http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1403927823เบรกเอฟทีเอ-ไทยกระอัก
อียูอีกดาบ "กุ้ง-ทูน่า"ถูกโขกภาษีอ่วม
ซีพีโต้มะกัน-นอร์เวย์แอนตี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้จัดทำเอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่
คู่ค้าในนอร์เวย์และฝรั่งเศสปฏิเสธซื้อสินค้า โดยนายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่
และประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังทำความเข้าใจกับคู่ค้าในต่างประเทศ
โดยเฉพาะนโยบายของบริษัทฯประกาศชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการใช้แรงงานผิดกฎหมายและแรงงานทาสบนเรือประมง
ขณะนี้บริษัทหยุดรับซื้อปลาป่นจากโรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ซีพีเอฟไม่มีเรือประมง ไม่มีโรงงานปลาป่น แต่เป็นเพียงผู้ซื้อปลาป่นเท่านั้น ยืนหยัดในความถูกต้อง
บริษัทฯเดินหน้าทำความเข้าใจกับลูกค้า ถึงจุดยืนของบริษัทที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้แรงงานผิดกฎหมายในทุกวิธี
ปัญหาการใช้แรงงานไม่ถูกต้อง การใช้แรงงานไม่เหมาะสมบนเรือประมง
และการซื้อปลาป่นจากโรงงานผู้ผลิต
ล้วนเป็นผลกระทบทางอ้อมในห่วงโซ่การผลิตของบริษัทภาครัฐ
และสมาคมต่างๆ เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาแล้วและได้เข้ามาช่วยแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เผยกระทบยอดขายน้อยมาก
นายอดิเรกกล่าวว่า การชะลอการสั่งซื้อของลูกค้าในสหรัฐและยุโรป
มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับบริษัทเท่านั้น โดยเฉพาะในสหรัฐ ซีพีเอฟมีลูกค้ามากกว่า 100 ราย
และมีมูลค่าการส่งออกรวม 4,000 ล้านบาทต่อปี ในจำนวนนี้มีลูกค้าเพียงรายเดียวที่ชะลอการซื้อ
มีมูลค่าการสั่งซื้อ 600 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับยอดขายรวมของ
บริษัทฯที่ 4 แสนล้านบาท เมื่อปีที่แล้วนั้น ถือว่าเป็นส่วนน้อย
ส่วนผลกระทบในสหภาพยุโรปยังน้อยกว่าในสหรัฐมาก
ขณะนี้ในภาพรวมลูกค้ามีความเข้าใจดีและจะกลับเข้ามาซื้อสินค้าใหม่
เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ตคาร์ฟูร์ ในบางประเทศกลับเข้ามาซื้อสินค้าของบริษัทแล้ว
หลังได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานการผลิตและขายใน 13 ประเทศ
คิดเป็นยอดขาย 93% ขณะที่ยอดส่งออกมีเพียง 7% เท่านั้น
ดังนั้นผลกระทบครั้งนี้เป็นเพียง 0.002% ของยอดขายเท่านั้น
การขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจคงเป็นไปตามเป้าหมาย
ทียูเอฟแจงคู่ค้ายังส่งออกปกติ
รายงานข่าวจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ หรือทียูเอฟ
กล่าวว่า สินค้าจากทียูเอฟยังจำหน่ายได้ตามปกติทั่วโลก ไม่มีที่่ไหนแบนสินค้า
เนื่องจากก่อนหน้านี้้ทางทียูเอฟได้เดินสายชี้แจงกับคู่ค้าเรื่องการใช้แรงงาน
ไม่มีการใช้แรงงานภาคบังคับ นอกจากนี้สินค้าของทียูเอฟ มีแหล่งการผลิตอยู่ทั่วโลก
รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา โดยการเข้าซื้อบริษัทผู้ผลิตอาหารทะเลชื่อดัง
ภายใต้แบรนด์ชิกเก้น ออฟ เดอะซี เมื่อหลายปีก่อนหน้า
ขณะที่เรื่องวัตถุดิบนั้นมีการส่งออกวัตถุดิบจากเมืองไทยไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป
เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปประมาณ 20% เท่านั้น
ปลัดกต.ส่งหนังสือถามมะกัน
กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้มีหนังสือถึงนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
เกี่ยวกับกรณีการจัดอันดับให้ไทยอยู่ใน เทียร์ (Tier) 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2557
สรุปสาระสำคัญดังนี้ ไทยมีความผิดหวังอย่างยิ่งและไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐ
ตัดสินลดอันดับประเทศไทย เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ให้มีความคืบหน้า
และเป็นรูปธรรมเป็นอย่างมากในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
โดยเฉพาะเพิ่มจำนวนการจับกุม ดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำผิด ในการค้ามนุษย์
นอกจากนี้ไทยได้ให้ความร่วมมือกับฝ่ายสหรัฐ อย่างดียิ่ง
ทั้งกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย และสำนักงานฯของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
ในการจัดส่งข้อมูลและสถิติที่ถูกต้องให้ฝ่ายสหรัฐ อย่างสม่ำเสมอถึงการดำเนินงานของฝ่ายไทย
และพัฒนาการในเชิงบวกต่างๆ ดังนั้นจึงเป็นคำถามว่าสหรัฐ ไม่ได้ตระหนักถึงความก้าวหน้า
ในการดำเนินงาน ความร่วมมือและความพยายามทุ่มเทของฝ่ายไทยหรือ
จึงทำให้ไทยอยู่ในระดับมาตรฐานต่ำสุด แม้ไทยจะไม่เห็นด้วยกับการประเมินและจัดอันดับของสหรัฐ
แต่ไทยก็ยังคงจะมุ่งมั่นดำเนินการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องต่อไป
และจะกระทำให้มากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ
ไทยเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับมนุษยธรรม
จะต้องดำเนินการให้ดีที่สุดโดยเฉพาะต่อผู้ตกเป็นเหยื่อในการค้ามนุษย์
อียูระงับเอฟทีเอ-ไทยอ่วมภาษีกุ้ง
เว็บไซต์อันเดอร์เคอร์เรนต์นิวส์ เว็บไซต์รายงานข่าวเกี่ยวกับธุรกิจอาหารทะเลของประเทศอังกฤษ
อ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกคณะกรรมาธิการการค้ายุโรปว่า
สหภาพยุโรปได้ตัดสินใจระงับการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)
ระหว่างสหภาพยุโรปกับไทย ที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ลงเป็นการชั่วคราว
เพื่อตอบโต้ที่กองทัพทำรัฐประหารและยังคงปกครองด้วยรัฐบาลทหารต่อไป
รายงานระบุว่า การยกเลิกการเจรจาดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
มีขึ้นในขณะเดียวกันกับที่ไทยต้องสูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี)
ในการส่งออกกุ้งและปลาทูน่าไปยังสหภาพยุโรปไปจนถึงปีหน้า
"ในประเด็นเกี่ยวข้องกับการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-ไทยนั้น
เราได้ยกเลิกการเจรจารอบต่อไปที่กำหนดไว้คร่าวๆ ในเดือนกรกฎาคมลงแล้ว
และเป็นที่ชัดเจนว่าเราไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะร่วมการเจรจาครั้งต่อไปภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบัน"
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปไปแล้วเป็นครั้งที่ 2
เมื่อเดือนกันยายน 2556 ขณะที่การเจรจารอบที่ 3 กำหนดเอาไว้ในเดือนกรกฎาคมนี้
นอกจากนี้อันเดอร์เคอร์เรนต์นิวส์ยังระบุด้วยว่า
ไทยมองว่าข้อตกลงเอฟทีเอเป็นทางออกจากการสูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรกับสหภาพยุโรปนับตั้งแต่ปีนี้
ขณะที่ในปีหน้าไทยจะต้องเจอกับอัตราภาษีศุลกากรในระดับสูงจากการส่งออกกุ้งและปลาทูน่าด้วย
ซึ่งเป็นการสูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรทั้งหมดภายใต้สิทธิพิเศษทางศุลกากร (จีเอสพี)
ของสหภาพยุโรป ซึ่งนั่นจะทำให้ไทยต้องเจอกับอัตราภาษีส่งออกกุ้งแช่แข็งไปยังอียู
เพิ่มขึ้นจาก 4.2 เปอร์เซ็นต์เป็น 12 เปอร์เซ็นต์ในปี 2558
ขณะที่กุ้งแปรรูปได้ปรับเพิ่มขึ้นแล้วเมื่อต้นปีนี้จาก 7 เปอร์เซ็นต์เป็น 20 เปอร์เซ็นต์
ส่วนปลาทูน่าอียูจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจาก 21.5 เปอร์เซ็นต์เป็น 24 เปอร์เซ็นต์ ในปีหน้า