http://www.komchadluek.net/news/2005/01-12/p1--54328.html"
ด้านนายสัญญา ทับแจ่ม อายุ 26 ปีอยู่บ้านเลขที่ 652/9 ม.1 ชุมชนเพชรคลองจั่น แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
เพื่อนผู้ตาย เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ชวนไปดื่มสุรา โดยนายสมพงษ์ได้ไปขอเงินญาติ 20 บาทเพื่อมาซื้อสุราที่ร้านของนายณัฐพล จากนั้นนายสมพงษ์ได้ยืนซื้อเหล้าอยู่หน้าร้าน ตนยืนดูห่างๆ ระหว่างนั้นนายณัฐพลได้มีปากเสียงกับนายณัฐพลเรื่องมีเงินไม่พอซื้อเหล้าขาดอีก 2 บาท ขณะเดียวกันมีผู้หญิงเดินมาซื้อเบียร์ที่ร้านนายสมพงษ์จึงขอเงิน 2 บาท โดยหญิงคนนั้นได้ให้เงินนายสมพงษ์ 5 บาท
นายสัญญา กล่าวต่อว่า จากนั้นนายสมพงษ์จึงยื่นเงิน 5 บาทให้นายณัฐพลและบอกไม่ต้องทอนเงิน และเดินออกมา
ทำให้นายณัฐพลโมโหที่เพื่อนของตนไปไถเงินลูกค้ามาให้ นายณัฐพลจึงไปหยิบปืนที่อยู่ใต้ตู้บุหรี่และเดินถือปืนไว้ข้างหลังออกมานอกร้าน โดยขึ้นไกปืนด้านหลังยิงใส่นายสมพงษ์ 2 นัดแรกไม่โดน แต่นัดสุดท้ายโดนที่หน้าอก ทำให้นายสมพงษ์ล้มลง เมื่อผมเห็นเพื่อนถูกยิงล้มลงจึงตั้งสติได้วิ่งเข้าไปเตะปืนออกจากมือนายณัฐพล เพื่อไม่ให้ยิงอีกจากนั้นผมและนายณัฐพลรีบช่วยกันปั้มหัวใจ แต่พบว่าเพื่อนสิ้นใจเสียแล้ว" นายสัญญากล่าว"
-คงต้องดูกันที่หลักฐาน และสืบพยานอื่นๆด้วยนอกจากประจักษ์พยาน ไอเพื่อนผู้ตายมันย่อมให้การเข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว ถ้าศาลวินิจฉัยเป็นไปตามที่เพื่อนผู้ตายกล่าวหาคือ บันดาลโทสะแล้ว นศ.ยิงไป2นัดไม่โดนแล้วโดนนัดที่3 คงรับ ม.59+ม.288+ม.72 เข้าเหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กม.กำหนดเพียงใดก็ได้ แต่ผมหวังว่าศาลคงไม่เชื่อตามที่ เพื่อนผู้ตายบอกหรอก ได้แต่รอความจริงปรากฎ จากหลักฐานและพยานวัตถุอื่นๆอีก ทั้งวิถีกระสุน ฯลฯ
"
จากการสอบสวนนายณัฐพล ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้นั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอยู่ในร้าน จากนั้นนายสมพงษ์เข้ามาซื้อสุราและพูดจาข่มขู่ตนและเข้ามาชกต่อยและทำร้ายร่างกาย
ตนจึงหยิบปืนบิดาเพื่อจะเอาออกมายิงขู่ โดยยิงไป 2 นัด นายสัญยาซึ่งเป็นเพื่อนนายสมพงษ์ได้เข้ามารุมทำร้ายตน และแย่งปืนทำให้ปืนลั่นใส่นายสมพงษ์ล้มลง ตนตกใจมากรีบปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต แต่นายสมพงษ์สิ้นใจแล้ว
นายณัฐพล ให้การต่อว่า ก่อนหน้านี้นายสมพงษ์เคยมาซื้อของที่ร้านโดยติดเงินไว้จำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามก็จะข่มขู่และทำร้าย ซึ่งการกระทำครั้งนี้ไม่คิดว่าจะทำให้นายสมพงษ์เสียชีวิตเพียงต้องการนำปืนขู่ไม่ให้นายสมพงษ์ทำร้ายร่างกายเท่านั้น"
-แต่ถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ นศ.บอกคือ ยิงขู่ไป 2นัด แล้วเพื่อนกับผู้ตายมาแย่งปืนทำให้ปืนลั่น แบบนี้อาจจะรอด เพราะไม่มีเจตนาและไม่ได้ประมาท เป็นเหตุแทรกแซง การกระทำจึงไม่ครบองค์ประกอบภายใน คือไม่มีเจตนา ไม่ได้ประมาท เพราะการที่จะต้องรับผิดอาญา ต้องครบองค์ประกอบทั้ง4อย่างคือ 1.มีการกระทำ 2.การกระทำครบองค์ประกอบภายนอก 3.การกระทำครบองค์ประกอบภายใน 4.ผลของการกระทำสัมพันธ์กับการกระทำ โดยถ้าไม่ครบองค์ประกอบ ก็ไม่มีความผิด โดยไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องป้องกัน หรือป้องกันเกินกว่าเหตุเลย เพราะไม่ครบองค์ประกอบความผิด
ป.ล. อย่างไรก็ตาม วันศุกร์ผมมีเรียนวิชากฎหมายอาญา2 ภาคความผิด(อาญา2กับ3) ถึงแม้จะไม่ใช่อาญา1(ซึ่งเนิ้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง) แต่อาจารย์ทีสอนผมวันศุกร์เป็นอัยการ ผมจะลองถามอาจารย์ดูครับ(ถ้าไม่ลืมนะ แหะๆ :

จริงๆผมเรียนอาญา1ไปแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจไปถามจารย์อีกทีดีกว่า อ้อ! ไม่อยากจะบอกว่า อาญา1ได้ A- แต่มาตกอาญา2ได้C- ต้องเรียนซ้ำ ทำให้เทอมนี้ผมต้องลงเรียนทั้งอาญา2กับอาญา3 ท่องมาตราเกือบทั้งประมวลกฎหมายอาญา

)