เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 24, 2025, 10:44:39 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าโดนอย่างนี้แล้วจะเป็นอย่างไร?  (อ่าน 5468 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #30 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 09:09:31 AM »

....................เอ พี่เสือไปทำเบบี้เฟซมารึเปล่า ดูรูปพี่หน้าใสขึ้นนะขอรับ.....................

  Wink เอ๊ะ.... ไปเจอผมที่ไหนครับ?
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง
สัตว์ โลก เดิน ไป ตาม แรง กรรม ดี ชั่ว อยู่ ที่ ใจ ตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6399


มี ศัตรู เป็น บัณฑิต ดีกว่ามี มิตร เป็น ค น พ า ล


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 11:35:00 AM »

คนที่โดนจับก็คือคนที่รับเป็นเจ้าของปืนครับ ปืนจะเป็นชื่อของใครก็ช่าง ถ้ารับว่าเป็นคนนำพาปืนมา ต้องโดนจับ แต่ถ้าไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ โดนหมดทั้งคันรถ
บันทึกการเข้า

ศรีวิชัย.
รักปืนไม่เปลี่ยนแปลง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

กระทู้: 865



« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 12:47:30 PM »

Wink คือสงสัยครับ  แต่ไม่อยากซักถามกลัวเข้าตัว...อิอิ Grin

สมมติว่า

๑.เราจะไปยิงปืนที่สนาม อาศัยรถเพื่อนไปๆกัน ๔ คนๆละกระบอก ถ้าโดนตรวจค้นโดนจับ ใครโดนจับ ข้อหาอะไร?

๒. เพื่อนอาศัยรถเราจะไปยิงปืนที่สนาม  เจอด่านตรวจค้นใครจะโดนจับ ใครโดนดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้าง?(เราไม่มีปืนไปด้วย)

๓.ตัวเราเป็นนักกีฬา ขอป.๓ และป.๔ (พูดง่ายๆ ปืนเป็นชื่อแฟน)   เอาปืนใส่กระเป๋าไว้ท้ายรถ  ขับรถไปด้วยกันกับแฟน  เดินทางไปแข่ง ตจว. เจอด่านโดนตรวจค้นโดนจับ อย่างนี้ใครโดนจับ ตัวผมซึ่งเป็นคนขับรถ  หรือแฟนผมที่นั่งไปด้วย(เจ้าของปืน)

๔ สมมติว่าเหมารถตู้ไปยิงปืน  เกิดโดนตรวจค้นโดนจับเรื่องปืน  อย่างนี้ใครโดนจับบ้างเจ้าของรถตู้โดนจับด้วยหรือเปล่าครับ? (ปืนอยู่ในกระเป๋ายิงปืน ล๊อคเรียบร้อย)

   .แหม ข้อหาพกพานี่มันมีตัวการร่วมกันได้นะ ( ฎ. 1582 /2531 ( ป ) )
 ข้อ.๑  ที่ถาม พกพา/นำพา คนละ ๑ รวม ๔ คน  ก็ ๔ กระบอก

        จับกุมคงต้องจับหมด ๔ คน

        ถ้ามีป.๔ ครบทุกคนเจ้าของ  ก็น่าจะถูกแจ้งข้อหาเดียวกันคือฐานร่วมกัน
พกพา/นำพาปืนไปโดยไม่มีป.๑๒ ตามมาตรา ๘ทวิ วรรคหนึ่ง

         ข้อ ๒. นี่เพื่อนขออาศัยรถมีปืนด้วย   ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนพกปืนมาด้วยและ
ให้ขึ้นรถ ก็อาจจะโดนจับไปกับเพื่อนด้วย  .อาจถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกับเพื่อน
พกพา/นำพาปืนไปโดยไม่มีป.๑๒  ( มีฎีกาที่ 1582 / 2531 ประชุมใหญ่บอก
ไว้แล้วว่าพกพา/นำพานี่  ผิดตัวการร่วมได้ แม้เราไม่มีปืน  แต่เรารู้ว่าเขามี )

    แต่ทางปฎิบัติตำรวจอาจไม่แจ้งข้อหานี้แก่เรา .อาจจะเอาเฉพาะคนมีปืน
หรือเจ้าของปืนอย่างเดียว  หรือถ้าตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันมา . ทางอัยการเขาก็คงไม่น่าจะฟ้อง
ในข้อหานี้ นะผมว่า

      ข้อ ๓.นี่ก็คล้ายๆข้อ ๒ อาจโดนจับทั้งคุณทั้งแฟน  ฐานตัวการร่วมนำพาปืน
แต่ตำรวจก็อาจจะเอาเรื่องแฟนเจ้าของชื่อในปืนคนเดียว

        ข้อ๔ .ก็โดนจับหมด  ถ้าคนขับ/คนนั่ง รู้อยู่แล้วว่า มีคนโดยสารเอาปืนมาด้วย
เหมือนข้างบน ฐานตัวการร่วมนำพาปืนกันไป   แต่ก็อีกตำรวจก็คงจะเอาเรื่องเฉพาะ
คนที่มีชื่อเป็นเจ้าของปืนคนเดียว  เพราะการเคร่งครัดในกฎหมายมากไปจะแจ้ง
ข้อหาทั้งหมดก็จะไม่เป็นธรรม   กะอีแค่ปืนไม่กี่กระบอก+ไม่ได้เกิดเรื่องยิงใคร

         .ซึ่งผมก็เห็นว่า  เอาเรื่องเจ้าของปืนคนเดียว .ก็น่าจะยุติธรรมดี

   .แต่ถ้าเป็นได้.  ก็ใช้ดุลพินิจปล่อยไป .เพราะเขาจะไปซ้อมยิงปืนจริง.
     

       .แต่แหมข้อ ๑ ที่ถามนี่น่าหวาดเสียวมาก  ไปทีเดียวพร้อมกัน ๔ กระบอก
.อาจโดนสอบหนักแบบที่หลายท่านว่าไว้. ว่ามีพิรุธถ้าตำรวจเขาไม่เชื่อว่า
จะไปยิงปืนที่สนามกันจริง. 

            อยู่ที่ดุลพินิจตำรวจจริงๆ.

  เรื่องราวทั้งหมดจะโดนตั้งข้อหาใด / กับใครบ้าง ก็คงขึ้นอยู่กับต้นตอ
ของกระบวนการยุติธรรม  คือ ตำรวจ  แล้วก็มาอัยการ .ส่วนศาลก็จะพิจารณา
ตัดสินไปตามข้อหาที่อัยการตั้งมาให้เท่านั้นครับ..

           
           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 01:10:32 PM โดย ป.๑๓ » บันทึกการเข้า

ลูกปืนหล่นไม่ไกลเป้า.....///
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 01:58:23 PM »

คนที่โดนจับก็คือคนที่รับเป็นเจ้าของปืนครับ ปืนจะเป็นชื่อของใครก็ช่าง ถ้ารับว่าเป็นคนนำพาปืนมา ต้องโดนจับ แต่ถ้าไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ โดนหมดทั้งคันรถ
.


 Smiley. เพิ่งเห็น.. ขอเติมให้ ในข้อกฎหมาย ครับ.

      อาวุธปืน ที่ มี .ป. ๔   โดยตัวอาวุธปืน ไม่ถือเป็นสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิด 
      จะมีความผิดเพราะกฎหมายห้ามพาติดตัวฯ ไปเท่านั้น.. ตาม มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง.
      เพราะฉะนั้น . เจ้าของตาม ป.๔ ถ้าอยู่ ณ. ที่นั้น จะรับผิดไปคนเดียว. ปืนไม่ถูกริบ แต่ถูกยึดไว้ตรวจสอบ.

      ถ้าจะมีความผิด ก็ผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิวรรคหนึ่ง.. ครับ.  ไม่ใช่ มาตรา ๗

      แตกต่างจากปืนเถื่อน ถือว่าใครมีไว้ถือว่าเป็นความผิด ผู้รู้ร่วมวง อาจจะโดนเหมาหมด
      และมีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๗  เว้นแต่จะยอมรับผิดไปเสียคนเดียว และปืนเถื่อนจะถูกริบ ครับ.  Smiley
   


           
บันทึกการเข้า

noomrider
Hero Member
*****

คะแนน 74
ออฟไลน์

กระทู้: 4574


ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป


« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 04:46:35 AM »

คิดเล่นๆ 

ถ้าตอนที่เรานำพาปืนไปด้วยเเล้วเเยกชิ้นส่วนป็นชิ้นๆสไลด์  โครง  ลำกล้อง  แม็ก  เก็บในกล่องล็อคกุญเเจ  ส่วนกระสุนอยู่อีกกระเป๋าล็อคกุญเเจเหมือนกัน  แต่มีทริคว่าถ้าเอาลำกล้องไปเก็บอีกที่นึงโดยมิดชิดถ้าค้นไม่เจอเเน่ๆ  ทีนี้เราถูกตรวจค้นและพบกล่องปืนขาดลำกล้องจะโดนข้อหาอะไรบ้างครับเพราะ  ปืนขาดลำกล้องไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เเน่ๆ  หรือว่าโดนเเจ้งข้อเหมือนเดิมเพราะว่าโครงหรือสไลด์ก็ถือวาเป็นอาวุธปืน 

ขอบคุณครับ...
บันทึกการเข้า



อย่านอนตื่นสาย   อย่าอายทำกิน   อย่าหมิ่นเงินน้อย  อย่าคอยวาสนา
ฅนแผ่นดิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 1454

ช่างบั้งไฟและไกปืน


« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 09:11:03 AM »

มีปืนถูกกฎหมายแต่ดูๆ แล้วเหมือนมียาบ้ายาม้าเลยเนอะ ต้องซุกต้องซ่อน หลบกลัวตำรวจจะจับ
บันทึกการเข้า
ศรีวิชัย.
รักปืนไม่เปลี่ยนแปลง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

กระทู้: 865



« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 09:11:41 AM »

คิดเล่นๆ

ถ้าตอนที่เรานำพาปืนไปด้วยเเล้วเเยกชิ้นส่วนป็นชิ้นๆสไลด์ โครง ลำกล้อง แม็ก เก็บในกล่องล็อคกุญเเจ ส่วนกระสุนอยู่อีกกระเป๋าล็อคกุญเเจเหมือนกัน แต่มีทริคว่าถ้าเอาลำกล้องไปเก็บอีกที่นึงโดยมิดชิดถ้าค้นไม่เจอเเน่ๆ ทีนี้เราถูกตรวจค้นและพบกล่องปืนขาดลำกล้องจะโดนข้อหาอะไรบ้างครับเพราะ ปืนขาดลำกล้องไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เเน่ๆ หรือว่าโดนเเจ้งข้อเหมือนเดิมเพราะว่าโครงหรือสไลด์ก็ถือวาเป็นอาวุธปืน

ขอบคุณครับ...

        ปืนแม้จะยิงไม่ได้ แม้จะขาดลำกล้อง  .ก็ยังถือเป็นอาวุธปืน.  ผิดเหมือนเดิมครับ
เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาหลายฎีกาครับ  ใครว่างก็ช่วยลงให้ดูได้ครับ
บันทึกการเข้า

ลูกปืนหล่นไม่ไกลเป้า.....///
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #37 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 10:34:10 AM »

 Smileyขอบคุณครับ คุณ ป๑๓  ขอบคุณครับพี่โรด  ได้ความรู้ในข้อกฏหมายขึ้นเยอะเลยครับ Grin
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #38 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 12:14:05 PM »

คิดเล่นๆ

ถ้าตอนที่เรานำพาปืนไปด้วยเเล้วเเยกชิ้นส่วนป็นชิ้นๆสไลด์ โครง ลำกล้อง แม็ก เก็บในกล่องล็อคกุญเเจ ส่วนกระสุนอยู่อีกกระเป๋าล็อคกุญเเจเหมือนกัน แต่มีทริคว่าถ้าเอาลำกล้องไปเก็บอีกที่นึงโดยมิดชิดถ้าค้นไม่เจอเเน่ๆ ทีนี้เราถูกตรวจค้นและพบกล่องปืนขาดลำกล้องจะโดนข้อหาอะไรบ้างครับเพราะ ปืนขาดลำกล้องไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เเน่ๆ หรือว่าโดนเเจ้งข้อเหมือนเดิมเพราะว่าโครงหรือสไลด์ก็ถือวาเป็นอาวุธปืน

ขอบคุณครับ...

 ปืนแม้จะยิงไม่ได้ แม้จะขาดลำกล้อง .ก็ยังถือเป็นอาวุธปืน. ผิดเหมือนเดิมครับ
เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาหลายฎีกาครับ ใครว่างก็ช่วยลงให้ดูได้ครับ

.. Cheesy..ตรงนี้ ขอมีความเห็นแย้ง . แต่ถือเป็นการช่วยกันเสริม นะ ครับ.
         ชิ้นส่วน ดังกล่าว ถือเป็นอาวุธปืน แต่การพิจารณาว่าจะผิด ฐานพาอาวุธปืนฯ ต้องแยกกัน.

         พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิวรรหนึ่ง กฎหมาย ใช้คำว่า ห้ามมิให้พาอาวุธปืนติดตัวฯ.

         แต่ตามข้อเท็จจริงนี้ .
         ๑. ไม่ใช่เป็นการพาอาวุธปืน ติดตัว  .. และ

         ๒.ความเห็นในการสั่งคดีของ     
         พนักงานอัยการ. ได้อาศัยแนว ทางตามคำพิพากษาศาลฎีกา..  ที่สอดคล้องกับ
         ตาม หนังสือสั่งการ ของ ท่าน ณรงค์ มหานนท์ เมื่อปี ๒๕๒๕ ..
         สาระ คือ อาวุธปืน กระบอกนั้น ไม่สามารถให้ได้อย่างเป็นอาวุธได้ในทันที ในขณะนั้น.
         เช่น การแยกตัวปืน แยกกระสุน แล้วนำไปไว้หลังรถยนต์ .. ใส่กระเป๋าล็อคกุญแจ..
         ในพฤติการณ์ โดยรวมที่ไม่อาจเอื้อมหยิบฉวยได้.

         และต้องทำความเข้าใจ ในการสั่งคดี ของนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยครับ..
         ในชั้นแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้จับกุม มีหน้าที่ จับกุมเมื่อพบเห็นการกระทำที่
         ตนเชื่อว่าเป็นความผิด  แล้ว ส่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการ.ต่อ
         คือ สอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง แล้วพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง และ

         ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองในข้อกฎหมายมาปรับ
         ใช้กับข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบสวน..ของพนักงานสอบสวน 
         และใช้ดุลพินิจ ในการสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง.  อีกครั้ง

         ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบสวน ถ้าผู้ต้องหารับสารภาพเสียแล้ว
         (ด้านหนึ่งอาจด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นการสะดวก ต้องการให้จบเรื่อง โดยเร็ว..  )
          ประเด็นการสอบสวน จึงเพื่อให้ข้อเท็จจริง ครบถ้วนเพื่อสั่งฟ้อง  ..

          ขอสรุป.. เน้นให้ อีกครั้ง ครับ
          ๑.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พบเห็นการกระทำที่เชื่อว่าเป็นความผิด มีหน้าที่ต้องจับกุม
          ๒.พนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหา และรับตัวผู้ต้องหา ต้องทำการควบคุมตัว
          เว้นแต่จะได้รับอนุญาตให้ประกันตัว  มีหน้าที่ต้องสืบสวน สอบสวน รวบรวมหลักฐาน
          ข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนข้ออ้างในความผิดฐาน นั้น ครบถ้วนก็สั่งฟ้อง
          หรือถ้าไม่ ก็สั่งไม่ฟ้อง.. แล้วส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ 
          หัวใจการสั่งสำนวนอยู่ที่ข้อเท็จจริง ที่ได้จากพนักงานสอบสวนนี่แหละครับ.

          ๓.พนักงานอัยการ ถือเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งของรัฐ ในฝ่ายบริหาร จะใช้ดุลพินิจชี้ขาด
           มีคำสั่งฟ้อง หรือไม่  ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริง จากพนักงานสอบสวน

           แต่หากเห็นว่ายังไม่พอสั่ง หรืออาจได้รับการร้องขอความเป็นธรรม จากฝ่ายใด 
           ก็ชอบที่จะมีคำสั่ง ให้ทำการสอบเพิ่มเติม โดยกำหนดประเด็นไว้ ให้พนักงานสอบสวนเพิ่ม
           เต็ม ภายในกำหนดระยะเวลา..

           แต่ละขึ้นตอน มีความสำคัญแตกต่าง และต่างมีหน้าที่ตามกฎหมาย.

           ตามที่ คุณ num .. เมื่อแยกชิ้นส่วนแล้ว นำมาใส่ถุงรวมกันไว้ทุกชิ้น ใส่กุแจ
           หรือนำไว้ท้ายรถ
           จึงยังไม่น่ามีความผิด ตาม มาตรา ๘ ทวิ วรรหนึ่ง.  ครับ.

   
         
บันทึกการเข้า

ศรีวิชัย.
รักปืนไม่เปลี่ยนแปลง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

กระทู้: 865



« ตอบ #39 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 04:05:23 PM »

คิดเล่นๆ

ถ้าตอนที่เรานำพาปืนไปด้วยเเล้วเเยกชิ้นส่วนป็นชิ้นๆสไลด์ โครง ลำกล้อง แม็ก เก็บในกล่องล็อคกุญเเจ ส่วนกระสุนอยู่อีกกระเป๋าล็อคกุญเเจเหมือนกัน แต่มีทริคว่าถ้าเอาลำกล้องไปเก็บอีกที่นึงโดยมิดชิดถ้าค้นไม่เจอเเน่ๆ ทีนี้เราถูกตรวจค้นและพบกล่องปืนขาดลำกล้องจะโดนข้อหาอะไรบ้างครับเพราะ ปืนขาดลำกล้องไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เเน่ๆ หรือว่าโดนเเจ้งข้อเหมือนเดิมเพราะว่าโครงหรือสไลด์ก็ถือวาเป็นอาวุธปืน

ขอบคุณครับ...

 ปืนแม้จะยิงไม่ได้ แม้จะขาดลำกล้อง .ก็ยังถือเป็นอาวุธปืน. ผิดเหมือนเดิมครับ
เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาหลายฎีกาครับ ใครว่างก็ช่วยลงให้ดูได้ครับ

.. Cheesy..ตรงนี้ ขอมีความเห็นแย้ง . แต่ถือเป็นการช่วยกันเสริม นะ ครับ.
 ชิ้นส่วน ดังกล่าว ถือเป็นอาวุธปืน แต่การพิจารณาว่าจะผิด ฐานพาอาวุธปืนฯ ต้องแยกกัน.

 พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิวรรหนึ่ง กฎหมาย ใช้คำว่า ห้ามมิให้พาอาวุธปืนติดตัวฯ.

 แต่ตามข้อเท็จจริงนี้ .
 ๑. ไม่ใช่เป็นการพาอาวุธปืน ติดตัว .. และ

 ๒.ความเห็นในการสั่งคดีของ
 พนักงานอัยการ. ได้อาศัยแนว ทางตามคำพิพากษาศาลฎีกา.. ที่สอดคล้องกับ
 ตาม หนังสือสั่งการ ของ ท่าน ณรงค์ มหานนท์ เมื่อปี ๒๕๒๕ ..
 สาระ คือ อาวุธปืน กระบอกนั้น ไม่สามารถให้ได้อย่างเป็นอาวุธได้ในทันที ในขณะนั้น.
 เช่น การแยกตัวปืน แยกกระสุน แล้วนำไปไว้หลังรถยนต์ .. ใส่กระเป๋าล็อคกุญแจ..
 ในพฤติการณ์ โดยรวมที่ไม่อาจเอื้อมหยิบฉวยได้.

 และต้องทำความเข้าใจ ในการสั่งคดี ของนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยครับ..
 ในชั้นแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้จับกุม มีหน้าที่ จับกุมเมื่อพบเห็นการกระทำที่
 ตนเชื่อว่าเป็นความผิด แล้ว ส่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการ.ต่อ
 คือ สอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง แล้วพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง และ

 ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองในข้อกฎหมายมาปรับ
 ใช้กับข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบสวน..ของพนักงานสอบสวน
 และใช้ดุลพินิจ ในการสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง. อีกครั้ง

 ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบสวน ถ้าผู้ต้องหารับสารภาพเสียแล้ว
 (ด้านหนึ่งอาจด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นการสะดวก ต้องการให้จบเรื่อง โดยเร็ว.. )
 ประเด็นการสอบสวน จึงเพื่อให้ข้อเท็จจริง ครบถ้วนเพื่อสั่งฟ้อง ..

 ขอสรุป.. เน้นให้ อีกครั้ง ครับ
 ๑.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พบเห็นการกระทำที่เชื่อว่าเป็นความผิด มีหน้าที่ต้องจับกุม
 ๒.พนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหา และรับตัวผู้ต้องหา ต้องทำการควบคุมตัว
 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตให้ประกันตัว มีหน้าที่ต้องสืบสวน สอบสวน รวบรวมหลักฐาน
 ข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนข้ออ้างในความผิดฐาน นั้น ครบถ้วนก็สั่งฟ้อง
 หรือถ้าไม่ ก็สั่งไม่ฟ้อง.. แล้วส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ
 หัวใจการสั่งสำนวนอยู่ที่ข้อเท็จจริง ที่ได้จากพนักงานสอบสวนนี่แหละครับ.

 ๓.พนักงานอัยการ ถือเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งของรัฐ ในฝ่ายบริหาร จะใช้ดุลพินิจชี้ขาด
 มีคำสั่งฟ้อง หรือไม่ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริง จากพนักงานสอบสวน

 แต่หากเห็นว่ายังไม่พอสั่ง หรืออาจได้รับการร้องขอความเป็นธรรม จากฝ่ายใด
 ก็ชอบที่จะมีคำสั่ง ให้ทำการสอบเพิ่มเติม โดยกำหนดประเด็นไว้ ให้พนักงานสอบสวนเพิ่ม
 เต็ม ภายในกำหนดระยะเวลา..

 แต่ละขึ้นตอน มีความสำคัญแตกต่าง และต่างมีหน้าที่ตามกฎหมาย.

 ตามที่ คุณ num .. เมื่อแยกชิ้นส่วนแล้ว นำมาใส่ถุงรวมกันไว้ทุกชิ้น ใส่กุแจ
 หรือนำไว้ท้ายรถ
 จึงยังไม่น่ามีความผิด ตาม มาตรา ๘ ทวิ วรรหนึ่ง. ครับ.

 
 

 
 

    ขอบคุณท่านโร้ดที่ช่วยเสริมครับ.  แนวคิดแบบนี้บอกตรงๆ.ผมก็เห็นด้วยเลยครับ.
 
. จำได้ว่าแต่เดิมเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ .๓๙๔๕ / ๒๕๔๐ .
วินิจฉัยวางหลักไว้ว่า. ถ้าวางปืนเอาไว้ไม่สามารถหยิบฉวยมาใช้ได้ทันที
จะไม่ถือว่าเป็นการพาติดตัว.

         .ดังนั้นก็คิดว่าถ้าตำรวจจับมา.  ยังไงอัยการก็คงจะสั่งไม่ฟ้อง.
 .แต่ถ้าเกิดฟ้องขึ้นมา.   ผมก็กลัวว่าศาลท่านอาจจะไม่ไปมองในแนวฎีกาที่
3945 / 2540 เดิมนะสิครับ 
 
         เพราะว่าท่านอาจจะไปมองในแนวฎีกาใหม่ฎีกานี้อีก.

. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ .๔๓๖๗ / ๒๕๔๔  วินิจฉัยวางหลักเสียใหม่เลยว่า

.ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง  หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ
โดยไม่ได้รับอนุญาต  กฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้
ยิงได้จึงจะเป็นความผิด แม้อาวุธปืนนั้นไม่อาจใช้ยิงได้โดยสภาพ
แต่คนร้ายอาจนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมทั่วไปได้   .และตามความคาดคิด
ของบุคคลทั่วไป.   หากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมต้องนึกว่าอาวุธปืนดังกล่าว
สามารถประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายได้.   หากจะแปลว่าต้องใช้บังคับ
เฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้น.   ผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมาย
แยกชิ้นส่วนของอาวุธปืนออก.  แล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกันในภายหลัง
โดยถือว่าการพาไปเช่นนั้นไม่มีความผิด.  ความประสงค์ของบทบัญญัติ
ของกฎหมายก็จะไร้ผล.   ดังนั้น แม้อาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปจะใช้ยิงไม่ได้
ก็ถือว่า จำเลยกระทำความผิดตามกฎหมายแล้ว.

      .ดูแล้วก็กลัวการใช้ถ้อยคำดุลพินิจดังกล่าวครับ.
ไม่กล้าวิจารณ์ ครับ.  ด้วยความเคารพในคำตัดสินครับ.

  .ยังไงในชั้นตำรวจกับอัยการ.  ก็พอจะมีทางช่วยในเรื่อง
การสั่งฟ้อง.ให้ได้บ้างครับ.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2006, 04:08:59 PM โดย ป.๑๓ » บันทึกการเข้า

ลูกปืนหล่นไม่ไกลเป้า.....///
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #40 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 05:55:41 PM »

ด้วยความเคารพ......

คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๓๖๗/๒๕๔๔.....ที่ยกมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยในคดีพยายามฆ่าที่มิได้มีประเด็นเพียงการพาอาวุธปืนฯ ........... ผมพยายามสืบค้นแต่ยังหารายละเอียดไม่ได้ ถ้าท่านป.๑๓มีรายละเอียด...ขอความกรุณาด้วย

ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๙๔๕/๒๕๔๐ วินิจฉัยในข้อกฎหมายจากกรณีข้อกล่าวหาการพาฯ ไปในทางสาธารณะเท่านั้น ไม่มีข้อหาอาญาใดร่วมด้วย..... :Smiley

จะอย่างไรก็ตาม.....ผมเชื่อว่า........สุจริตคือเกราะบัง........  Cheesy



บันทึกการเข้า
ศรีวิชัย.
รักปืนไม่เปลี่ยนแปลง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

กระทู้: 865



« ตอบ #41 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 05:23:22 AM »

.สำหรับผมยังคงยืนยันว่ามีความเห็นคล้ายท่านธำรงและท่านโร้ดครับ.

.ผมจะขอลงฎีกาเต็มๆให้ดูเป็นอย่างที่ท่านธำรงว่ามาครับ.

.แต่บอกตรงๆเสียวมากๆ.ก็ตรงคำวินิจฉัยนี่แหละครับ.
หากมีคดีขึ้นศาลแล้วศาลท่านไปดูฎีกาย่อกับเห็นพ้องในแนวนี้ด้วย
ก็เสร็จกันเลยครับ. เพราะเวลาแยกชิ้นส่วนแล้วถูกจับนี่แน่นอนจำเลย
คงยังไม่มีโอกาสได้แสดงพฤติกรรม/หรือกริยาอาการ. ที่เอาปืนไปจ่อจะยิงใครแน่ครับ
   
        .ก็คงจะต้องถูกจับแบบแยกชิ้นส่วนนั้นเสียก่อน 
.แล้วเวลาเราสู้ในศาล  .อาจจะบอกว่าเอาไปซ้อมยิงในสนาม.

      .ศาลท่านก็เกิดไปมองว่า. ซ้อมไม่ซ้อมไม่รู้.  แต่คุณอาจเจตนาร้าย
แล้วมาแกล้งกลบเกลื่อนความจริงก็ได้.   แล้วก็เลยเอาฎีกาย่อฉบับ
นี้มาจับเข้าวินิจฉัยเสียเลย.   ก็เสียวครับ.

          .ฎีกาที่  4367/2544
 
                   โจทก์ฟ้องว่า.  จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองยาว
เบอร์ ๑๒ เครื่องหมายทะเบียน กท.๕๔๒๙๓  จำนวน ๑กระบอก และกระสุนปืน
ขนาดเบอร์ ๑๒ จำนวน ๑นัด  และร่วมกันพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าว
ติดตัวไปในเมือง ตามถนนในหมู่บ้าน อันเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
  .กับร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงพยามฆ่านายสุระ  นานา  นางสาวสุนิสา นานา
นายมนต์ โพธิ์บริสุทธิ์และนางจันทรา นานา ผู้เสียหายทั้งสี่  ขอให้ลงโทษ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐,๘๓,๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน
 พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗,๘ทวิ,๗๒,๗๒ทวิ, ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง

                    จำเลยให้การปฎิเสธ

                    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  .จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๘๘,๘๑ ลงโทษจำคุก ๗ ปี ๖เดือน ริบปืนและกระสุนปืนของกลาง ข้อหาอื่น
ให้ยก

                      โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ 

                       ศาลอุทรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า  .จำเลยมีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ
พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๘ทวิวรรค ๑.,๗๒ทวิวรรค ๒ อีกกระทงหนึ่ง จำคุก ๑ เดือน
สำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นให้จำคุก ๒ ปี รวมจำคุก ๒ ปี ๑ เดือน
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

                      จำเลยฎีกา  ฯ

                      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า . ที่จำเลยฎีกาว่า  จำเลยมีอาวุธปืน
ชำรุดไม่อาจใช้ยิงได้.  และพาไปในทางสาธารณะย่อมจะไม่เป็นความผิดนั้น
เห็นว่า . ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง ฯโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น
กฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องยิงได้  จึงจะเป็นความผิด
และตามความคาดคิดของบุคคลทั่วไป หากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมต้องนึกว่า
อาวุธปืนดังกล่าวสามารถประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายได้  .แม้อาวุธปืนนั้น
ไม่อาจใช้ยิงได้คนร้ายอาจนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมทั่วไปได้  .หากจะแปลว่า
ต้องใช้บังคับเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้น.  ผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่าง
ของกฎหมายแยกชิ้นส่วนของอาวุธปืนออก.  แล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกัน
ในภายหลัง   โดยถือว่าการพาไปเช่นนั้นไม่เป็นความผิด  ความประสงค์ของบท
บัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็จะไร้ผล.  ดังนั้นเมื่ออาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืน
ตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติ
เป็นความผิดแล้ว.  แม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดตามกฎ
หมายแล้ว  ฎีกาในข้อนี้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น.

      .อย่างไรก็ดีขอภาวนาให้ศาลได้ตัดสินอย่างเที่ยงธรรมที่สุดครับ.
เหมือนดังที่เราได้คาดหวังไว้.

       .อย่างไรก็ยังอยากจะบอกเพื่อนคอปืนทุกคนว่า.  หลักการพกพา
แบบแยกชิ้นส่วนดังกล่าว.  น่าจะยังคงใช้ได้อยู่ครับ.
เพราะมีหนังสือของกรมตำรวจในสมัยท่านณรงค์. เป็นแบบยึดถือ
/หลักประกันได้ว่า  .ทั้งตำรวจและอัยการ.  น่าจะจบคดีด้วยความเป็นธรรม
กับประชาชน . ด้วยการสั่งไม่ฟ้องได้ครับ.  ขอเอาใจช่วยด้วยครับ.

.ขอบคุณครับ.
บันทึกการเข้า

ลูกปืนหล่นไม่ไกลเป้า.....///
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #42 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 08:50:44 AM »

ขอบคุณท่านป.๑๓ครับ...ที่นำคำพิพากษาฎีกา ๔๓๖๗/๒๕๔๔ มาให้ได้ทราบกัน
ผมอ่านแล้วโล่งใจ........ Cheesy

เจตนาการพาปืนเป็นเรื่องสำคัญ......
คนดีพาปืน มิได้ไปก่อเหตุร้าย........กับคนร้ายที่หาช่องของกฎหมายไปก่อเหตุ....ควรได้รับผลที่แตกต่าง  Cool

บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #43 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2006, 09:07:32 PM »

Smiley.. คำพิพากษาฎานี้ . ข้อเท็จจริง เป็นเรื่องการพาอาวุธปืนติดตัว
      โดยในคำพากษานี้ ใช้คำว่าพกพาอาวุธปืน ..
      แม้จะถอดประกอบเป็นชิ้น ก็ยังถือว่ามีความผิด .. ตาม มาตรา ๘ ทวิวรรหนึ่ง
      ทั้งยังได้ข้อเท็จจริงว่า.. จะไปยิงเขาด้วย. จึงเห็นเจตนา เป็นการพกพาอาวุธปืนติดตัว.

       ข้อเท็จจริง ตาม คำพิพากษาฎีกา ที่ ๔๓๖๗/๒๕๔๔
       จึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ถามในกระทู้นี้..

       ตามกระทู้ จึงยังไม่ใช่เป็นการพาอาวุธปืน อาวุธปืนติดตัว.
       จึงไม่น่าจะมีความผิด ตาม มาตรา ๘ ทวิวรรคหนึ่ง ครับ.  Smiley
บันทึกการเข้า

noomrider
Hero Member
*****

คะแนน 74
ออฟไลน์

กระทู้: 4574


ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป


« ตอบ #44 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2006, 06:07:53 AM »

คนดี  คิดดี  ทำดี  เจตนาดี  ย่อมได้รับผลที่ดียังใช้ได้อยู่จริงๆครับ...
บันทึกการเข้า



อย่านอนตื่นสาย   อย่าอายทำกิน   อย่าหมิ่นเงินน้อย  อย่าคอยวาสนา
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 21 คำสั่ง