http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1403783598เตรียมรับมือผลกระทบหลัง EU ลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics
ประเมินผลกระทบหลังสหภาพยุโรปลดระดับความสัมพันธ์กับไทย
อาจทำให้ข้อตกลงทางการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ต้องชะลอออกไป
จากกรณีสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ทำให้ข้อตกลงทางการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อาจต้องชะลอออกไปก่อน
จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง
บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอียู
ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่มีการ sanction หรือห้ามธุรกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศ
ผลกระทบต่อการทำธุรกิจและธุรกรรมระหว่างเอกชนด้วยกันเอง จะยังไม่ได้รับผลกระทบมาก
ทั้งนี้ ใจความหลักสำคัญของมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูอยู่ในข้อ 4 ที่ว่า
"ให้ประเทศสมาชิกอียูระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน
รวมถึงไม่ให้ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วน
และความร่วมมือกับประเทศไทย Partnership & Cooperation Agreement (PCA)
จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง"
ทาง TMB Analytics ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ผลกระทบแรก คือ
ผลกระทบต่อการส่งออก พบว่าการส่งออกสินค้าไปอียูในปีหน้าจะได้รับผลกระทบอยู่แล้ว
เนื่องจากกรอบการได้รับสิทธิ์ GSP ของไทยจะหมดลงในปีนี้
เราประเมินว่า หากข้อตกลง PCA ครอบคลุมการลงนามในข้อตกลง FTA
ยิ่งจะทำให้การเจรจาการค้าเสรีไทย-อียู และผลบังคับใช้เลื่อนออกไป
ทำให้ในช่วงระหว่างรอเจรจา ผู้ส่งออกไทยต้องเสียภาษีขาเข้าในอัตราปกติ
และอาจต้องสูญเสียความสามารถทางการแข่งขันในตลาดยุโรป
โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพิงตลาดอียูมาก
ได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป กุ้งแช่แข็ง
และชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรม
ผลกระทบลำดับถัดมา คือ ผลกระทบต่อการลงทุน
เราประเมินว่า ในระยะสั้นน่าจะส่งผลกระทบน้อย
เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ซึ่งกดดันไม่ให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศไทยอยู่แล้ว
แต่ในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนได้
เนื่องจากการที่อียูระงับการเจรจา PCA ทำให้การวางฐานรากความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ
รวมทั้งทางด้านการลงทุนต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
(มูลค่าเงินลงทุนของอียูในไทยอยู่อันดับที่ 3 คิดเป็น 8.5%ของเงินลงทุนต่างประเทศ รวม)
และผลกระทบสุดท้าย คือ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
เราประเมินว่า ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมติประชุมดังกล่าว ไม่ได้บังคับพลเรือนให้เข้ามาในไทย
มีผลเพียงการระงับการเดินทางอย่างเป็นทางการของหน่วยงานราชการของอียูเท่านั้น
ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวอียู 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ายังขยายต้ว 6.4% (yoy)
ในขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวหดตัว -5.9%(yoy)
อย่างไรก็ดี ต้องจับตาว่าจะมีการลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติมหรือไม่ และด้วยมาตรการใด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบีมองว่าการลดระดับความสัมพันธ์ครั้งนี้
อาจทำให้ข้อตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างรัฐกับรัฐ (G2G) ต้องถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่
ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของภาครัฐ คือ จะต้องเร่งสร้างความชัดเจนแก่ภาคเอกชนถึงประกาศดังกล่าว
ว่า ครอบคลุมเศรษฐกิจด้านใดบ้าง เพื่อให้ภาคเอกชนได้ปรับตัว
ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยเองก็จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเช่นกัน
ด้วยการลดต้นทุนการผลิต และหาตลาดใหม่
รวมถึงออกไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้รับสิทธิ์ GSP อยู่
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะถัดไป