องครักษ์ คนใกล้ชิด คัดเลือกกันมาตั้งแต่เด็กครับ
ลูกขององครักษ์หรือของคนใกล้ชิดรุ่นพ่ออยู่แล้ว จะมาใกล้ชิดรุ่นลูกต่อๆไป
แม้แต่คู่สมรสของคิมจองอึน (รี ซ็อล-จู) ก็เป็นผู้ถูกคัดเลือกจากผู้ใหญ่


ผมสนใจเรื่องการถ่วงอำนาจเพื่อให้จองอูนยังคงเป็นผู้นำสูงสุดต่อจากปู่และพ่อได้อยู่น่ะครับ
ตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่สมัยคิม อิล ซุง ส่งอำนาจต่อให้ คิม จอง อิล
ตอนนั้นจอง อิล ยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองการทหารมากนัก แต่มีแผนรองรับการสร้างบารมีให้เป็นอย่างดี
ให้จอง อิลเข้าร่วมการประชุมสภาแห่งชาติ และตรวจเยี่ยมกองทหาร ตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆ
สื่อเกาหลีเหนือเผยแพร่อย่างชัดเจนว่านี่คือทายาททางการเมืองคนต่อไป
ซึ่งแผนการสร้างบารมีเช่นนี้ก็ใช้กับคราว จอง อิล ส่งไม้ต่อให้ จอง อูน
ข้อสงสัยของผมคือทั้งสองช่วงนั้น ผู้นำใหม่ ทายาทใหม่ ยังไม่มีบารมี และย่อมต้องการทีมงานที่ช่วยเสริมสร้างบารมีที่ทำงานอย่างแข็งขัน จงรักภักดีอย่างที่สุด
ทีมงานดังว่าน่าจะเป็นทีมงานทหารชั้นผู้ใหญ่
และแน่นอนทีมงานแต่ละทีมโดยธรรมชาติย่อมต้องมี Key Man (men) ที่จะนำกลุ่มชี้ทิศทาง ควบคุมให้งานเป็นไปตามแผน
คีย์แมนเหล่านี้ย่อมต้องมีบารมีในกองทัพในระดับสูงยิ่ง
แต่ผมไม่เคยเห็นข่าวของทหารระดับสูงเป็นตัวคนที่ออกมาเป็นตัวแสดงว่าเป็นคนสนิทของท่านผู้นำ เป็นคนที่กำอำนาจในสายบังคับบัญชาของกองทัพเลยน่ะครับ
มันมักมาเป็นภาพรวมๆว่าเหล่านายพลยังคงจงรักภักดีต่อท่านผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม
ที่ผมสงสัยคือโดยธรรมชาติของมนุษย์ที่มีอำนาจอยู่ในมือ
มนุษย์ผู้นั้นย่อมแสดงออกให้คนในวงโดยรอบ หรือให้สังคมรับรู้ว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจ
การผลัดบ้านผลัดเมืองในทุกชาติ ทุกยุคทุกสมัย มักจะมาจากกลุ่มผู้มีอำนาจวงในที่เล็งเห็นว่าทายาทที่ถูกวางไว้ ความจริงแล้วบารมียังไม่ถึง ก็จะใช้สายอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ก่อการล้มล้างเพื่อส่งตนเองขึ้นสู่อำนาจแทน
นี้เป็นกรณีปกติที่เห็นได้ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นพระเจ้าปราสาททองที่เคยเป็นอัครมหาเสนาบดีเก่าก็ชิงอำนาจจากพระราชวงศ์เก่าได้เป็นกษัตริย์อยุธยา
แต่การเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากว่าผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่เช่นที่ว่าเกิดไม่แน่ใจว่าตนเองลงมือกระทำการแล้วจะสำเร็จหรือไม่ เพราะมีทหารคนอื่นคอยถ่วงดุลย์อยู่
ประมาณว่าถ้าลงมือก็อาจจะถูกขัดขวางจากทหารคนอื่นที่มีกำลังในมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน....เกิดทหารฝ่ายนั้นยังจงรักภักดีกับท่านผู้นำเด็กอยู่ ตัวเองก็อาจจะถูกยิงเป้าหากรวมกำลังได้ไม่พอ
ผมสังหรณ์ว่าในกองทัพเกาหลีเหนือตั้งแต่สมัยผู้ปู่คิม อิล ซุงยังเป็นเธอะเกรทลีดเดอร์ ต้องมีการวางหมากให้มีความคลางแคลงใจกันเองในความเข้มข้นที่สูงมาก
คือจัดให้นายพลที่คุมกองพล กองทัพ ไม่ไว้ใจกันเองเต็มที่
มีการล้วงตับ ล้วงความลับไขว้กันไปมา เพื่อให้แต่ละคนมองไม่เห็นทางอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่งและจงรักภักดีต่อท่านผู้นำสูงสุดเพียงผู้เดียว เพราะไม่คุ้มเสี่ยงหากคิดจะดังเดี่ยว ด้วยอาจถูกลากตัวไปยิงทิ้งในวันใดวันหนึ่งเอาง่ายๆ เพียงเพราะ "เป็นที่สงสัย"
หมากเช่นนี้น่าจะยังมีอยู่สืบเนื่องมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ไม่งั้นไม่มีทางที่เด็กหน้าใสจะกุมอำนาจสูงสุดได้โดยไม่ถูกท้าทาย
เดาว่า เกาหลีเหนือ ไม่เคยมีผู้นำอิสระเบอร์สองที่ไม่ได้อยู่ในสายสกุลคิม เธอะลีดเดอร์
นายพลส่วนใหญ่พอใจที่จะทำงานภายใต้คณะทำงานที่ถ่วงดุลย์กันเองด้วยความไม่ไว้วางใจกันและกัน
