ขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ด่วนเจ้าค่ะ

[NPD]

คุณโบว์ สู้ ๆ 

[Geo]

ผมชอบ web นี้จังเลย อบอุ่นมาก

[JarengkaBOW]

ได้แล้วเจ้าค่ะ ....ขอบคุณทุกๆ คำตอบและกำลังใจนะเจ้าคะ

ครับ คุณ Bow ได้รับคำตอบแล้ว

ถ้ามีอะไรอีกก็ถามมาได้ครับ เพราะผมเรียนอยู่ที่ Aus ก็พอช่วยได้บ้าง
อ้อ สมาชิกท่านอื่นด้วยครับ

ขอบคุณเจ้าค่ะ...

ที่ข้าน้อยว่าได้แล้วนี่คือ ได้บอกอาจารย์ไปว่า "ไม่เข้าใจอีกแล้ว" อะ

ข้าน้อยถามเจ้านายเก่า พี่เขาอธิบายว่า
การลดความยากจน และความไม่เท่ากันของรายได้ เกิดขึ้นจากการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกัน และ Supply ของคนกลุ่ม less skilled เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ Demand ก็ต้องการ skilled worker มากขึ้น และความแตกต่างของการขึ้นรายได้ของ skilled worker ก็มากกว่า less worker จึงทำให้เกิดช่องว่าง ความแตกต่างระหว่างรายได้
ดังนั้นรัฐจึงแก้ไขปัญหาโดยการเก็บภาษีจากคนรวย เอามาช่วยคนจน แต่การทำแบบนี้ ในที่สุดคนรวยก็จะพยายามเลี่ยงภาษีไม่ว่าจะใช้วิธีถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย วิธีการใช้ภาษีนี้เป็นวิธีหนึ่ง เมื่อใช้วิธีที่หนึ่งไม่ได้ ก็มีวิธีที่สอง คือการเพิ่มสินทรัพย์ให้คนจน นั้นคือเพิ่มการศึกษา หรืออาจจะเป็นที่ดินทำกิน (พี่เขาบอกว่า property rights ในที่นี้หมายถึงสินทรัพย์อะไรก็ได้ เป็นสินทรัพย์ทางปัญญาก็ได้) เมื่อเขามีการศึกษา หรือที่ทำกิน เขาก็สามารถทำงาน และหาเงินได้ โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากภาษีของคนรวย ในเมื่อความช่วยเหลือจากคนที่มีรายได้ลดลง แต่รายได้ของเขาที่ได้มาจากการการทำงานของตัวเองเพิ่มมากขึ้น ช่องว่างระหว่างรายได้ก็จะลดลงไปเอง ซึ่งก็ต้องใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไป

พี่เขาบอกว่าเรื่องความร่วมมือของสังคมนี่ก็คือวิธีการแก้ปัญหาวิธีที่สองอะเจ้าค่ะ...ซึ่งข้าน้อยก็ยังงงๆ ว่าจะตรงกับที่อาจารย์อธิบายหรือเปล่า ก็เลยเมล์ไปหาอาจารย์ใหม่ ว่าข้าน้อยเข้าใจถูกต้องหรือยัง

ไม่รู้อาจารย์จะว่าว่าไอ้นี่โง่อังกฤษยังริมาเรียนอินเตอร์หรือเปล่า

[JarengkaBOW]

เป็นกำลังใจให้น้อง....คงเรียนหนักมาก เห็นซูบๆไป

สภาพตอนนี้เป็นประมาณนี้เจ้าค่ะ

[lek]

ข้าน้อยขออธิบายเพิ่มเติมหน่อยนะเจ้าคะ บทนี้ที่ข้าน้อยจะ present เกี่ยวกับ Poverty & distribution of income.

หัวข้อก่อนหน้านี้พูดถึงว่าทำไมสังคมถึงมีความยากจน และรายได้ถึงไม่เท่ากัน เขาบอกว่าสาเหตุที่รายได้ของคนในสังคมไม่เท่ากัน เนื่องจาก supply ของ less skilled เพิ่มขึ้นในขณะที่ demand ของผู้จ้างก็ต้องการจ้าง skilled worker มากขึ้นด้วยเช่นกัน และค่าแรงของ skilled และ less skilled ก็แตกต่างกัน อัตราค่าจ้างก็ขึ้นต่างกัน ทำให้มีช่องว่างระหว่างค่าแรงเกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้

แล้วก็ยังมีการพูดถึงเรื่องการเก็บภาษีจากคนที่มีรายได้สูง เพื่อเอามาชดเชยให้กับผู้มีรายได้ต่ำ เพื่อลดความจน และความแตกต่างระหว่างรายได้ ฉะนั้นรัฐก็เลยเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อบังคับให้ผู้มีรายได้สูงจ่ายภาษีมาก แต่นั่นก็ทำให้กลุ่มคนที่ต้องจ่ายภาษีมากพยายามหลีกเลี่ยงภาษี ไม่ว่าจะใช้วิธีที่ถูก หรือผิดกฎหมาย พอจบหัวข้อเรื่องนี้ ก็เข้าสู่หัวข้อ Changing Rules and Social  Cooperation ที่ข้าน้อยกำลังงงอยู่ ว่าทำไมการร่วมมือกันของสังคมจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิในทรัพย์สิน และสิทธิในทรัพย์สินจะช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ได้อย่างไร

ต้องให้กกต.ลาออกก่อนครับ

[USP40]

The best person for you to ask is Pa Sundance . To interpret some sentences ,one has to read the whole thing to be able to understand or interpret it , Especially if one has no idea what is the subject is all about.
From what I understand the " property rights  " in this case mean to keep the society balance and in check and that came by Social cooperation .

[..GlockGlack..]

ที่ข้าน้อยกำลังงงอยู่ ว่าทำไมการร่วมมือกันของสังคมจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิในทรัพย์สิน และสิทธิในทรัพย์สินจะช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ได้อย่างไร

ผมยังมองไม่ออกว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร  เพราะหากจะเอาเรื่องสิทธิในทรัพย์สินมาแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้  ดูมันจะออกไปในแนวทางของระบอบสังคมนิยมครับ

หากจะมองว่าสาเหตุของรายได้ของคนในสังคมไม่เท่าเทียมกัน เพราะแรงงานทักษะมากมีป้อนตลาดน้อยกว่าแรงงานทักษะน้อย  แถมอัตราผลตอบแทนของแรงงานทั้งสองแบบนี้ก็แปรผกผันกัน  ทำให้ช่องว่างของรายได้ยิ่งห่างออกไป  มันก็อาจจะเป็นประเด็นหนึ่ง  แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้คนมีรายได้ไม่พอยังชีพอยู่  เช่น  โอกาสในการศึกษา  โอกาสในการเข้าทำงานอย่างยุติธรรม  ความขยันของบุคคล  การมีวินัยทางการเงินของบุคคล  รวมไปถึงระบบเศรษฐกิจและอัตราการจ้างงานของประเทศ เป็นต้น

เท่าที่อ่านจากคำอธิบายที่เป็นภาษาอังกฤษ  ดูเหมือนว่าควรจะมีการกำหนดขอบเขตสิทธิในการถือครองทรัพย์สินให้ชัดเจน  นั่นคือ  เมื่อถึงกำหนดระยะเวลาหนึ่ง  หรือหากเจ้าของสิทธิไม่ได้ทำประโยชน์ในทรัพย์สินนั้นแล้ว  หรือเจ้าของสิทธิต้องการโอนกรรมสิทธิ์  ทรัพย์สินนั้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนสิทธิในการถือครอง หรืออนุญาตให้ผู้อื่นเข้าทำประโยชน์ต่อไปได้

กรณีนี้จะเห็นได้ชัด ถ้าเป็นที่ดินรกร้างที่เจ้าของไม่ได้ทำประโยชน์ (ซึ่งประชาชนอยู่ๆจะบุกรุกเข้าไปทำกินไม่ได้) รัฐอาจจะเรียกเก็บภาษีที่ดิน หรือไม่ก็อาจจะมีข้อกำหนดในการให้ผู้ไม่มีที่ทำกินได้เข้าทำประโยชน์  หรือในกรณีของสิทธิบัตร ที่มีผู้คิดค้นต่อยอดออกไป เป็นต้น

[RouRou_Mel - รักในหลวง]

INTERPRETATION: If property rights are stable (i.e. well defined), then members of society understand the extent to which they have control of property. That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property. They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership. If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.

ขอแปลแบบตรงตัวก่อน แล้วมาวิเคราะห์กัน
If property rights are stable (well defines)
ถ้าสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สิน มีความมั่นคง แน่นอน (ความหมายในทางบวก หรือ ดี)
เช่น ถ้า ผบ.ทบ. อนุมัติให้ใช้เงินค่ากระสุนได้เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลาหนึ่งปี
เราก็มีความต้องการใช้เงินแค่นี้ซื้อลูกปืนไว้ยิงในเดือนนั้น

then members of society understand the extent to which they have control of property.
That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property.
ทำให้คนในสังคมนั้น เข้าใจและเคารพในสิทธิการใช้ทรัพย์สินนั้น
เช่น เราเอาเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ไปซื้อกระสุนอย่างเดียว หรือ ซื้อให้เพื่อนก็ได้

They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership
และผู้ที่ถือสิทธิ์นั้นต้องเข้าใจว่า ทรัพย์สินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินอื่นๆ ของสมาชิกในสังคมนั้น
เช่น ที่เราได้รับอนุมัติ ๑๐,๐๐๐ บาท เราคิดว่าน้อยไป แต่เราต้องยอมรับ เพราะ ผบ.ทบ. ต้องใช้เงินเพื่อการอย่างอื่น
อาทิเช่น ค่าเทอมลูก

ทั้งหมดนี้ประเด็นหลักอยู่ที่ stable
ถ้าความต้องมีคงที่ หรือ เพิ่มขึ้นแบบคงที่ (ประเมินได้แม่นยำ)


If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.
อันนี้ตรงกันข้ามกับ อันแรก เพราะถ้าความต้องการไม่คงที่
เช่น ถ้าได้รับอนุมัติ ๑๐,๐๐๐ บาท ๒ ถึง ๔ เดือนแรก พอใช้ แต่พอมาเดือนที่ ๕ บอกว่าไม่พอต้องการอีกเป็น
๑๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเงินที่เพิ่มมาอาจจะเอามาจากงบประมาณค่าขนมลูก

หรือ ถ้าได้ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่ใช้แค่ ๖,๐๐๐ บาท อีก ๔,๐๐๐ บาท เขาบอกว่าเป็นส่วนเกินที่ไม่เกิดประโยชน์
เราน่าจะวางแผนล่วงหน้าว่า จะเอาเงิน ๔,๐๐๐ บาท นี้ไปทำอะไรก่อน


เดี๋ยวขอคิดอีกซักครู่ครับ

[JarengkaBOW]

The best person for you to ask is Pa Sundance . To interpret some sentences ,one has to read the whole thing to be able to understand or interpret it , Especially if one has no idea what is the subject is all about.
From what I understand the " property rights  " in this case mean to keep the society balance and in check and that came by Social cooperation .

ข้าน้อยเกรงใจคุณลุงเจ้าค่ะ และที่ไม่ได้เมล์ถามพี่เจษแต่แรกก็ด้วยเหตุนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณลุงจะเข้าเว็บเวลาไหน เลยเอามาโพสถามพี่ๆ เลย ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจตามของคุณกล็อคแกล็คกับของคุณ Springfield อยู่เจ้าค่ะ ถ้ายังทื่ออย่างไร พรุ่งนี้คงยอมรับกับอาจารย์ตรงๆ ว่า "หนูไม่เข้าใจจริงๆ"

[a lone wolf]

 
หมาป่าแปลเป๊ะตรงตัวทุกตัวไม่ได้
แต่สำหรับคำถามเกี่ยวกับคำอธิบายของอาจารย์คุณโบว์
หมาป่ามองเห็นดังนี้


"สังคมจะเกิดการร่วมมือกันหรืออยู่ร่วมกันเพื่อให้สมาชิกแต่ละคนในสังคมได้รับประโยชน์ที่เขาควรได้ ต้องมีกติกาชุดหนึ่งที่คนในสังคมนั้นยึดถือร่วมกัน"

"การมีกติกาเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สิน หรือ กรรมสิทธิ  ก็เป็นอีกกติกาหนึ่งที่จำเป็นในสังคม"

"สิทธิในทรัพย์สิน/ กรรมสิทธิ มีได้หลายแบบ  ยกตัวอย่าง... หากเราคิดค้นอะไรได้สักอย่างแล้วเราไปจดสิทธิบัตรไว้  กติกาของสังคมบอกว่า คนที่เป็นต้นคิดมีสิทธิครอบครองความรู้การคิดค้นนั้นได้ชั่วระยะหนึ่ง  ใครจะเอาความรู้นี้ไปใช้ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของ  หรือต้องจ่ายค่าตอบแทนให้  นี่คือกติกาที่ตัวผู้ค้นคิดคาดหมายว่าคนอื่นในสังคมจะยึดถือร่วมกับเขา
แต่หากสังคมนั้นไม่ยึดกติกานี้  ใครก็สามารถลอกแบบได้โดยไม่แคร์ถึงสิทธิของผู้ค้นคิด  ทุกอย่างมันก็เละ  ลอกกันมั่ว  ในท้ายที่สุดก็จะไม่มีคนค้นคิดอะไรใหม่  เพราะคิดแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์แก่ตนเอง   และสุดท้ายสังคมนั้นก็ล้าหลังเพราะไม่มีใครคิดพัฒนาสิ่งใดๆเลย  สังคมไม่เกิดความร่วมมือขึ้นในภาพรวม"


"ข้างต้นนั้นเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของสิทธิในทรัพย์สินที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการร่วมมือกันในสังคม"

นี่หมาป่าแปลแบบด้นสด  แต่คุณโบว์ลองคิดใคร่ครวญดูว่าเข้าเค้ากับคำอธิบายของอาจารย์ไหม

[RouRou_Mel - รักในหลวง]

ครับ
น้ำใจสมาชิกหลายท่านที่ส่งความเห็นมา ผมดีใจครับที่ได้เป็นสมาชิกของ Web นี้

มาทบทวนความหมายของ Property rights กันครับ
ผมว่าน่าจะแปลว่า เป็นสิทธิการใช้ทรัพย์สิน หรือ สินทรัพย์ เช่น การอุปโภค บริโภค การใช้บริการ เป็นต้น
ซึ่ง บุคคลก็มีสิทธิในการใช้ทรัพย์สิน ต่างกัน

ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันพวกสิทธิบัตร หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา
เพราะ rights มีความหมายหลายอย่างมาก เช่น สิทธิ หรือ สิทธิ์บัตร
Property เป็น อสังหาริมทรัพย์ หรือ ทรัพย์สินที่มีรูปร่าง จับต้องได้

ถ้าเป็น สิทธิบัตร หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Copyright, brandnames, licences, patents เป็นต้น หรือ ศัพท์ทางบัญชีว่า intangible assets ครับ

ผม Online  อีก หลายชั่วโมงครับ ยังไม่ได้ไปไหน

 

[JarengkaBOW]

ไม่ว่าแต่ละท่านจะตีความออกมาอย่างไร ข้าน้อยก็ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ

[USP40]

อ่ะพากย์ไทยได้แล้ว
"Social cooperation requires relatively stable property rights because it presupposes the ability to predict the consequences of decisions."

ความอยู่รอดของสังคม จะอยู่ได้จากความร่วมมือกัน จากการเคารพสิทธิของผู้อื่น ในกรณีนี้เป็นสิทธิทางอาณาเขตขอบข่ายความเป็นเจ้าของ ของผู้อื่น เช่นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือรถยนต์  ของใช้ส่วนตัวเป็นต้น  และคนในสังคมนั้นสมควรรู้ว่าถ้าไม่เคารพสิทธิอันนี้ก็ผู้อื่น อะไรจะเกิดขึ้นตามมา เพราะผิดกฏหมาย

[JarengkaBOW]

อ่ะพากย์ไทยได้แล้ว
"Social cooperation requires relatively stable property rights because it presupposes the ability to predict the consequences of decisions."

ความอยู่รอดของสังคม จะอยู่ได้จากความร่วมมือกัน จากการเคารพสิทธิของผู้อื่น ในกรณีนี้เป็นสิทธิทางอาณาเขตขอบข่ายความเป็นเจ้าของ ของผู้อื่น เช่นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือรถยนต์  ของใช้ส่วนตัวเป็นต้น  และคนในสังคมนั้นสมควรรู้ว่าถ้าไม่เคารพสิทธิอันนี้ก็ผู้อื่น อะไรจะเกิดขึ้นตามมา เพราะผิดกฏหมาย

ข้าน้อยกำลังคิดว่าข้าน้อยคิดมากเกินไปหรือเปล่า ที่พยายามเอาเรื่องการเคารพในสิทธิ กับเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ให้สองเรื่องนี้มันมาเกี่ยวข้องกัน

[JarengkaBOW]

...ชอบตรงนี้ เหนื่อยแต่สู้ว้อย 

ไม่สู้ไม่ได้เจ้าค่ะ จ่ายค่าเทอมไปแล้ว