์ค้างไว้ กล้องจะตัดการทำงาน จากช่องมองมาเป็นจอมอนิเตอร์จนกว่าจะปล่อยมือจากปุ่มนั้น
การใช้งาน
หลังจากที่ได้รับกล้องมา ผมก็เอามาเปิดดูเมนูการทำงานต่างๆ ซึ่งเป็นเมนูที่คล้ายกับเมนูของ Ricoh GRD II ซึ่งออกแบบไม่ยุ่งยากนัก การปรับตั้งก็ทำได้อย่างสะดวกดีทีเดียว ตัวกล้องสีดำขรึมและออกแบบมาอย่างสวยงาม เช่นเดียวกับ GX100 และ GRD II ตัวบอดี้มีขนาดกระทัดรัด แต่ดูมีเสน่ห์และคลาสสิก และทุกส่วนสัด ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างดี เริ่มจากกริปที่มีขนาดกว้างและนูนเล็กน้อย หุ้มยางลายหยาบ เมื่อจับจะรู้สึกกระชับมือ และไม่ลื่นหลุดมือด้วยเมื่อจับถือตัวกล้อง การทำงานการควบคุมปุ่มต่างๆ บนตัวกล้องก็ทำได้อย่างสะดวก และถึงแม้จะเป็นกล้องที่ขนาดเล็ก แต่การทำงานของนิ้วชี้ และนิ้วโป้งก็ไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด ผมยังใช้นิ้วชี้กดปุ่มชัตเตอร์ และขยับเพียงเล็กน้อย เพื่อเลื่อนแป้นปรับรูรับแสงได้อย่างสะดวก ด้านนิ้วโป้งก็สามารถปรับปุ่ม Adjust และกดปุ่มปรับซูมภาพได้สะดวกเช่นกัน
มีหลายๆ ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นและได้ลองใช้งาน อย่างเช่น แมนนวลโฟกัส ซึ่งสามารถซูมดูจุดโฟกัส เพื่อความมั่นใจว่าโฟกัสได้ชัดเจนแล้วได้อีกด้วย ช่วยให้ถ่ายภาพมาโครได้ใกล้ จนเลนส์ชิ้นหน้า แทบจะติดกับวัตถุที่ถ่ายเลยทีเดียว ส่วนการปรับก็เพียงกดแป้น ADJ. ลงไปตรงๆ กดปุ่ม 4 ทิศทางเลือกไปที่เมนูโฟกัส เลือกไปที่ MF จะมีสเกลโฟกัสโชว์ที่ด้านซ้ายของจอ ปรับโฟกัสด้วยปุ่ม 4 ทิศทางขึ้น-ลง ถ้าต้องการซูมเพื่อเช็คความชัด ก็กดปุ่มเมนู หรือปุ่ม OK ค้างไว้ กล้องจะซูมบริเวณกลางภาพขึ้นมา เมื่อจะยกเลือกก็เพียงกดปุ่มเมนูค้างไว้เท่านั้นเองครับ
อีกหนึ่งเมนูที่ใช้งานได้ดีมากก็คือ การเช็กระนาบอัตโนมัติ ซึ่งกล้องจะเตือน เมื่อวางตัวกล้อง ในระดับที่เป็นแนวระนาบด้วยสเกลและเสียง แต่ถ้าหากว่าใครรำคาญก็สามารถปิดเสียง หรือปิดการใช้งานเลยก็ได้ โดยไปปรับที่เมนู หรือกดปุ่ม Display ค้างไว้สักพัก รายละเอียดของฟังก์ชั่นนี้จะโชว์ที่มอนิเตอร์ และปรับตั้งได้ตามต้องการ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Ricoh GX200 ก็คือเลนส์ขนาด 24-72 มม.ในระบบฟิล์ม 35 มม. ซึ่งให้คุณภาพที่ดีมาก แถมยังมีรูรับแสงกว้างถึง f/2.4 รวมทั้งมีฟังชั่นป้องกันภาพสั่นไหวด้วยให้ใช้งานด้วย ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องใช้แฟลช หรือขาตั้งกล้อง เมื่อต้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ ได้ ซึ่งจากการทดลองถ่าย และซูมขึ้นมาเช็คความคมชัดก้ยังพบว่าให้ภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
ความคิดเห็น
การทำงานหลายๆ อย่างของ Ricoh GX200 ใกล้เคียงกับการทำงานของกล้อง D-SLR บางรุ่น อีกทั้งการวางตำแหน่งปุ่มปรับต่างๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ผู้ที่ใช้กล้อง D-SLR อยู่เป็นประจำ เมื่อมาจับกล้องตัวนี้ก็สามารถใช้งานได้ไม่ยากนัก อีกอย่างคือ คุณภาพของตัวกล้อง และคุณภาพของไฟล์ต้องชมว่าทำได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ ครับ รวมทั้งฟอร์แมทในการบันทึกภาพที่เลือกแบบ RAW ได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกล้อง อย่างเช่น ช่องมองภาพ External Viewfinder เลนส์คอนเวอร์เตอร์แบบต่างๆ ทั้งมุมกว้าง (DW-6) กำลังขยาย 0.79 เท่า เพิ่มมุมกว้างขึ้นเป็น 19 มม. และแบบเทเล (TC-1) กำลังขยาย 1.88 เท่า เพิ่มระยะออกไปเป็น 135 มม. โดยมีอะแดปเตอร์ HA-2 สำหรับต่อจากหน้าเลนส์

GX200 ไม่ใช่กล้องตลาดทั่วๆ ไป แต่เป็นกล้องที่ผลิตออกมาสำหรับการใช้งานหนักระดับมืออาชีพ ตั้งแต่การออกแบบ รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานและวัสดุที่ใช้ทำตัวกล้อง เพราะฉะนั้นตัวกล้องอาจจะมีราคาที่สูงกว่ากล้องตัวอื่นๆ ในบรรดากล้องคอมแพคความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่หากพูดถึงผลงาน ที่ได้จากกล้องตัวนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นกล้องที่คุ้มค่าครับ
อุปกรณ์เสริม

Grin

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ซอยนานา(ทรรศนะกับซึมเศร้าฯ ทีม) (อ่าน 5678369 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้