เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 13, 2025, 03:05:18 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 ... 7
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมราคาน้ำมันต่ำสุดในรอบ5ปี  (อ่าน 11573 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 10:34:19 PM »

ข่าวว่า62-63เหรียญละครับ
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 10:53:22 PM »

ข่าวว่า62-63เหรียญละครับ
ฟ้าเริ่มสูงน้ำมันเลยต่ำไงเสี่ย คิก คิก
บันทึกการเข้า

เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 11:51:45 PM »

ข่าวว่า62-63เหรียญละครับ
ฟ้าเริ่มสูงน้ำมันเลยต่ำไงเสี่ย คิก คิก

เอ.....ตอนน้ำมัน100กว่าเหรียญ ผมว่าเบนซินบ้านเรามันก็40นี่น่า.....ตอนนี้เท่าไหร่ละครับพี่จอย  คิก คิก   แลบลิ้น  +
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
seiya-รักในหลวง
"ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1134


to make a friend, be a friend...


« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 11:54:06 PM »

กองทุนน้ำมันทั่วโลก ท่าจะป่วนหนักเลยละครับ ...
แม้แต่กองทุนรวมน้ำมันในไทยยังหายไปเป็นสิบเปอร์เซนต์เลย ..
บันทึกการเข้า

"Protection" is much better than "Correction".
กรุณารักษา"สิทธิ" ในการปกป้องตนเองและคนที่เรารัก
http://youtu.be/KYGScnPo8HQ
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 11:57:07 PM »

กองทุนน้ำมันทั่วโลก ท่าจะป่วนหนักเลยละครับ ...
แม้แต่กองทุนรวมน้ำมันในไทยยังหายไปเป็นสิบเปอร์เซนต์เลย ..

+ครับท่านseiya-รักในหลวง  น้ำมันลงแปลกมากครับ  โอเปคก็ไม่ยอมลดกำลังผลิตด้วย รึเค้าเล่นไรกะพี่หมีรัสเซีย  รายได้หลักของพี่หมีมาจากน้ำมันและก๊าซ  Grin

วันก่อนประชุมG8รึไรเนี่ย  รุมด่าว่า พี่ปูตินบินกลับเลย ไม่ประชุมด้วยละ  คิก คิก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 12:15:20 AM »

จีนและรัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองมากกว่าอเมริกาแล้ว ถ้าอเมริกามีทองไม่พอค้ำประกันให้พิมพ์ดอลล่าร์ได้
อเมริกันดอลล่าร์ก็เสี่ยงต่อการมีค่าใกล้กระดาษชำระ
เหล่าเกจิเขาว่า มันเป็นสัญญาญก่อสงคราม คือเมื่อใดที่ชาติมหาอำนาจเริ่มสะสมทองคำไว้ในสต็อคมาก มาก มาก จนถึงจุดๆหนึ่ง
หมายถึงเขาเตรียมพร้อมเพื่อการมีสงคราม
ตอนนี้สองชาติ จีนกับรัสเซีย ดูเหมือนจะจับมือกันเพื่อ บีบ บีบ ให้อเมริกาของโอบาม่า หน้าเขียว
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 12:20:07 AM »

จีนและรัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองมากกว่าอเมริกาแล้ว ถ้าอเมริกามีทองไม่พอค้ำประกันให้พิมพ์ดอลล่าร์ได้
อเมริกันดอลล่าร์ก็เสี่ยงต่อการมีค่าใกล้กระดาษชำระ
เหล่าเกจิเขาว่า มันเป็นสัญญาญก่อสงคราม คือเมื่อใดที่ชาติมหาอำนาจเริ่มสะสมทองคำไว้ในสต็อคมาก มาก มาก จนถึงจุดๆหนึ่ง
หมายถึงเขาเตรียมพร้อมเพื่อการมีสงคราม
ตอนนี้สองชาติ จีนกับรัสเซีย ดูเหมือนจะจับมือกันเพื่อ บีบ บีบ ให้อเมริกาของโอบาม่า หน้าเขียว

 เยี่ยม +ครับพี่ดุลย์
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 01:02:48 AM »

วันนี้ไม่หลอนแบบวันก่อนละ เวปโดนแฮคมันบวก4พันภายในครึ่งชั่วโมง คืนนี้มัน+เกือบ500ครับ  ใกล้ได้ลงดอยละเรา อย่ารีบเหี่ยวล่ะ  คิก คิก

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 07:32:44 AM »

จีนและรัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองมากกว่าอเมริกาแล้ว ถ้าอเมริกามีทองไม่พอค้ำประกันให้พิมพ์ดอลล่าร์ได้
อเมริกันดอลล่าร์ก็เสี่ยงต่อการมีค่าใกล้กระดาษชำระ
เหล่าเกจิเขาว่า มันเป็นสัญญาญก่อสงคราม คือเมื่อใดที่ชาติมหาอำนาจเริ่มสะสมทองคำไว้ในสต็อคมาก มาก มาก จนถึงจุดๆหนึ่ง
หมายถึงเขาเตรียมพร้อมเพื่อการมีสงคราม
ตอนนี้สองชาติ จีนกับรัสเซีย ดูเหมือนจะจับมือกันเพื่อ บีบ บีบ ให้อเมริกาของโอบาม่า หน้าเขียว

อเมริกาไม่ได้ใช้ทองคำหรือเงินต่างประเทศเป็นทุนสำรองสำหรับการพิมพ์ธนบัตรเหมือนกับประเทศอื่นครับ
แต่ค่าเงินมั่นคงเพราะกำลังผลิต กับกำลังซื้อภายในประเทศของเขาสูงมาก เหมือนกับเป็นการค้ำประกันไปในตัว
นอกจากนั้น ประเทศอื่นยังนิยมใช้เงินสหรัฐเป็นทุนสำรอง  การแลกเปลี่ยนเงิน ก็ยังใช้วิธีเทียบกับเงินสหรัฐ
สมัยก่อน ผมยังจำได้ว่าเวลาจะไปต่างประเทศ  ต้องซื้อ US D ไปแลกเงินท้องถิ่น  แต่ปัจจุบันเราแลกกันตรง ๆ ได้ในเมืองไทย  แต่ธนาคารหรือร้านแลกเงินก็ยังต้องใช้วิธีเทียบค่าเงินกับเงินสกุลหลักอยู่ดี

ขนาดผู้ก่อการร้ายที่เกลียดอเมริกา   แต่ก็ต้องใช้เงินอเมริกันเป็นทุนในการก่อการร้าย เพราะซื้อง่ายขายคล่อง ตามรอยยากกว่าเงินสกุลอื่น
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 08:03:53 AM »

เหมือนอาจารย์ว่าครับ อเมริกาไม่ต้องใช้ทองคำสำรองในการผลิตดอลล่าห์ ตะกร้าเงินเขาใหญ่มากๆ
ทั่วโลกต่างใช้เงินดอลล่าห์เป็นเงินทุนสำรอง

เรื่องนี้สืบสาวได้จาก ช่วงหลังสงครามโลกทั้งครั้งที่ 2 ตอนนั้นเศรษฐกิจตกต่ำมาก แบบที่เรียกว่าต้นกำเนิดของเสื้อเอวลอย
เพราะผ้าขาดแคลน หลายประเทศต้องหาเงินเพื่อไปใช้ในสงคราม ซึ่งญี่ปุ่นที่มาบ้านเราขณะนั้น เกิดแนวคิด นึกพิมพ์เงินใช้เอง
โดยไม่มีทองคำสำรอง ทำให้เกิดเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก แต่ประเทศอื่น ไม่ได้ทำตาม เพียงแต่ต้องหาข้อตกลงกันว่า เงินที่ใช้
มากมายจะเอาทองคำที่ไหนมาหนุนหลัง

เลยเกิดข้อตกลงเบรตตันวู้ดส์ (Bretton Woods) เมื่อปี 1944 ประเทศต่างๆ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าประเทศไหนบ้าง) ตกลงกันว่าจะ
ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "คงที่" โดยหันมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นทุนสำรองแทนทองคำ

โดยที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะตั้งไว้ผูกค่าไว้กับทองคำอีกชั้นหนึ่ง ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะลดปัญหาการขาดแคลนทองคำ แทนที่ทุกคน
จะถือทองกันหมด ก็ให้มาถือดอลลาร์สำรองไว้แทนบ้าง

แต่พอปี 1971 ปลายสงครามเวียตนาม เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะย่ำแย่มาก ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินทวีความรุนแรง
ทุนสำรองของประเทศลดลงเรื่อยๆ  เงินดอลลาร์ก็ไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีสงครามเวียตนามเป็นสาเหตุหลัก
อเมริกาเป็นหนี้มากมาย สุดท้ายประเทศต่าง ๆ ก็ขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบบอัตราแลกเปลี่ยน"คงที่" จึงล่มไป โดย
ที่โลกหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "ลอยตัว" แทนในปี 1973 และจากนั้นไม่นาน อเมริกาก็ถอนทหารออกจากเวียตนาม

การหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่าความสำคัญของทองคำในฐานะทุนสำรองโลกจะลดลงเลย
ทีเดียว เพราะไม่ว่าธนาคารกลางของชาติไหน ๆ นั้นเขาก็กำหนดไว้ว่าการจะพิมพ์ธนบัตรออกใช้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสินทรัพย์มา
หนุนหลังเป็นทุนสำรอง และในนั้นต้องมีส่วนหนึ่งเป็นทองคำด้วย แต่การคิดอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆ คิดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 02, 2014, 11:21:40 AM โดย submachine -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 08:47:20 AM »

จีนและรัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองมากกว่าอเมริกาแล้ว ถ้าอเมริกามีทองไม่พอค้ำประกันให้พิมพ์ดอลล่าร์ได้
อเมริกันดอลล่าร์ก็เสี่ยงต่อการมีค่าใกล้กระดาษชำระ
เหล่าเกจิเขาว่า มันเป็นสัญญาญก่อสงคราม คือเมื่อใดที่ชาติมหาอำนาจเริ่มสะสมทองคำไว้ในสต็อคมาก มาก มาก จนถึงจุดๆหนึ่ง
หมายถึงเขาเตรียมพร้อมเพื่อการมีสงคราม
ตอนนี้สองชาติ จีนกับรัสเซีย ดูเหมือนจะจับมือกันเพื่อ บีบ บีบ ให้อเมริกาของโอบาม่า หน้าเขียว

อเมริกาไม่ได้ใช้ทองคำหรือเงินต่างประเทศเป็นทุนสำรองสำหรับการพิมพ์ธนบัตรเหมือนกับประเทศอื่นครับ
แต่ค่าเงินมั่นคงเพราะกำลังผลิต กับกำลังซื้อภายในประเทศของเขาสูงมาก เหมือนกับเป็นการค้ำประกันไปในตัว
นอกจากนั้น ประเทศอื่นยังนิยมใช้เงินสหรัฐเป็นทุนสำรอง  การแลกเปลี่ยนเงิน ก็ยังใช้วิธีเทียบกับเงินสหรัฐ
สมัยก่อน ผมยังจำได้ว่าเวลาจะไปต่างประเทศ  ต้องซื้อ US D ไปแลกเงินท้องถิ่น  แต่ปัจจุบันเราแลกกันตรง ๆ ได้ในเมืองไทย  แต่ธนาคารหรือร้านแลกเงินก็ยังต้องใช้วิธีเทียบค่าเงินกับเงินสกุลหลักอยู่ดี

ขนาดผู้ก่อการร้ายที่เกลียดอเมริกา   แต่ก็ต้องใช้เงินอเมริกันเป็นทุนในการก่อการร้าย เพราะซื้อง่ายขายคล่อง ตามรอยยากกว่าเงินสกุลอื่น

ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 08:49:27 AM »

เหมือนอาจารย์ว่าครับ อเมริกาไม่ต้องใช้ทองคำสำรองในการผลิตดอลล่าห์ ตะกร้าเงินเขาใหญ่มากๆ
ทั่วโลกต่างใช้เงินดอลล่าห์เป็นเงินทุนสำรอง

เรื่องนี้สืบสาวได้จาก ช่วงหลังสงครามโลกทั้งครั้งที่ 2 ตอนนั้นเศรษฐกิจตกต่ำมาก แบบที่เรียกว่าต้นกำเนิดข้องเสื้อเอวลอย
เพราะผ้าขาดแคลน หลายประเทศต้องหาเงินเพื่อไปใช้ในสงคราม ซึ่งญี่ปุ่นที่มาบ้านเราขณะนั้น เกิดแนวคิด นึกพิมพ์เงินใช้เอง
โดยไม่มีทองคำสำรอง ทำให้เกิดเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก แต่ประเทศอื่น ไม่ได้ทำตาม เพียงแต่ต้องหาข้อตกลงกันว่า เงินที่ใช้
มากมายจะเอาทองคำที่ไหนมาหนุนหลัง

เลยเกิดข้อตกลงเบรตตันวู้ดส์ (Bretton Woods) เมื่อปี 1944 ประเทศต่างๆ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าประเทศไหนบ้าง) ตกลงกันว่าจะ
ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "คงที่" โดยหันมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นทุนสำรองแทนทองคำ

โดยที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะตั้งไว้ผูกค่าไว้กับทองคำอีกชั้นหนึ่ง ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะลดปัญหาการขาดแคลนทองคำ แทนที่ทุกคน
จะถือทองกันหมด ก็ให้มาถือดอลลาร์สำรองไว้แทนบ้าง

แต่พอปี 1971 ปลายสงครามเวียตนาม เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะย่ำแย่มาก ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินทวีความรุนแรง
ทุนสำรองของประเทศลดลงเรื่อยๆ  เงินดอลลาร์ก็ไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีสงครามเวียตนามเป็นสาเหตุหลัก
อเมริกาเป็นหนี้มากมาย สุดท้ายประเทศต่าง ๆ ก็ขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบบอัตราแลกเปลี่ยน"คงที่" จึงล่มไป โดย
ที่โลกหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "ลอยตัว" แทนในปี 1973 และจากนั้นไม่นาน อเมริกาก็ถอนทหารออกจากเวียตนาม

การหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่าความสำคัญของทองคำในฐานะทุนสำรองโลกจะลดลงเลย
ทีเดียว เพราะไม่ว่าธนาคารกลางของชาติไหน ๆ นั้นเขาก็กำหนดไว้ว่าการจะพิมพ์ธนบัตรออกใช้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสินทรัพย์มา
หนุนหลังเป็นทุนสำรอง และในนั้นต้องมีส่วนหนึ่งเป็นทองคำด้วย แต่การคิดอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆ คิดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจริงๆ
แล้วทำไมอเมริกาต้องให้ประเทศอื่นเอาทองไปค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตร หรือ เอาทองคำประเทศอื่นไปเก็บที่อเมริกา
เช่นมีข่าวว่า เยอรมันเอาทองไปเก็บเป็นจำนวนมาก และกำลังทวงคืน และทำท่าว่าอเมริกาจะไม่มีคืนให้ซะด้วย
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 09:37:51 AM »

เหมือนอาจารย์ว่าครับ อเมริกาไม่ต้องใช้ทองคำสำรองในการผลิตดอลล่าห์ ตะกร้าเงินเขาใหญ่มากๆ
ทั่วโลกต่างใช้เงินดอลล่าห์เป็นเงินทุนสำรอง

เรื่องนี้สืบสาวได้จาก ช่วงหลังสงครามโลกทั้งครั้งที่ 2 ตอนนั้นเศรษฐกิจตกต่ำมาก แบบที่เรียกว่าต้นกำเนิดข้องเสื้อเอวลอย
เพราะผ้าขาดแคลน หลายประเทศต้องหาเงินเพื่อไปใช้ในสงคราม ซึ่งญี่ปุ่นที่มาบ้านเราขณะนั้น เกิดแนวคิด นึกพิมพ์เงินใช้เอง
โดยไม่มีทองคำสำรอง ทำให้เกิดเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก แต่ประเทศอื่น ไม่ได้ทำตาม เพียงแต่ต้องหาข้อตกลงกันว่า เงินที่ใช้
มากมายจะเอาทองคำที่ไหนมาหนุนหลัง

เลยเกิดข้อตกลงเบรตตันวู้ดส์ (Bretton Woods) เมื่อปี 1944 ประเทศต่างๆ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าประเทศไหนบ้าง) ตกลงกันว่าจะ
ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "คงที่" โดยหันมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นทุนสำรองแทนทองคำ

โดยที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะตั้งไว้ผูกค่าไว้กับทองคำอีกชั้นหนึ่ง ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะลดปัญหาการขาดแคลนทองคำ แทนที่ทุกคน
จะถือทองกันหมด ก็ให้มาถือดอลลาร์สำรองไว้แทนบ้าง

แต่พอปี 1971 ปลายสงครามเวียตนาม เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะย่ำแย่มาก ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินทวีความรุนแรง
ทุนสำรองของประเทศลดลงเรื่อยๆ  เงินดอลลาร์ก็ไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีสงครามเวียตนามเป็นสาเหตุหลัก
อเมริกาเป็นหนี้มากมาย สุดท้ายประเทศต่าง ๆ ก็ขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบบอัตราแลกเปลี่ยน"คงที่" จึงล่มไป โดย
ที่โลกหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "ลอยตัว" แทนในปี 1973 และจากนั้นไม่นาน อเมริกาก็ถอนทหารออกจากเวียตนาม

การหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่าความสำคัญของทองคำในฐานะทุนสำรองโลกจะลดลงเลย
ทีเดียว เพราะไม่ว่าธนาคารกลางของชาติไหน ๆ นั้นเขาก็กำหนดไว้ว่าการจะพิมพ์ธนบัตรออกใช้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสินทรัพย์มา
หนุนหลังเป็นทุนสำรอง และในนั้นต้องมีส่วนหนึ่งเป็นทองคำด้วย แต่การคิดอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆ คิดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจริงๆ
แล้วทำไมอเมริกาต้องให้ประเทศอื่นเอาทองไปค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตร หรือ เอาทองคำประเทศอื่นไปเก็บที่อเมริกา
เช่นมีข่าวว่า เยอรมันเอาทองไปเก็บเป็นจำนวนมาก และกำลังทวงคืน และทำท่าว่าอเมริกาจะไม่มีคืนให้ซะด้วย

มันเป็นกลไกอัตโนมัติครับ
ถ้าไม่มีทุนสำรอง  ประเทศอื่นก็ไม่เชื่อถือค่าเงิน เงินที่พิมพ์ออกมาก็กลายเป็นแบงค์กงเต๊ก
ทุนสำรอง  มีทั้งทองและเงินสกุลหลัก รวมทั้งการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลประเทศเศรษฐกิจเข้มแข็ง
และที่ต้องนำไปเก็บไว้ต่างประเทศ (นิยมอเมริกา, อังกฤษและสวิส)  ก็เพื่อยืนยันให้ประเทศอื่นเชื่อว่ามีทุนสำรองอยู่จริง
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 09:46:27 AM »

เหมือนอาจารย์ว่าครับ อเมริกาไม่ต้องใช้ทองคำสำรองในการผลิตดอลล่าห์ ตะกร้าเงินเขาใหญ่มากๆ
ทั่วโลกต่างใช้เงินดอลล่าห์เป็นเงินทุนสำรอง

เรื่องนี้สืบสาวได้จาก ช่วงหลังสงครามโลกทั้งครั้งที่ 2 ตอนนั้นเศรษฐกิจตกต่ำมาก แบบที่เรียกว่าต้นกำเนิดข้องเสื้อเอวลอย
เพราะผ้าขาดแคลน หลายประเทศต้องหาเงินเพื่อไปใช้ในสงคราม ซึ่งญี่ปุ่นที่มาบ้านเราขณะนั้น เกิดแนวคิด นึกพิมพ์เงินใช้เอง
โดยไม่มีทองคำสำรอง ทำให้เกิดเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก แต่ประเทศอื่น ไม่ได้ทำตาม เพียงแต่ต้องหาข้อตกลงกันว่า เงินที่ใช้
มากมายจะเอาทองคำที่ไหนมาหนุนหลัง

เลยเกิดข้อตกลงเบรตตันวู้ดส์ (Bretton Woods) เมื่อปี 1944 ประเทศต่างๆ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าประเทศไหนบ้าง) ตกลงกันว่าจะ
ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "คงที่" โดยหันมาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นทุนสำรองแทนทองคำ

โดยที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะตั้งไว้ผูกค่าไว้กับทองคำอีกชั้นหนึ่ง ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะลดปัญหาการขาดแคลนทองคำ แทนที่ทุกคน
จะถือทองกันหมด ก็ให้มาถือดอลลาร์สำรองไว้แทนบ้าง

แต่พอปี 1971 ปลายสงครามเวียตนาม เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะย่ำแย่มาก ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินทวีความรุนแรง
ทุนสำรองของประเทศลดลงเรื่อยๆ  เงินดอลลาร์ก็ไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีสงครามเวียตนามเป็นสาเหตุหลัก
อเมริกาเป็นหนี้มากมาย สุดท้ายประเทศต่าง ๆ ก็ขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบบอัตราแลกเปลี่ยน"คงที่" จึงล่มไป โดย
ที่โลกหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบ "ลอยตัว" แทนในปี 1973 และจากนั้นไม่นาน อเมริกาก็ถอนทหารออกจากเวียตนาม

การหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่าความสำคัญของทองคำในฐานะทุนสำรองโลกจะลดลงเลย
ทีเดียว เพราะไม่ว่าธนาคารกลางของชาติไหน ๆ นั้นเขาก็กำหนดไว้ว่าการจะพิมพ์ธนบัตรออกใช้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสินทรัพย์มา
หนุนหลังเป็นทุนสำรอง และในนั้นต้องมีส่วนหนึ่งเป็นทองคำด้วย แต่การคิดอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆ คิดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจริงๆ
แล้วทำไมอเมริกาต้องให้ประเทศอื่นเอาทองไปค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตร หรือ เอาทองคำประเทศอื่นไปเก็บที่อเมริกา
เช่นมีข่าวว่า เยอรมันเอาทองไปเก็บเป็นจำนวนมาก และกำลังทวงคืน และทำท่าว่าอเมริกาจะไม่มีคืนให้ซะด้วย

มันเป็นกลไกอัตโนมัติครับ
ถ้าไม่มีทุนสำรอง  ประเทศอื่นก็ไม่เชื่อถือค่าเงิน เงินที่พิมพ์ออกมาก็กลายเป็นแบงค์กงเต๊ก
ทุนสำรอง  มีทั้งทองและเงินสกุลหลัก รวมทั้งการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลประเทศเศรษฐกิจเข้มแข็ง
และที่ต้องนำไปเก็บไว้ต่างประเทศ (นิยมอเมริกา, อังกฤษและสวิส)  ก็เพื่อยืนยันให้ประเทศอื่นเชื่อว่ามีทุนสำรองอยู่จริง
ขอบคุณครับ ไหว้

ฝากที่อเมริกากลัวครับ กลัวโดนอม
หรือ ไม่อม...แต่ไม่คืนเวลาต้องการจะเอาคืน Grin
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
zamphol
ปืน-อยู่-ที่-ปาก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 831
ออฟไลน์

กระทู้: 2628


ชีวิต-ดั่ง-ละคร


« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 09:56:38 AM »

ข่าวไม่กี่วัน เห็นว่าสวิตขนทองที่ฝากเมกาไว้ ขนกลับบ้านมาร้อยกว่าตัน มันเกิดอะไรขึ้น?Huh

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 21 คำสั่ง