"""

'''''''
หน้าแรกข่าว > การเมือง
เส้นทาง2ขุนพลคู่ใจทักษิณ"เนวิน-ยงยุทธ"จากวันคืนสดใสสู่วันที่ร่วงโรย โดย komchadluek วัน ศุกร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2549 07:25 น.
เปิดปูม "เนวิน-ยงยุทธ" สองอดีตรัฐมนตรีที่ได้รับเชิญรายงานตัวต่อ คปค. เนวิน ชิดชอบ และ ยงยุทธ ติยะไพรัช สองอดีต รมต.คู่ใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ชีวิตพลิกผันชั่วข้ามคืน จากขุนพลที่มีบทบาทสำคัญในฐานะกุนซือ มาวันนี้ถูกคณะปฏิรูปสั่งให้มารายงานตัว...และหากแข็งขืนอาจถูกตั้งข้อหา "กบฏ"
หากการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 เมษายน 2549 ไม่มีผลสรุปว่า "เป็นโมฆะ" และแม้ไม่มีชื่อของ นายเนวิน ชิดชอบ อยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ หรือ ส.ส.เขต แต่บทบาทของเขาที่ได้รับหน้ามอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้หลายคนในไทยรักไทยแอบอิจฉา เชื่อกันว่าหากหลังการเลือกตั้งครั้ง
นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับทำเนียบรัฐบาลได้อีกรอบ คนที่ชื่อ "เนวิน ชิดชอบ" คงเป็นบุคคลต้นๆ ที่จะได้รับบำเหน็จความดีความชอบอย่างงามจากนายใหญ่และนายหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า
แต่ในทางตรงกันข้าม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กลับมาอีก เนวิน และคู่หู "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ก็คงไม่พ้นที่จะเป็นบุคคลระดับต้นๆ ในบัญชีดำที่จะต้องถูกตามเช็คบิลจากฝ่ายตรงข้าม และก็จริงตามคาด แม้ว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเมื่อมีการยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในคืนวันที่ 19 กันยายน ทั้ง สองคนก็ตกเป็นบุคคลในลำดับต้นๆ ที่คณะปฏิรูปฯ ส่งคนไล่ล่า และสั่งให้มารายงานตัว
อะไรที่ทำให้ชะตาชีวิตของ 2 ทหารเสือทักษิณ ที่เป็นคู่หูจัดตั้งมวลชน สร้างกระแส "ทักษิณ สู้ สู้" พลิกผันแค่ชั่วข้ามคืน
ที่มาที่ไปของ
นายเนวิน ชิดชอบ ที่อายุจะครบ 48 ปีเต็มในวันที่ 4 ตุลาคม 2549 พ่อคือ นายชัย ชิดชอบ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทั้ง ส.ท., ส.จ. และ ส.ส.หลายสมัย ที่เป็นที่รู้จักกันดี เมื่อเนวิน อายุ 27 ปี เขาเริ่มเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น ลงสมัคร ส.จ.ปี 2528 ช่วงนั้นเขาสำเร็จการศึกษารระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปี 2531 ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกในนามพรรคสหประชาธิปไตย และชนะการเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก และการเลือกตั้งครั้งนั้น วีระ มุสิกพงศ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ถูกฟ้องในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยมี ชัย ชิดชอบ เป็นแกนนำ ผลการเลือกตั้งเนวินแจ้งเกิดได้ แต่กำนันชัย อดีต ส.ส.4 สมัย สอบตกครั้งแรกในชีวิต เพราะถูกม้ามืดอย่าง วุฒิพงศ์ เหลืองอุดมชัย จากพรรคเสรีนิยมเบียด
ส.ส.สมัยแรกของเนวิน เขาคว้าตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และช่วงท้ายของรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ ปี 2534 รับตำแหน่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลือกตั้งปี 2535/1 เนวินย้ายพรรคลงสมัครในนามพรรคสามัคคีธรรม ร่วมทีมกับ ดร.อนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เนวิน กับ อนุวรรตน์ สอบได้ แต่ ชัย ชิดชอบ สอบตกรอบ 2 และนี่คือทางแยกที่สำคัญของบุรีรัมย์ เมื่อ เนวิน แตกคอกับอนุวรรตน์ กระทั่งเลือกตั้งปี 2535/2 เมื่อสามัคคีธรรมสลาย เนวิน กับ ชัย ลงสมัครในนามพรรคชาติไทย และชนะการเลือกตั้ง
ช่วงปี 2536-2537 บทบาทของเนวินโดดเด่นขึ้นในฐานะแกนนำกลุ่ม 16 ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของนักการเมืองหนุ่มที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ทั้งการอภิปรายในสภาที่ผ่านการทำการบ้านอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้น การขุดคุ้ยเรื่อง ส.ป.ก.4-01 ที่ฝากบาดแผลอันเจ็บปวดให้แก่ประชาธิปัตย์จนยากจะลืมเลือน
ความโดดเด่นของเนวิน ที่เปล่งรัศมีบดบังนักการเมืองรุ่นเก่าทำให้เขาได้รับบำเหน็จให้เป็น รมช.การคลัง ปี 2538 ต่อมาปี 2540 ยังได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และช่วงนี้เอง ที่นอกจาก เนวิน จะเป็นผู้นำกลุ่มบุรีรัมย์ เต็มตัว ดูแล ส.ส.ในย่านอีสานใต้หลายจังหวัด และโดยอำนาจหน้าที่ของเขาทำให้มีโอกาสสูบแกนนำเกษตรกรหลายคนในการนำเสนอโครงการต่างๆ กับกระทรวงเกษตรฯ แล้วให้คนใกล้ชิดนำไปใช้เป็นเงื่อนไขในการสร้างมวลชนในระดับพื้นที่อย่างกว้างขวาง และหนึ่งในจำนวนนั้น มี "คำตา แคนบุญจันทร์" ที่ต่อมาเป็นหนึ่งในแกนนำคาราวานคนจน ที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อพรรคชาติไทยร่วมรัฐบาลทักษิณ 1 หลังการเลือกตั้งปี 2544 เนวินในฐานะผู้นำกลุ่ม ส.ส.บุรีรัมย์และอีสานใต้ ได้รับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ และเมื่อการเลือกตั้งปี 2548 กลุ่มของเนวินย้ายเข้าไทยรักไทยเต็มตัว ช่วงแรกภายในพรรคมีการต่อต้านกระแส "ยี้" แต่โควตารัฐมนตรีก็ยังเป็นของเขา จนได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และต่อมาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 2 สิงหาคม 2548
ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่นักการเมืองหลายคนพยายามหลบเลี่ยงที่จะเป็น เพราะไม่ต่างกับรัฐมนตรีเทกระโถน หากแต่ เนวินกลับทำให้ตำแหน่งนี้มีราคาขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง นั่นเพราะเขารู้วิธีการสร้างราคาให้แก่ตัวเอง โดยการทำอะไรแบบสุดๆ จนหลายคนเรียกใช้บริการเขา
"สมัยก่อน คนเรายังโง่...วันนี้ต่อให้ผมมีมือมีเงิน แต่ถ้าทำงานไม่ได้ นายกฯ ก็ไม่ใช้ผม รัฐมนตรีก็ไม่ใช้ผม วันนี้ลองไปถามดูว่า รองฯ สมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) ใช้ผมหรือไม่ ก็ใช้...ท่านทนง (พิทยะ) ใช้ผมหรือไม่ ก็ใช้ เวลามีปัญหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม ผมก็ทำหน้าที่ไปเท่านั้นเอง จุดสุดท้ายสำหรับชีวิตทางการเมืองผมคือแบบนี้แหละ ไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่สำหรับผมคือ ถ้ามีปัญหา คนต้องนึกถึงเนวิน ผมต้องการจบชีวิตการเมืองเท่านี้" นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ของเนวิน ที่กล่าวกับนักข่าว ซึ่งสะท้อนตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี
ในช่วงสถานการณ์กดดัน "ทักษิณ ออกไป..." เนวินกลายเป็นเงาตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกหนทุกแห่ง จนเรียกว่าเป็น "ผู้จัดการ" ก็ไม่ผิด
การเดินสายต่างจังหวัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ สลับกับการตรวจราชการในชนบท ถูกจัดอย่างเป็นระบบ ทั้งโครงการคาราวานแก้จน การแจกเอกสารสิทธิ ติดตามการดำเนินการ ตามโครงการเอสเอ็มแอล รวมทั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง และจบงานแต่ละวันโดยการปราศรัยใหญ่ โดยการสนับสนุนหลักจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นแม่งานใหญ่ โดยการจัดการของเนวิน ชิดชอบ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปไหนในต่างจังหวัด เนวิน จะเป็นผู้เก็บทุกรายละเอียด ตั้งแต่ออกแบบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงคน ต้องรับดอกไม้ ผ้าขาวม้า และเข้าพบผู้นำชุมชน และการออกงานทุกครั้งจะต้องมีการซ้อมคิวอย่างละเอียด การพบกับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่แต่ละครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคอยชำเลืองดูเนวินว่าจะผายมือไปทางใคร จะเดินเข้า-ออกทางไหน ไม่ว่านายตำรวจติดตามจะกำหนดไว้อย่างไร หากเนวินจะเปลี่ยนกะทันหันก็ไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้าและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเดินตาม
นั่นคือ "บารมี" ของเนวิน ที่ทั้งนักการเมือง และข้าราชการในต่างจังหวัดต่างรู้ซึ้งว่า เรื่องทุกเรื่องหากถึงมือเขาแล้วพลาดยาก
****************
นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ "ยุทธตู้เย็น เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2504 จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอาหาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.2526 / ปริญญาโท สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2536 ก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง ลงสมัคร ส.ส.จนได้รับการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2538 ในสังกัดพรรคเอกภาพ โดยการช่วยเหลือของ ดร.ฉัฐวัสส์ มุตตามระ อดีต ส.ส.เชียงราย สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ และบัวสอน ประชามอญ ที่ปัจจุบันหอบหิ้วมาอยู่ในพรรคไทยรักไทยด้วยกัน กระทั่งการเลือกตั้งปี 2539 ยงยุทธ เข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แถมได้แรงหนุนจากกระแสพรรคเทพ-พรรคมาร หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเดินเข้าสภาอย่างสง่าผ่าเผย ได้รับบำเหน็จให้เป็น เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ก่อนที่จะย้ายมาลงในนามพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2544 และได้รับการเลือกตั้ง รวมถึงตำแหน่งทางการเมืองจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนถึงปัจจุบัน
ยุทธตู้เย็น ได้ชื่อว่า เป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ใจที่สุดคนหนึ่ง สามารถทำงานตามคำบัญชาอย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งในการเคลื่อนไหวปกป้อง ระบอบทักษิณ ต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ระยะที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่มีคนแวดล้อมของ ยงยุทธ เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว-ระดมพลในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรฯ ที่มี "อธิบดีเอี้ยง" นายดำรงค์ พิเดช เป็นอธิบดี การระดมมวลชนจากภาคเหนือเข้าก่อกวนเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 13, 14, 15 ผ่าน อัครเดช สุขลักษณ์ ที่ปรึกษาด้านมวลชน 5 จังหวัดภาคเหนือ, พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน นักการเมืองในกลุ่ม รวมไปถึงกรณีการนำกำลังตำรวจบ้านจากเชียงรายเข้าอบรมที่ค่าย ตชด.327 กิ่วทัพยั้ง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก่อนจะยกพลเข้าก่อกวนเวทีเมืองไทยฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 ตลอดจนคาราวานรถอีแต๋นจากสายเหนือ ก็ออกจากห้องประชุมภายในบ้านพักของเขาเองที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นต้น
สำหรับ นายเก่งกาจ ศรีหาสาร เป็น 1 ใน 2 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ หลังจากเกิดเหตุขว้างระเบิดปิงปอง เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 แต่เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวไป โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานว่ามีส่วนร่วมในการจุดระเบิดปิงปองครั้งนั้น
นายเก่งกาจ เป็นนักเรียนป่าไม้แพร่ รุ่นที่ 22 ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุคที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ ยุทธตู้เย็น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี ขยับจาก ซี 6 ขึ้นเป็น ซี 8 รวมทั้งได้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและรักษาป่าที่ 3 (ภาคเหนือ) ที่เปรียบเหมือนแม่ทัพภาคที่ 3 ของกรมอุทยานฯ คุมพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด
นายเก่งกาจถือเป็น สายตรง ของ ยุทธตู้เย็น" และ "อด.เอี้ยง : ดำรงค์ พิเดช ที่คนในแวดวงป่าไม้-กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ บอกว่า ในงานเทศกาลประจำปีทุกครั้ง หากใครจะส่งของขวัญอวยพรให้ ยุทธตู้เย็น ที่บ้านพักใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ต้องส่งผ่านมือ นายเก่งกาจ ที่จะไปนั่งประจำอยู่ทุกครั้ง
ความเคลื่อนไหวของ นายเก่งกาจ ในการรับใช้ ระบอบทักษิณ ปรากฏเด่นชัดตั้งแต่เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมพินี ครั้งที่ 14-15 โดยเขาทำหน้าที่ประสานงานระดมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พื้นที่ภาคเหนือ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อก่อกวนการจัดเวทีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สวนลุมพินี
เมื่อคราวเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 14 ที่มีขึ้นในวันที่ 13 มกราคม 2549 นั้น มีการระดมกำลังในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์หลายสำนักในภาคเหนือ-อีสาน รวมทั้งการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 ก็มีการระดมพลป่าไม้-เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง คราวนี้เป็นการเรียกลูกจ้างหน่วยป้องกันไฟป่า-ลูกจ้างชั่วคราวของหน่วยป้องกันรักษาป่า ในสังกัดของสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 สำนักทั่วประเทศ จำนวนประมาณ 1,800-2,000 คน เข้าอบรมพร้อมกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นมีการเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายที่เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 15 สวนลุมพินี ตั้งแต่เวลา 12.30 น. วันที่ 20 มกราคม 2549 ด้วยรถปรับอากาศชั้น 2 (ป.2) ทั้งสิ้น 36 คัน และรถสองแถวกับรถหกล้ออีกประมาณ 30 กว่าคัน ก่อนที่ เก่งกาจ จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นระหว่างการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 15 แต่ได้ปล่อยตัวไป จากข้ออ้างที่ว่า ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เก่งกาจ เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ก่อกวนเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์