เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 29, 2025, 10:48:13 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปืนใคร.  (อ่าน 3598 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หยดน้ำ-รักในหลวง
ทุกวันมีความหมาย...
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 899


กัลยาณการี กัลยาณัง ปาปการี จ ปาปกัง


« ตอบ #15 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 10:44:58 AM »


มาอีกในกรณีหนึ่ง...
นาย ก. ลงนามใบมอบอำนาจและเอกสารไว้เสร็จสรรพ...แล้ว
จากนั้น นาย ข. ถึงไปลักปืนพร้อมเอกสารต่าง ๆ มา
โดยที่นาย ก. ไม่ทราบว่า ผู้ใดลักปืนไป

ต่อมา นาย ข. นำปืนดังกล่าว มาขายต่อให้กับนาย ค.
...ในกรณีนี้ต้องสอบถามว่า...นาย ก. ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ตั้งแต่ปืนพร้อมเอกสารได้สูญหายไป


หากนาย ก. มาเรียกร้องภายหลังว่า...
ปืนของตนเองถูกลักมา...โดยที่ตนมิได้แจ้งความไว้ก่อน
นาย ก. มีสาเหตุใดถึงมิได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อนหน้านั้น ครับ
และนาย ก. ต้องนำสืบให้ประจักษ์ได้ว่า นาย ข. เป็นผู้ลักปืนไป
หากนำสืบไม่ได้ก็....ฟ้องนาย ค. ครับ แต่คงยาก....


จากนิ้ว..ที่จิ้มแป้น...


ผมมีความเห็นตามท่าน 51 ตามกรณี 2 ครับ..
โอน..ไปแล้ว(ตามหลักฐาน)..แต่มาแจ้งความตามที่หลัง(หลังจากที่ทราบว่ามีการโอนให้ นาย ค.).....
เรื่องยาว...(ผมพูดตามเหตุผล+ความคิดส่วนตัวนะครับ..เพราะไม่ทราบข้อกฏหมาย)
บันทึกการเข้า

SNIPER™
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 85
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1441



« ตอบ #16 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 11:44:11 AM »

ด้วยความเคารพท่าน จขกท.

ข้อสังเกต  เรื่องลักปืนเขามา ทั้งเอกสารครบเคริ่องมันเกิดขึ้นได้ยาก

ข้อสงสัย  ผมเคยเห็นการจำนำอาวุธปืนในตลาดมืด(ไม่ใช่ไฟดับนะครับ) มีการโอนสลักหลัง หลักฐานการโอนต่างๆ

ตกลงกันด้วยวาจา ว่าดอกเบี้ยเท่าไร?  ไถ่ถอนเมื่อไร?  ผิดนัดปืนหลุดมือทันที 

กลัวว่ามันจะเป็นอย่างกรณีนี้น่ะสิ.....ยุ่งเลยหละ.......


บันทึกการเข้า
snooppy
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 51


« ตอบ #17 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 12:19:21 PM »

เป็นเรื่องที่เตือนใจให้กับคนที่คิดจะซื้อปืนมือ2 ต้องพิจารณาให้ดี ผมเองถ้าจะซื้อต้องคุยกับเจ้าของปืนโดยตรง แพงหน่อยไม่ว่าไม่เสียเวลามาปวดหัวทีหลัง
บันทึกการเข้า
PPM
มีแต่หัวใจกับ ไกปืน(อย่างอื่นไม่มี)
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1246


"ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำ"


« ตอบ #18 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 01:18:33 PM »

ถ้าตอบในข้อที่ว่า "ใครมีสิทธิดีกว่ากัน...."  กระผมเห็นด้วยตามแนว ของพี่ พญายอง ครับ
ในความเห็นของผมนะครับ...ว่าด้วยเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ.
ในมาตรา 1332 บัญญัติว่า " บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา "ดังนั้น นาย ค.น่าจะมีสิทธิดีกว่าครับ
และในเรื่องคดีอาญาก็ต้องว่าด้วยเจตนา ถ้าไม่ทราบ ก็ไม่มีเจตนา ในความฐานผิดรับของโจร เพราะโจทกย์ตั้งมาว่าโดยสุจริตนี่ครับ
เป็นความเห็นนะครับ ต้องรอผู้รู้มาตอบต่อไปครับ

แต่ถ้าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  ตามอุทาหรณ์กระผม ว่า ขึ้นอยู่ที่ว่า นาย ก. ได้กระทำการไปอย่างไรบ้างเมื่อรู้ว่า  นาย ข. ซึ่งได้นำอาวุธปืนของตนไป พร้อมเอกสาร  และได้ลายมือชื่อของตนเอง เพื่อทำการตัดโอน  ซื่งการตัดโอนนั้น ได้สมบูรณ์แล้ว จึงได้ ขายต่อให้นาย ค. ถ้า ขาย ก. มิได้โต้แย้งหรือแจ้งความแต่อย่างใด ก็ไม่เกิดการสอบสวนว่าเอกสารนั้น จริงหรือเท็จ หรือไม่ อย่างไร นาย ค. จึงมีสิทธิ ครอบครอง อาวุธปืน ที่ซื้อ จากนาย ข. โดยชอบโดยกฎหมาย  แต่ถ้า นาย ก. มีการยก สิทธิของตัวเอง ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ก็เป็นอีกเรื่อง นึงครับ...................
        จะสรุปว่าเป็นอย่างไร  ต้องรอ พี่ๆ ที่ใช้กฎหมาย โดยอาชีพ มา วินิจฉัย และสรุปให้ครับ..........กระผมเอง ก็ ขอชมเป็นความรู้ไว้ครับ หลงรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 01:21:07 PM โดย PPM » บันทึกการเข้า

" ข้อ1.จ้าวนาย ถูกเสมอ  ข้อ2.ถ้าจ้าวนายผิด ให้ไปดูข้อ 1. "
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #19 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:24:37 PM »

Smiley.. แยกเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง..

      ในคดีอาญา ข้อเท็จจริงชัดเจน เข้าเป็นความผิด  เรื่องลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
       
      นาย ก. รู้เมื่อไหร่ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ ได้เมื่อนั้น.
      ในชั้นแรกอาจทราบเพียง ปืนและเอกสารหายไป ก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ ว่าทรัพย์ถูกลักไปแต่อย่างไม่ทราบคนร้าย
      แต่ทางการสืบสวน สอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ เอาจาก ปืนที่อยู่กับนาย ค. จึงรู้ว่าเป็นนาย ข.
      นาย ข .จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา ตามที่กล่าวข้างต้น..

      แต่ในความเป็นจริง นาย ก. คงไม่ได้ทำอะไรเลย  เพราะถ้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้   นาย ข. นำไปออก ป.๔ ไม่ได้ครับ.
     
      สำหรับ นาย ค. ซื้อจากร้านปืน นาย ข. จ่ายค่าสินค้าโดยสุจริต  ไม่มีความผิดฐานรับของโจร

      แต่ทรัพย์นั้น ยังถือว่าเป็นของโจร ป.๔ จะต้องถูกเพิกถอน อาวุธปืนจะถูกยึด และคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง
      แต่ นาย ค. ย่อมใช้สิทธิทางแพ่ง ฟ้องเรียกเงินคืนจาก นาย ข ฐานละเมิด 
      และยังฟ้อง นาย ข เป็นความผิด ในทางอาญาได้อีก  ฐานฉ้อโกงทรัพย์..

      สิทธิในตัวอาวุธปืน นาย ก. มีสิทธิ ดีกว่า  นาย ค.

      แต่ทั้งนี้ แค่เป็นความเห็นเบื้องต้น.. เรื่องนี้ ข้อเท็จจริงสมควรขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
      เพื่อให้ศาล ตัดสินให้ ครับ.  Smiley

 
     

   
บันทึกการเข้า

boon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 02:40:59 PM »

อ่านจากที่คุณ Ro@d เขียน เหมือนกับการแก้ปมเชือกที่ผูกติดใว้หลายปม
ค่อยๆแก้ทีละปม อธิบายได้เข้าใจง่ายดีครับ ขอบคุณมากๆ
บันทึกการเข้า
ศรีวิชัย.
รักปืนไม่เปลี่ยนแปลง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

กระทู้: 865



« ตอบ #21 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 04:24:35 PM »

อ้างถึง
Smiley.. แยกเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง..

 ในคดีอาญา ข้อเท็จจริงชัดเจน เข้าเป็นความผิด เรื่องลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
 
 นาย ก. รู้เมื่อไหร่ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ ได้เมื่อนั้น.
 ในชั้นแรกอาจทราบเพียง ปืนและเอกสารหายไป ก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ ว่าทรัพย์ถูกลักไปแต่อย่างไม่ทราบคนร้าย
 แต่ทางการสืบสวน สอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ เอาจาก ปืนที่อยู่กับนาย ค. จึงรู้ว่าเป็นนาย ข.
 นาย ข .จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา ตามที่กล่าวข้างต้น..

แต่ในความเป็นจริง นาย ก. คงไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะถ้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ นาย ข. นำไปออก ป.๔ ไม่ได้ครับ.
 
 สำหรับ นาย ค. ซื้อจากร้านปืน นาย ข. จ่ายค่าสินค้าโดยสุจริต ไม่มีความผิดฐานรับของโจร

 แต่ทรัพย์นั้น ยังถือว่าเป็นของโจร ป.๔ จะต้องถูกเพิกถอน อาวุธปืนจะถูกยึด และคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง
 แต่ นาย ค. ย่อมใช้สิทธิทางแพ่ง ฟ้องเรียกเงินคืนจาก นาย ข ฐานละเมิด
 และยังฟ้อง นาย ข เป็นความผิด ในทางอาญาได้อีก ฐานฉ้อโกงทรัพย์..

 สิทธิในตัวอาวุธปืน นาย ก. มีสิทธิ ดีกว่า นาย ค.

 แต่ทั้งนี้ แค่เป็นความเห็นเบื้องต้น.. เรื่องนี้ ข้อเท็จจริงสมควรขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
 เพื่อให้ศาล ตัดสินให้ ครับ. Smiley

 
 

 

        .ความเห็นผมคล้ายๆท่านว่าเมื่อนาย ข.ถูกตำรวจจับกุมในคดีอาญาในฐานลักทรัพย์
และฐานอื่นๆ   .ตำรวจก็จะต้องยึดปืนกระบอกนั้นเอาไว้เป็นของกลางในคดีอาญาเพื่อจะคืนให้ นาย ก.
เจ้าของแท้จริง

.

      .
         แต่ปัญหามันมีอีกว่า  ถ้านาย ค.ไม่ยอมให้ตำรวจยึดปืนไปคืนแก่นาย ก..
และไม่ยอมฟ้องทางแพ่งกับนาย ข.ฐานละเมิดด้วย   โดยไปอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ตามนี้
     

            
อ้างถึง
ในความเห็นของผมนะครับ...ว่าด้วยเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ.
ในมาตรา 1332 บัญญัติว่า " บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา "ดังนั้น นาย ค.น่าจะมีสิทธิดีกว่าครับ
และในเรื่องคดีอาญาก็ต้องว่าด้วยเจตนา ถ้าไม่ทราบ ก็ไม่มีเจตนา ในความฐานผิดรับของโจร เพราะโจทกย์ตั้งมาว่าโดยสุจริตนี่ครับ
เป็นความเห็นนะครับ ต้องรอผู้รู้มาตอบต่อไปครับ

               .จึงสงสัยว่า  .นาย ค. จะอ้างแบบนั้นเพื่อให้นาย ก.มาใช้ราคาปืนที่ซื้อก่อนได้ไหม

               .เพราะนาย ค.แกอ้างว่าซื้อมาจากร้านขายปืนในท้องตลาดจริง+สุจริตจริง
.นายก.จะต้องเสียเงินไหม.   ถึงจะได้ปืนคืน

             เพราะถ้าเข้าปพพ.มาตรา 1332 ข้างบน . นายค .ก็ไม่ยอมคืนได้   .หากนาย ก.ไม่
ยอมจ่ายเงิน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 04:42:48 PM โดย ป.๑๓ » บันทึกการเข้า

ลูกปืนหล่นไม่ไกลเป้า.....///
PPM
มีแต่หัวใจกับ ไกปืน(อย่างอื่นไม่มี)
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1246


"ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำ"


« ตอบ #22 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 05:46:58 PM »

Smiley.. แยกเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง..

 ในคดีอาญา ข้อเท็จจริงชัดเจน เข้าเป็นความผิด เรื่องลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
 
 นาย ก. รู้เมื่อไหร่ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ ได้เมื่อนั้น.
 ในชั้นแรกอาจทราบเพียง ปืนและเอกสารหายไป ก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ ว่าทรัพย์ถูกลักไปแต่อย่างไม่ทราบคนร้าย
 แต่ทางการสืบสวน สอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ เอาจาก ปืนที่อยู่กับนาย ค. จึงรู้ว่าเป็นนาย ข.
 นาย ข .จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา ตามที่กล่าวข้างต้น..

แต่ในความเป็นจริง นาย ก. คงไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะถ้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ นาย ข. นำไปออก ป.๔ ไม่ได้ครับ.
 
 สำหรับ นาย ค. ซื้อจากร้านปืน นาย ข. จ่ายค่าสินค้าโดยสุจริต ไม่มีความผิดฐานรับของโจร

 แต่ทรัพย์นั้น ยังถือว่าเป็นของโจร ป.๔ จะต้องถูกเพิกถอน อาวุธปืนจะถูกยึด และคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง
 แต่ นาย ค. ย่อมใช้สิทธิทางแพ่ง ฟ้องเรียกเงินคืนจาก นาย ข ฐานละเมิด
 และยังฟ้อง นาย ข เป็นความผิด ในทางอาญาได้อีก ฐานฉ้อโกงทรัพย์..

 สิทธิในตัวอาวุธปืน นาย ก. มีสิทธิ ดีกว่า นาย ค.

 แต่ทั้งนี้ แค่เป็นความเห็นเบื้องต้น.. เรื่องนี้ ข้อเท็จจริงสมควรขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
 เพื่อให้ศาล ตัดสินให้ ครับ. Smiley

 
 

 

ชัดเจน ครับพี่ Ro@d    ขอบพระคุณ ครับ..............  ได้ความรู้อีกแล้วครับ หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า

" ข้อ1.จ้าวนาย ถูกเสมอ  ข้อ2.ถ้าจ้าวนายผิด ให้ไปดูข้อ 1. "
glocklover
เบื้องหลังความสำเร็จ คือความล้มเหลว 9 ใน 10 ครั้งของความพยายาม
Hero Member
*****

คะแนน 12
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1000


One Life Live It.


« ตอบ #23 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2006, 10:38:05 PM »

        .ความเห็นผมคล้ายๆท่านว่าเมื่อนาย ข.ถูกตำรวจจับกุมในคดีอาญาในฐานลักทรัพย์
และฐานอื่นๆ   .ตำรวจก็จะต้องยึดปืนกระบอกนั้นเอาไว้เป็นของกลางในคดีอาญาเพื่อจะคืนให้ นาย ก.
เจ้าของแท้จริง

.

      .
         แต่ปัญหามันมีอีกว่า  ถ้านาย ค.ไม่ยอมให้ตำรวจยึดปืนไปคืนแก่นาย ก..
และไม่ยอมฟ้องทางแพ่งกับนาย ข.ฐานละเมิดด้วย โดยไปอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ตามนี้
     

           


               .จึงสงสัยว่า .นาย ค. จะอ้างแบบนั้นเพื่อให้นาย ก.มาใช้ราคาปืนที่ซื้อก่อนได้ไหม

               .เพราะนาย ค.แกอ้างว่าซื้อมาจากร้านขายปืนในท้องตลาดจริง+สุจริตจริง
.นายก.จะต้องเสียเงินไหม.   ถึงจะได้ปืนคืน

             เพราะถ้าเข้าปพพ.มาตรา 1332 ข้างบน . นายค .ก็ไม่ยอมคืนได้   .หากนาย ก.ไม่
ยอมจ่ายเงิน.


ผมมองจากคนภายนอกนะครับ   

                   นาย ค จะเรียกเงินค่าปืนคืนจากนาย ก ไม่น่าจะได้ครับ เพราะผู้ที่ต้องคืนค่าปืนให้นาย ค ก็คือ นาย ข  นะครับ   Grin
อ้างถึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2006, 10:39:49 PM โดย glocklover » บันทึกการเข้า

“สุขทุกข์ อยู่ที่ใจ มิใช่หรือ
เพราะใจถือ จึงเป็นทุกข์ ไม่สุขใส
ใจไม่ถือ จึงเป็นสุข ไม่ทุกข์ใจ
เราอยากได้ ความสุข หรือทุกข์นา”
พระศาสนโสภณ (แจ่ม จตฺตสลฺโล)
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #24 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 12:33:04 AM »



        .ความเห็นผมคล้ายๆท่านว่าเมื่อนาย ข.ถูกตำรวจจับกุมในคดีอาญาในฐานลักทรัพย์
และฐานอื่นๆ   .ตำรวจก็จะต้องยึดปืนกระบอกนั้นเอาไว้เป็นของกลางในคดีอาญาเพื่อจะคืนให้ นาย ก.
เจ้าของแท้จริง

.

      .
         แต่ปัญหามันมีอีกว่า  ถ้านาย ค.ไม่ยอมให้ตำรวจยึดปืนไปคืนแก่นาย ก..
และไม่ยอมฟ้องทางแพ่งกับนาย ข.ฐานละเมิดด้วย โดยไปอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ตามนี้
     

             
อ้างถึง
ในความเห็นของผมนะครับ...ว่าด้วยเรื่องการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ.
ในมาตรา 1332 บัญญัติว่า " บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา "ดังนั้น นาย ค.น่าจะมีสิทธิดีกว่าครับ
และในเรื่องคดีอาญาก็ต้องว่าด้วยเจตนา ถ้าไม่ทราบ ก็ไม่มีเจตนา ในความฐานผิดรับของโจร เพราะโจทกย์ตั้งมาว่าโดยสุจริตนี่ครับ
เป็นความเห็นนะครับ ต้องรอผู้รู้มาตอบต่อไปครับ

               .จึงสงสัยว่า .นาย ค. จะอ้างแบบนั้นเพื่อให้นาย ก.มาใช้ราคาปืนที่ซื้อก่อนได้ไหม

               .เพราะนาย ค.แกอ้างว่าซื้อมาจากร้านขายปืนในท้องตลาดจริง+สุจริตจริง
.นายก.จะต้องเสียเงินไหม.   ถึงจะได้ปืนคืน

             เพราะถ้าเข้าปพพ.มาตรา 1332 ข้างบน . นายค .ก็ไม่ยอมคืนได้   .หากนาย ก.ไม่
ยอมจ่ายเงิน.

..

..  Smiley..  ในเบื้องต้น นาย ค จะต้องถูกดำเนินคดี ในความผิดฐานรับของโจร..  แต่ในที่สุด พนักงาน
           อัยการ อาจสั่งไม่ฟ้อง เนื่องเพราะ นาย ค ขาดเจตนาในการกระทำความผิด .

           แต่ อาวุธปืน ถือเป็นของกลางในคดี ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ฐานลักทรัพย์
           ในคดีที่ นาย ข  ก่อขึ้น เจ้าทรัพย์ คือ นาย ก.

           ทรัพย์สินเมื่อมีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
           ผู้ครอบครอง อ้างเหตุขาดเจตนา เพื่อให้ตนพ้นจากความผิด.. แต่มิได้ทำให้ 
           ทรัพย์นั้น เป็นทรัพย์ที่ถูกต้องไปด้วย.

           เรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีอาญา 

           ส่วนในเรื่องทางแพ่ง
           เป็นเรื่องที่ นาย ค จะต้องโต้แย้ง และไปฟ้องเอากับผู้กระทำเมิด เอาเอง ครับ.
           ในชั้นนี้ ศาลจะเป็นผู้พิจารณาให้ความเป็นธรรม  ครับ. 
 
           ตาม  ป.แพ่งฯ มาตรา  ๑๓๓๒  เป็นการโต้แย้งสิทธิในทางแพ่ง ของบุคคลที่สาม
           ที่ไม่ได้เกี่ยวกับคดีอาญา   และทรัพย์นั้น ไม่ใช่ ทรัพย์ที่ได้มา
           จากการกระทำผิดในคดีอาญา .. ครับ.

           เป็นเพียงความเห็น  ในฐานะนักกฎหมาย คนหนึ่ง.   
           แต่ข้อเท็จจริง ในลักษณะนี้ น่าจะมีคำพิพากษาฎีกา ถ้าท่านใด พอทราบ
           ช่วยนำมาเสริม ให้ด้วยครับ. Smiley
บันทึกการเข้า

Sniper_T
ภารกิจที่สำคัญสุด คือเป็นคนดี
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 253


เหนี่ยวไก! ถ้าตัดสินใจแล้ว


« ตอบ #25 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 01:17:26 AM »

เมื่อนาย ก.ไม่อยู่บ้าน. นาย ข.เข้าไปโขมยปืน+ป.๔ + สำเนาบัตรประชาชน
+ทะเบียนบ้านของนาย ก.  +หนังสือมอบอำนาจให้ตัดโอน

ผมว่าทุกคนเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าครับ (ก็อย่างที่ จขกท.ว่าไว้แหละครับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง)
ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีไครขโมยไครหรอกครับ (คิดตามโจทย์ไปด้วยนะครับ)นาย(ก)ตั้งใจขายปืนให้นาย(ข)
ตั้งแต่แรกแล้ว (หนังสือมอบอำนาจให้ตัดโอน-และไม่แจ้งความปืนหาย)แต่นึกเสียดายขึ้นมาทีหลัง เลยตามหาว่า นาย(ข)ขายปืนให้ไครไป แล้วใช้วิชา หัวหมอ จูบบบบ ตลบหลัง นาย(ข)ว่าขโมยปืน แต่งานนี้ นาย(ข)และ นาย(ค)ไม่ผิด
เพราะหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง แต่ นาย(ก)แจ้งความเท็จครับ ตกใจ เยาะเย้ยนาย(ค)มีสิทธิ์ครอบครองปืนครับ หลงรัก หลงรักปิดคดี Grin

 ตกใจ ตกใจเอ....หรือว่างานนี้ร่วมกันต้มเป็นแก๊งหว่า... ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #26 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 02:42:21 AM »

Smiley .. ถ้าฟังยุติตามข้อเท็จจริงที่ได้ . ต้องใช้ข้อกฎหมาย มาปรับให้เข้าข้อเท็จจริง .
        และให้ความเห็นไปตามนั้น. กลาง กลาง  ไม่เอนเอียงเข้าข้างใด. Smiley


       เมื่อนาย ก.ไม่อยู่บ้าน. นาย ข.เข้าไปโขมยปืน+ป.๔ + สำเนาบัตรประชาชน
       +ทะเบียนบ้านของนาย ก. +หนังสือมอบอำนาจให้ตัดโอน


       ข้อเท็จจริงนี้  รับฟังชัดเจนว่า เป็นการลักทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสาร. แล้วครับ. Smiley

       
       
       
บันทึกการเข้า

Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #27 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 02:56:01 AM »

Smiley..การรับฟังข้อเท็จจริงในคดี.. เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

      บุคคลที่อยู่ในขบวนการยุติธรรม จะต้องพึงระมัดระวัง อย่างที่สุด

      และไม่ไปสร้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่.. นอกเหนือจากที่มีอยู่..ครับ.  Smiley.


 
     
   

   
     
บันทึกการเข้า

PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #28 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2006, 08:52:22 AM »

เรื่องนี้ตามความเห็นของผม คิดว่าเรื่องนี้ตกหนักที่ นาย ข คนเดียวในฐานะลักทรัพย์ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
ผลพวงที่ตามมาคือ นาย ค เสียเงินเสียเวลา ถึงฟ้องแพ่งต่อนาย ข ได้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เงินเมื่อไหร่ เหมือน
คดีฟ้องแพ่งทั่วไปที่ลูกหนี้มักบ่ายเบี่ยง ที่สำคัญคือตอนนั้น กว่าคดีถึงที่สุดก็ไม่รู้ว่านานเท่าไร และเมื่อตัดสิน
ให้นาย ข ผิดก็โดนก็ติดคุกไปแล้ว

เรื่องนี้ถึงเป็นเหตุการณ์สมมติ ก็เป็นข้อคิดและกรณีศึกษาที่ดี หากเป็นเราๆทั่วไป หากของหายก็ต้องแจ้งความ
ไว้เป็นหลักฐานก่อน หากรอจน นาย ข ขายของให้นาย ค จนออก ป4 แล้ว ยังไม่ได้ดำเนินการคิดว่า นาย ก เศร้าเอง

ขอบคุณพี่ Ro@d มากครับที่ให้คำแนะนำทางข้อกฎหมายชัดเจน


บันทึกการเข้า

                
man999
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2006, 02:44:42 PM »

ผมเป็นนาย ก. ก็ต้องกะทืบนาย ข.แน่ๆๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 20 คำสั่ง