ตอนนี้ กำลังจะซื้อ 11 ม.ม. อยากถามถึงความเห็นท่านที่ใช้ colt ขนาด full size อยู่ครับ ว่ารุ่น ไหนน่าใช้ที่สุดครับ
งั้นขอถามกลับหน่อยนะครับว่า คำว่ารุ่นไหน น่าใช้ที่สุด น่าใช้แบบไหนละครับ คำถามกว้างแบบนี้ พี่ๆ เขาก็ตอบกันลำบากซิครับ ว่าไม่รู้คุณจะใช้ปืน โคลท์ .45 ออโต ในลักษณะงานแบบไหน ชอบแบบยิงลุย ทิ้งๆ ขว้างๆ หรือชอบแบบคลาสสิก รุ่นเก่าลายคราม แบบมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หรือแบบแข่งขัน ยิงเป้า ยิงเป้าก็มีแบบเป้านิ่งๆ แข่งชาวบ้าน หรือ ไอพีเอสซี หรือแบบ ลูบๆ คลำๆ แล้วยิงนิดหน่อยพองาม แล้วเก็บเข้าตู้

??โอ๊ย ถ้าถามแบบนี้ พวกพี่ๆ เขาแนะนำลำบากครับ
....ผมเดาใจคุณไม่ถูกว่าคุณจะใช้งานแบบไหน แต่ไหนๆ แล้ว ก็เอาความเห็นไปพิจารณาดูแล้วกันครับ แล้วแต่ดุลยพินิจของท่านเจ้าของกระทู้ก็แล้วกัน ไล่ตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน
1.ถ้าคิดว่า รักแบบอนุรักษ์นิยม หยิบขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ภาคภูมิใจเมื่อนั้น ก็ โคลท์ 1911 หรือ โคลท์ 1911 เอ 1 ใช้งานได้ทนทานดีเหมือนกัน แต่ว่า มันเป็นของเก่าแล้ว เป็นผู้อาวุโสแล้ว เห็นควรเก็บท่านไว้ในตู้โชว์ หรือนำมายิงเป็นครั้งคราวดีกว่า ในความเห็นผมคิดว่า เก็บไว้ดีกว่า เอามาใช้งานลุยๆ แล้วเสียดายครับ บางกระบอก เป็นยูเอสอาร์มี่ ด้วยยิ่งต้องเลิกใช้เลยครับ ท่านเป็นวีรบุรุษสงคราม ต้องเก็บท่านไว้ครับ แต่ถามว่าใช้งานได้ไหมถ้าจำเป็น ใช้ได้ครับ อะไหล่สามารถเปลี่ยนกับรุ่นใหม่ แบบมาตรฐานได้ทุกชิ้น การติดขัดก็พอสมควรเพราะระบบสลัดปลอกเป็นแบบเก่า เรื่องการหาซื้อ ยากเอาการในสภาพดีๆ เขาเก็บกันหมดแล้วจ้า
2.มาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีรุ่น 1911 เอ1 ก่อนเป็นซีรีส์ 70 อันนี้ ก็ใช้ได้ เหมือน 1911 เอ 1 ของทหารเปี๊ยบ เพียงแต่ เปลี่ยนลักษณะ เซฟ ตัดห่วงตูดออก ก็เท่านั้น อันนี้ ในปัจจุบัน ยังเห็นใช้กันอยู่ทั่วไป ชิ้นงาน หนาบ้าง บางบ้าง แล้วแต่ โกร่งไกก็ไม่หนามาก ซื้อแล้วต้องใช้งานเลย เอามาแต่งโน่นแต่งนี้ ตัดโน่นตัดนี่ได้ไม่กี่ครั้งก็บางแล้ว แต่ถ้าเอามาใช้งาน เผื่อใจเรื่องปืนขัดลำไว้หน่อยนะครับ ตัวเตะปลอกและช่องคายเป็นแบบโบราณ ติดขัดบ่อยพอดูครับ ศูนย์หน้าใหญ่กว่ารุ่นสงครามซักนิด แต่ก็ยังเล็กไป ถ้าคิดจะใช้ประโยชน์จากศูนย์ แต่ถ้ายิงแบบสัญชาตญาณ ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก สภาพปืนในช่วงนี้ ต้องหาซื้อปืนมือสองอย่างเดียวครับ หายากเอาเรื่อง เพราะไม่ค่อยมีใครปล่อย ถ้าจะปล่อยก็แพง แถมต้องดูสภาพอีกด้วย เพราะชิ้นส่วนยำกันง่ายมากเลย
3.ต่อมาถึงปี 1970 โคลท์ได้ออก 1911 ตัวใหม่ออกมา เป็นโคลท์มาร์คโฟว์ ซีรีส์ 70 อันนี้ เป็นการผลิตขึ้นแนวใหม่จาก รุ่นปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ
1.บูทปากลำกล้องจะเป็นจีบๆ กลีบๆ นัยว่า เอาไว้หนีบลำกล้องให้แน่น ฟิตเพื่อแม่น ...อะไรทำนองนั้นแหละ ซึ่งรุ่นเดิมเป็นแบบทึบๆ (ก็ดีอยู่แล้ว) ทำกลีบฟิตแทบตาย แต่ตัวบู๊ทกลับไม่ฟิตกับสไลด์ มันก็เหมือนเดิม
2.ไกจะทำเป็นสีขาว เขาว่าเป็นอลูมิเนียม หรือเปล่า ผมไม่เคยมี แต่เป็นเป็นสีขาวแน่นอน
3.หงอนนกเปลี่ยนใหม่ เป็นแบบแกะลายกันลื่นแบบขวาง ซึ่งเป็นมาตรฐานมาถึงปัจจุบัน นกเป็นรูปทรงเหลี่ยมขึ้น ไม่มนโค้งเหมือนรุ่น สงครามหรือก่อนปี 1970
4.ตรงปลายลำกล้อง จะทำให้ปวมๆ นิดๆ เพื่อให้รับกับกลีบจำปา ของบูทปากลำกล้อง นัยว่าให้ฟิตยิงแม่นอีกนั่นแหละ
ท้ายลำกล้องทางขึ้นกระสุน จะปาดกว้างกว่ารุ่นเดิมมากเพื่อป้อนกระสุนสะดวก(แต่ทำให้องศาผิดไปนิดหน่อย ทำให้ลูกเข้ารังเพลิงช้ากว่ารุ่นเก่า เพิ่มโอกาสติดขัดอีกเช่นกัน )
5.ที่สำคัญ ซีรีส์ 70 เป็นปืนโคลท์รุ่นที่ช่างทำเนื้อเหล็กเผื่อมาให้หนาที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา ครอบกันฝุ่น หน้าโกร่งไก หน้าด้าม สไลด์ โครง หนาทั้งสิ้น ที่น่าใช้คือ มันหนา หนักขึ้นไปอีกหน่อย แต่ดีเวลาจะเอาไปซิ่ง หรือรมดำใหม่ เมื่อช่างปืน ไถปืนเพื่อรมดำ จะทำให้ปืนไม่บางมากนัก
ปืนรุ่นที่เป็นศูนย์ตายของ โคลท์ ส่วนใหญ่ใช้ง่าย สมบุกสมบัน โยนได้ ขว้างได้ เพราะทำศูนย์ไว้เตี้ย
แต่รุ่นนี้ ไม่มีสมอล็อคเข็มแทงชนวน ถ้าเกิดโชคร้าย นกปืนเกิดสับลงโดยอุบัติเหตุ ปืนสามารถสั่นได้เอง
ทำให้เกิดข้อครหา แต่ผมเห็นคนส่วนใหญ่ที่พกปืนรุ่นนี้ เขาก็ไม่มีปัญหากันนะ เพราะมันอีกฮาฟล็อคอยู่แล้ว
4. ต่อมาถึงปี 1980 โคลท์ ได้ออกแนวปืนมาใหม่อีก เป็น โคลท์มาร์คโฟว์ ซีรีส์ 80 มีของใหม่มาอีกคือ
มีสมอล็อคเข็มแทงชนวนมาด้วย ไม่เหนี่ยวไก ปืนตก นกตกโดยสาเหตุผีผลักนก ฯลฯ ปืนก็ไม่ลั่น ถ้าไม่เหนี่ยวไก
เมื่อโคลท์ ทำรุ่นนี้ออกมา จึงตัด หน้าแง่เซียร์ที่เป็นฮาฟล็อคออก เพราะฝรั่งไม่ทำอะไรซ้ำซ้อน เมื่อมีล็อคเข็ม ก็ตัดฮาฟล็อคออก แต่ผมเป็นคนไทย ขี้ระแวง ใช้รุ่นซีรีส์ 80 นี่แหละ แต่ไปหานกซีรีส์ 70 ทีมีฮาฟล็อคมาใส่ เวลาใช้ ถ้าขึ้นลำแล้ว ก็เข้าฮาฟล็อค ไว้ด้วย เซฟทั้งเข็ม เซฟทั้งนก เอามันสองต่อไปเลย ถ้ามันจะลั่นก็ให้มันรู้ไป (ความเห็นนะครับ)
ส่วนออฟชั่นอื่นๆ ในตอนออกตัวแรกๆ 1980 ไม่ค่อยแตกต่างจาก 1970 เท่าใดนัก เพียง แต่ 1980 ทำมาบางกว่า เยอะเลย และเพิ่มระบบนิรภัยเข็มมานี่แหละ
เรื่องการพกไปใช้งาน ถ้าเป็นนกแบบมาตรฐาน ก็สามารถพกได้แนบเนียนดี เหลือเพียงเวลาชักเร็ว ด่วนๆ ก็ดึงชายเสื้อสูงๆ หน่อยครับ เดี๋ยวนกมันเกี่ยวเสื้อแล้วจะยุ่ง
พอมาประมาณ ปี 1985-87 ไม่ค่อยแน่ใจ เอาว่าประมาณนี้แหละ โคลท์ ออก รุ่นแสตนเลส ออกมา หน้าตาเหมือนรุ่นเหล็กทุกประการ ทำศูนย์ใหญ่ขึ้นมาทำให้เล็งชัดหน่อยเท่านั้นเอง ศูนย์ก็ไม่มีจุด
รุ่นนี้ก็ดี เรื่องสนิมเท่านั้น เป็นสนิมช้าหน่อย ยากหน่อย แต่ก็เป็นได้ เรื่องประโยชน์ใช้สอยไม่ต้องพูดถึง เหมือนรุ่นเก่าเปี๊ยบ โอกาสขัดลำก็มีเหมือนเดิม เพราะยังไม่เปลี่ยนการผลิตตรงจุดนี้ ทั้งที่ปืนซิ่ง เขาพัฒนาตรงนี้ ไปนานแล้ว แต่โคลท์โครตดื้อเลย ไม่ยอมเปลี่ยนตามเขาซักที ไม่รู้ว่าหยิ่งถือดี หรือว่า ไม่อยากเพิ่มขั้นตอนการผลิตก็ไม่ทราบ
6.พอมาถึง 1989 ก็มีการเปลี่ยนอีกคือ
1.ตัดโครงให้ขาดจากกันช่วงช่องใส่ตัวหยุดลำเลื่อน นัยว่าจะไม่ทำให้มันแตกอีกต่อไป เพราะของเก่าที่มันติดกัน มันชอบแตก ผมเคยเห็นมีแตกจริงๆด้วย สงสัยยิงเยอะไปหน่อย
2.ทำศูนย์หน้าให้รูเสียบใหญ่ขึ้น จะเป็นแบบศูนย์หน้าหนา
3.ลำกล้องย้อนยุค กลับมาเหมือนรุ่นก่อนซีรีส์ 70 คือหัวไม่บวม แต่ยังปาดปากทางขึ้นกระสุนกว้างเหมือนรุ่น 70
4.บุชปากลำกล้องย้อนยุคกลับไปเหมือน รุ่น ก่อน ซีรีส์70 เป็นบู๊ททึบตัน
5.ที่สำคัญมาก เป็นพัฒนาใหม่ ของโคลท์ แต่เก่าของเจ้าอื่นแล้วคือ เปิดช่องคายปลอกกระสุนออกทางด้านข้าง ทำตัวเตะปลอกให้เข้ามาสัมผัสจานท้ายปลอกกระสุน ในพื้นที่ของแม็กกาซีน ทำให้กระสุนนัดล่างไม่ขึ้นมารบกวนการสลัดปลอก ทำให้ลดปัญหาการติดขัดภายหลังการจุดระเบิดได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ มากๆๆๆๆ
ถ้าใช้รุ่นหลัง 1989 แล้ว โคลท์ ก็แทบจะลืมการติดขัดไปได้เลย ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะ ที่จะต้องรับความร้อนจากปลอกกระสุนที่ตกใส่แว่นตา หรือ เข้าไปในหน้าอกเสื้อ มีกลิ่นหนังไหม้ โชยๆด้วย
...พอหลังปี 1998 1999 ได้มีการเปลี่ยนทางลาดกระสุนท้ายลำกล้องใหม่ โดยคว้านตรงกลางเพิ่มอีกช่องหนึ่ง ทำให้องศาทางเข้ากระสุนกลับไปเหมือนรุ่นสงครามฯ ทำให้ป้อนดีกว่าเดิมอีก ทำให้กระสุนกระโดดเข้ารังเพลิง เร็วกว่ารุ่น ซีรีส์ 70-80
...หลักๆ ก็มีอยู่ประมาณนี้ ถ้าอยากถามละเอียดก็ตั้งกระทู้เข้ามาใหม่ แบบเฉพาะเจาะจงกว่านี้ จะได้เจาะจงตอบให้จะจะไปเลย
..ส่วนเรื่องการใช้งานจริงของโคลท์ .45 ออโต ตอบสั้นๆว่า ถ้าใช้งาน ใช้ศูนย์ตาย ใช้นกแบบมาตรฐาน จะปลอดภัยดี
ขวางได้ โยนได้ แต่ถ้าคิดจะแข่งขัน ให้ใช้แบบศูนย์ปรับได้ จะมีความมันส์ในการเลื่อนกลุ่มกระสุนบนเป้า แต่ขว้างไม่ดี โยนไม่เหมาะเพราะศูนย์ที่ปรับได้มันจะชำรุดครับ
..เวลาพกใช้งาน ศูนย์หน้าตายแบบต่อสู้ ลาดด้านหลังเล็กน้อย จะดีกว่า ศูนย์ที่เป็นแบบโกลคัพ กระโดงปลาฉลาม เพราะเคยเห็นนายตำรวจ พกโกลคัพไปทำงานแล้วชักเร็วไปหน่อย พกด้านหน้าเสียบเอว เป็นเวลากลางคืน พอเสร็จงานผมนึกว่าแก ฉี่ราด เป็นดวงๆ ที่หน้าขา ที่ไหนได้ เลือดครับ โดนศูนย์หน้าของปืนมันบาดหน้าขาเอาเข้าให้
.......อ่านเล่นๆ นะครับ อย่าคิดมาก ถามมาใหม่ดีกว่า ว่าชอบใช้งานแบบไหน ถ้ามีตังค์น้อย จะซื้อแค่กระบอกเดียว ใช้หลายภารกิจ ก็ต้องถามกันอย่างนี่แหละ เพราะมีความจำเป็นได้แค่กระบอกเดียว แต่ใช้หลายภารกิจ แต่ถ้ามีตังค์มาก ไม่ต้องถาม เพราะสามารถเลือกซื้อปืนได้ตามภารกิจอยู่แล้ว ไม่มีปืนกระบอกใด ออกแบบมาสมบูรณ์สำหรับทุกภารกิจหรอกครับ เพียงแต่ผู้ใช้ต้องนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานตามแบบที่ตนต้องการเท่านั้นเอง .....ขอบคุณครับ