เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤษภาคม 12, 2025, 02:31:24 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กำจัดห้างต่างชาติ แบบ เกาหลีและญี่ปุ่น  (อ่าน 4399 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 12:30:52 AM »

สหกรณ์ร้านค้าคือพระเอกตัวจริง [15 พ.ย. 49 - 18:50]
 
พุธคืนนี้ เวลา 22.10-23.05 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เสนอรายการ “แด่แผ่นดิน” คืนนี้นิติภูมิชวน ดร.กมล กมลตระกูล ผู้เขียน “อย่าร้องไห้ตามอาร์เจนตินา” มานั่งคุยกัน ดูรายการแด่แผ่นดินคืนนี้แล้ว ทั้งผู้อ่านท่านผู้ชมจะซึ้งถึงกึ๋นว่าที่อาร์เจนตินาเจ๊งนั้น เจ๊งเพราะนโยบายประชานิยม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การอนุญาตให้ ห้างต่างชาติเข้ามาอยู่เต็มประเทศ การไม่สนใจไยดีที่จะให้การศึกษาที่มีคุณภาพกับประชาชน การมีรัฐบาลสุดยอดคอรัปชัน ฯลฯ

เมื่อวานผมรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพไปว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน มีพลเมืองมากกว่าหนึ่งพันล้านคน แต่กลับอนุญาตให้มีห้างต่างชาติเข้าไปได้เพียง 145 แห่ง ราชอาณาจักรไทยมีพลเมือง 62 ล้านคน แต่มีห้างต่างชาติขนาดใหญ่ถึง 159 แห่ง ที่เรียนรับใช้ไปเมื่อวาน ผมยังไม่รวมถึงธุรกิจค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อที่เรียกว่าคอนวีเนียนสโตร์ที่มีอีก 3,999 แห่ง ปัจจุบันร้านพวกนี้กระจายขยายสาขาไปถึงระดับตำบล ทำให้ระบบเศรษฐกิจ ไทยไม่กระจัดพลัดพราย ผู้คนในท้องถิ่นขายทุเรียนได้ เอาเงินมาซื้อในห้างพวกนี้ เงินก็จะไหลออกจากท้องถิ่นนั้นฉับพลันทันที โดยที่ไม่หมุนไปหลายรอบเหมือนในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือในประเทศทางยุโรปที่ยังรักษาร้านค้าท้องถิ่นไว้ได้

ไอ้ปื๊ดหาเงินได้ 100 บาท ถ้าซื้อของจากร้านโชห่วยท้องถิ่น เงินก็ยังไปที่ลุงอู๋เจ้าของร้าน ลุงอู๋ซื้อสินค้าของลุงชูมาขาย ลุงชูให้เงินยายผันไปซื้อยามารักษาโรคปากนกกระจอก เจ้าของร้านขายยาซื้อกล้วยทอดตามั่นมากิน ตามั่นให้เงินปิดปากยายมีที่เห็นแกจีบเด็ก ยายมีเอาไปซื้อรองเท้าที่ร้านพี่นารีเมียน้าสมศักดิ์ น้าสมศักดิ์ซื้อวัสดุมาซ่อมบ้านจากร้านคุณรักการ คุณรักการติดหนี้ธนาคาร สุดท้ายเงินก็ไปที่ธนาคารท้องถิ่น คุณสมศักดิ์อยากทำโรงงานเล็กๆไปกู้เงินจากธนาคารท้องถิ่น ใช้เงินไปเก้าแสนกว่า เหลือสตางค์อีก 100 บาท เอาไปซื้อของที่ร้านลุงอู๋ เอ้า ถึงเวลาหมุนวนไปอีกรอบ

ผู้อ่านท่านลองดูย่อหน้าข้างบนซีครับ ตั้งแต่ไอ้ปื๊ดไปจนเงินเข้าธนาคารน่ะ เงินเพียง 100 บาท แต่หมุนวนไปสร้างกิจกรรมได้ในมูลค่ามากถึง 100 บาท ๚ 10 คน =1,000 บาท นี่หมุนเพียงรอบเดียวนะครับ ถ้าหมุนซัก 5 รอบ ก็เป็น 5 พัน

แต่ถ้าไอ้ปื๊ดหาเงินมาได้ 100 บาท เอาไปซื้อของที่ห้างบิ๊กซี หมดเลยครับ เงินไม่มีโอกาสหมุน เพราะกำไรไปอยู่ในกระเป๋าของนายทุนข้ามชาติ เงินมันบินอย่างฉับพลันทันทีไปที่ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา ฯลฯ เงินอีกส่วนหนึ่งก็ไปที่ผู้ผลิตสินค้าซึ่งอยู่ในส่วนกลางหรือต่างประเทศ
เหลือเศษสตางค์ให้คนงานท้องถิ่นนิดหน่อย ท้องถิ่นก็ตาย ไม่มีการกระดิกพลิกตัว ไม่มีกิจกรรม เอาแรงกายไปพัฒนาหากินในที่ดิน ในทะเล ได้เงินเท่าไรก็หายวับไปกับตา สุดท้ายผู้คนในตำบลเหล่านี้ก็ยากจน อยากเห็นภาพของประเทศไทยในอนาคต ท่านดูได้จากประเทศอาร์เจนตินาในปัจจุบันซีครับ

ห้างต่างชาติที่เข้ามาดูดความมั่งคั่งในไทย นอกจากไฮเปอร์มาร์เกตซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แล้ว ทุกวันนี้ยังกระจายขยายไปสร้างห้างเล็กห้างน้อย เทสโก้ โลตัสมีห้างไฮเปอร์มาร์เกต 55 แห่ง โลตัสเอ็กซ์เพรส 189 สาขา ตลาดโลตัส เฟรช มาร์ท 14 สาขา และเทสโก้ โลตัสคุ้มค่าที่ขายเฉพาะสินค้ายี่ห้อโลตัสอีก 15 สาขา

บิ๊กซีมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 26 สาขา ห้างบิ๊กซีขนาดกลาง ซึ่งเริ่มไปชอนไชในต่างจังหวัด 2-3 สาขา ห้างลีดเดอร์ ไพรซ์ ที่ขายเฉพาะ แบรนด์ของบิ๊กซีอีก 5 สาขา มินิบิ๊กซีที่สร้างขึ้นมาเป็นร้านทดลองเพื่อใช้ตีร้านโชห่วยปากซอยอีก 1 สาขา

ส่วนคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส มีห้างไฮเปอร์มาร์เกต 22 สาขา ห้างแม็คโคร 29 สาขา และท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต 91 สาขา


เรียนไปเมื่อวาน ถึงมาตรการของรัฐบาลหลายประเทศ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรักษาเศรษฐกิจท้องถิ่น+เศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ต้องชมเชยก็คือ รัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลเกาหลีใต้ รัฐบาลเยอรมนี ฯลฯ

คนไทยโชคร้ายที่มีรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีสติปัญญาตื้นเขิน จนมองไม่ออกว่าจะจัดการกับห้างต่างชาติที่เข้ามาดูดเงินเหล่านี้อย่างไร แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันก็เถอะ นโยบายของท่านไม่พูดถึงระบบสหกรณ์เลยแม้แต่นิดเดียว

การแก้ไขเรื่องห้างต่างชาติ นอกจากจะต้องใช้กฎหมาย ใช้ลัทธิชาตินิยมแล้ว รัฐบาลยังต้องช่วยปรับปรุงโชห่วย

แต่อาวุธที่แม่นฉมังที่สุดก็คือ “สหกรณ์ร้านค้า”

สหกรณ์ร้านค้า คือพระเอกตัวจริงในเรื่องนี้.
 

 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=international01&content=26611

พูดตรงๆ ให้มีกี่สหกรณ์ ก็เยียวยาธุรกิจท้องถิ่นลำบาก เพราะนิสัยคนไทยฟุ้งเฟ้อ จนยากจะเยียวยา คงต้องใช้มาตรการภาครัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะพลิกฟื้นการเศรษฐกิจท้องถิ่นได้ ถ้าให้ โลตัส คาร์ฟู ปิด 5 โมงเย็นแบบ เกาหลีใต้ห้างยักษ์เหล่านี้คงไปไม่รอดครับ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ลูกจ้างโลตัสจะมีรายได้พอเลี้ยงตัวส่งลูกเรียนสูงๆไหวได้อย่างไร แต่ที่ผ่านมาเจ้าของร้านชำส่งลูกเรียนสูงๆมีเยอะแยะครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 12:58:52 AM »

ในกรุงเทพฯ  แค่ร้านสหกรณ์พระนคร  ยังไปไม่รอดเลยครับ

ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณ Watt และคุณ PU45ว่าไว้น่ะครับว่า

" รัฐบาลที่ผ่านๆมามัวเห็นแต่เศษเนื้อที่พวกกลุ่มทุนต่างชาติโยนให้ เลยไม่ได้สนใจร้านค้าปลีก "

" คิดแต่เอาเงินใส่กระเป๋าถ่ายเดียว "
บันทึกการเข้า
เรือน้อย..น้อย
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 305


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 10:22:46 AM »

ผมว่า กำจัดยังไม่ได้ หลอกครับ ตราบใดที่นโยบายไม่ชัดเจน แบบนี้ แค่จำกัดไม่ให้ขยายตัว ได้ก็นับว่า ไปได้ขั้นตอน หนึ่งแล้ว  ที่เหลือ ก็ค่อยๆ บังคับให้อยู่ในทิศทาง ของแบบนี้ไม่ดีจริงเขาก็คงอยู่ไม่รอด มาถึงทุกวันนี้ ครับ
ส่วนของเรา มีดีอะไรบ้างการพัฒนาธุรกิจของเราไปแบบไหน เราควรจะมอง ของเราด้วย การปรับ 3 ระดับ เพื่อธุรกิจของชาติเป็น หลัก   1. นโยบายของรัฐ ต้องชัดเจน  2. การปรับตัวของธุรกิจ  3.การพัฒนาในธุรกิจ นั้นๆ
เดี๋ยวนี้ ใครจะเอาอะไรเข้า ไปขายในห้าง ดังๆ ต้องโดน OEM  ของห้างนั้นควบคู่ด้วยไม่งั้น ขาย บ่ได้ครับ  เช่น น้ำปลา น้ำมัน ต้องมี่ แบรนด์  xxxx ของห้างนั้นด้วย 
ข้อดีเขาก็มี น่ะครับ เช่นการจ้างงาน และกระจายรายได้
ถึงตอนนี้ผมว่าก็ยังไม่สายครับ เข้ามาได้ แต่เอาเงินออก ได้แค่จำกัด ที่เหลือให้ไทยหมุนเวียนบ้าง   น่าจะดีน่ะครับ   
บันทึกการเข้า

Safety  First
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 11:07:42 AM »

ก่อนอื่นผมขอแสดงความเห็นสักเล็กน้อยในเรื่องนี้ครับ

ห้างค้าปลีกที่เข้ามาขายในบ้านเรา (ไม่มี วอล์มาร์ท เพราะตกลงกับ CP ไม่ได้เรื่องนโยบายคืนของได้หากลูกค้าไม่พอใจ) ได้ใจของลูกค้า เหนือร้านค้าปลีกขนาดเล็กตรงที่

1. ราคาถูกกว่าเกือบทุกอย่าง ยกเว้นของบางอย่างในกรุงเทพ ราคาเท่ากัน หรือ สูงกว่า เพราะ ต้นทุนสูง ส่วนในต่างจังหวัด ราคาของในห้างเหล่านี้ ถูกกว่าร้านค้าปลีกมาก

2. สินค้าที่ยังไม่ได้เปิด และ ป้ายยังอยู่ครบ สามารถคืนได้เต็มจำนวน ส่วนร้านค้าปลีกเกือบทั้งหมด มักไม่ยอมรับคืนสินค้า

3. มีที่จอดรถเหลือเฟือ

4. มีร้านค้าปลีกในห้างนับร้อย ไม่ไช่แต่เพียงของในห้างเท่านั้น (เรื่องนี้คงต้องให้ ดร. นิติภูมิ ไปเดินห้างค้าปลีกเหล่านี้บ้าง ไม่ไช่มัวแต่นั่งเทียนเขียนบทความ)ทำให้คนที่ไปที่ห้างเหล่านี้ ไปเพียงที่เดียว ไม่ต้องตะเวนซื้อของหลาย ๆ แห่ง ประหยัดทั้งเงิน, เวลา และ ไม่ร้อนด้วย

ผมไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ให้ต่างชาติมาแย่งอาชีพคนไทยหรอกครับ แต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ไม่ได้มีปัญหาใหญ่ตราบใดที่ห้างค้าปลีกเหล่านั้น ยังไม่ได้ทำตัวเป็นผู้นำเข้าสินค้า หรือ มีหุ้นส่วนกับผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

การมีห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในพื้นที่เป็นคล้าย ๆ กับ ห้างสรรพสินค้าติดแอร์ ที่คนในพื้นที่สามารถซื้อสินค้าที่ต้องการได้ในที่เดียวได้ในราคาถูกกว่าไปซื้อของในตลาดสด และ ของบางอย่างไม่สามารถซื้อได้ในพื้นที่ ในบางจังหวัด สินค้าบางอย่างไม่มีขาย ต้องข้ามไปอีกจังหวัดเพื่อซื้อสินค้าชนิดนั้น และ ที่สำคัญ ห้างค้าปลีกในเมืองไทย เป็นแหล่งรวมของผู้ค้าปลีกที่มาเช่าพื้นที่ขายของในห้างเหล่านั้น ส่วนมากเป็นสินค้าพื้นเมือง หากห้างเหล่านั้นต้องปิดตัวไป ผู้ค้าปลีกเหล่านั้นต้องไปเบียดเสียดกันให้แหล่งค้าปลีกเดิม ซึ่งมีผู้อยู่เดิมยึดพื้นที่อยู่

ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่เป็นร้านสดวกซื้อ( 7/11)ต่างหาก ที่เป็นคู่แข่งตัวจริงของร้านค้าปลีก เพราะขายของชนิดเดียวกัน และ ขายของถูกกว่า

สินค้าบางอย่างที่ห้างค้าปลีก อย่าง แม็กโคร ก็เป็นแหล่งกระจายสินค้าในหลาย ๆ จังหวัด โดยร้านค้าปลีกมาซื้อสินค้าจากห้างค้าปลีกเหล่านี้ไปขายในหมู่บ้านที่ห่างไกล เพราะ ถูกกว่าไปซื้อกับ ยี่ปั้ว เพราะ ต้นทุนสินค้า และ ค่าขนส่งของห้างค้าปลีกเหล่านั้นถูกกว่า ยี่ปั้ว นั่นเอง

การแก้ปัญหาควรแก้ปัญหาให้ถูกจุดไม่ไช่อ่านข่าวต่างประเทศแล้วมาวิจารณ์โดยไม่ได้ไปดูว่า ในเมืองไทยตำแหน่งของผู้ค้าปลีกอยู่ตรงไหน มีความสำคัญแค่ไหนในท้องถิ่น การหลับหูหลับตาค้านห้างค้าปลีกโดยไม่ได้ดูความจริง โดยอาศัยแค่ตัวเองเป็นสื่อ ขายบทความโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง ใช้ความคิดของตนเองร่วมกับข่าว โน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 11:20:23 AM »

 Smileyผมว่าคุณ.686 อาจมองคนละมุมนะครับ

-คุณ.686 อาจมองในด้านผู้บริโภค ที่จะสะดวกซื้อ และได้สินค้าครบ แต่ถ้ามองในด้านผลประโยชน์ที่ประเทศได้รับอาจเป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้น ส่วนชิ้นเนื้อก้อนใหญ่กลับไปอยู่ที่ประเทศแม่หมด
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 01:28:18 PM »

Smileyผมว่าคุณ.686 อาจมองคนละมุมนะครับ

-คุณ.686 อาจมองในด้านผู้บริโภค ที่จะสะดวกซื้อ และได้สินค้าครบ แต่ถ้ามองในด้านผลประโยชน์ที่ประเทศได้รับอาจเป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้น ส่วนชิ้นเนื้อก้อนใหญ่กลับไปอยู่ที่ประเทศแม่หมด

ในกระทู้แบบนี้ต้องมองหลาย ๆ มุมครับ เพราะ การมองเพียงมุมใด มุมหนึงอาจทำให้เห็นภาพบิดเบี้ยวไปจากที่ควรจะเป็น ผมเลยเขียนว่า "ผมขอแสดงความเห็น" ไงครับ เป็นความเห็นในมุมของผม

ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า ทำไมห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ถึงได้ประสพความสำเร็จใน หลาย ๆ ประเทศ แต่กลับมาล้มเหลวใน ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้

- ยุโรป และ อเมริกาเหนือ ประชากรส่วนใหญ่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ บ้านเรือนก็มีขนาดใหญ่โตกว่า ในญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เพราะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศ เป็นภูเขา พื้นที่ ๆ เป็นที่อยู่อาศัยและ เพาะปลูกได้มีเพียง 25% ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยเหลือเพียงเล็กน้อย  ในญี่ปุ่น อาศัยอยู่อย่างแออัดโดยเฉลี่ยถึง 1280 คนต่อ ตร.กม. ส่วนภูเขาส่วนใหญ่เป็นหินทำให้เพาะปลูกไม่ได้ อยู่อาศัยก็ไม่ได้ (ข้อมูลอ้างอิง https://www.cia.gov/cia/publications/factbook/geos/ja.html)ส่วน เกาหลีใต้ก็เช่นเดียวกัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีพื้นที่ไม่ถึง 1 แสน ตร.กม. (ประเทศไทยใหญ่กว่า 5 เท่า) แต่มีประชากรเกือบ 50 ล้านคน (ข้อมูลอ้างอิง https://www.cia.gov/cia/publications/factbook/geos/ks.html )

ทั้งขนาดห้อง และขนาดตู้เย็น โดยเฉลี่ย ของ ทั้ง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ก็มีขนาดเล็กกว่าในยุโรป และ อเมริกาเหนือ ทำให้พื้นที่เก็บของที่ซื้อมามีไม่มากไปตามขนาดห้อง ทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของชาวญี่ปุ่นและ เกาหลีใต้ ส่วนใหญ่จะทำการซื้อสินค้าปริมาณน้อย ๆ แต่ซื้อเกือบทุกวันการเดินทางไปซึ้อสินค้าในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทุกวันจึงไม่สดวกท่ากับการซื้อสินค้าในร้านค้าใกล้ ๆ ที่พัก ส่วนในอีกซีกโลก ในยุโรป และ อเมริกาเหนือ ผู้คนส่วนใหญ่จะไปจับจ่ายซื้อสินค้า สัปดาห์ละ ครั้ง ในฤดูหนาวในบางพื้นที่อาจมีโอกาศได้จับจ่ายซื้อสินค้าเดือนละ ครั้งก็มี ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ส่วนมากจึงมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และ ที่สำคัญมักตั้งอยู่นอกเมือง เพราะ เส้นทางการจราจรสดวก

- ทั้งใน ญี่ปุ่น และ เกาหลึใต้ได้ผู้ค้าปลีกรายย่อยได้พัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันกับห้างค้าปลีกข้ามชาติได้โดยการรวมกลุ่มกันตั้งเส้นทางขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตัดคนกลางออกไป หรือไม่คนกลางก็ลงมาตั้งร้านค้าปลีกเสียเองโดยอาศัยช่องทางขนส่งที่ตนเองถนัด

การห้ามไม่ให้ห้างค้าปลีกขยายสาขาจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทางภาครัฐควรให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาให้ร้านค้าปลีกมีความสามารถในการแข่งขันได้จะดีกว่า เพราะ อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศได้
บันทึกการเข้า
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 02:45:02 PM »

เอาประสบการณ์ของคนเคยช่วยญาติขายของนะครับเริ่มแรกก็มีคนค้าส่งมาขายของให้เรา....ซักพักก็มีห้างให้ไปซื้อก็คือห้างแม๊คโคร นี่ใครจะไปซื้อของจะต้องเป็นสมาชิก ถุงก็ไม่มีให้ต้องเข็นรถมาถ่ายของขึ้นรถกันเอง.......และก็ขายแบบยกโหล ยกลัง ลูกค้าก็จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้าปลีก  แต่ผู้ค้าส่งก็ยังพอมีทางหากินได้ เพราะการไปซื้อของจากห้างนั้นมีระยะไกลอยู่พอสมควร ของที่ราคาอาจจะต่างจากผู้ค้าส่งประมาณไม่เกิน 40 - 60 สตางค์ เราก็จะซื้อจากผู้ค้าส่งเหมื่อนเดิม แต่ที่ถูกกว่าในหลัก 90 สตางค์ขึ้นไปเอารถกระบะไปขนเองคุ้มกว่าครับบางทีก็ชวนพวกคนค้าที่สนินกันแบบเราไปด้วยกันช่วยกันขนชวยกันซื้อฝากมั่ง ซื้อมาแล้วเอาไปคนละครึ่งลังมั่ง ไปกันทีก็เหมื่อนไปเดินพักผ่อนสำหรับคนค้าขาย แต่เบื่อสุดก็ตอนขนขึ้นขนลง  จึงเป็นเสมื่อนการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ค้าปลีก........ก็ถ่อยทีถ่อยอาศัยกันเรื่อยมาระหว่าง ค้าปลีก -  ค้าส่ง - ห้างแม๊คโครเป็นแบบนี้มาหลายปี จนผมย้ายออกมา................ต่อมามีห้างยักใหญ่มาเปิด.........ร้านญาติผมเริ่มค้าขายไม่ค่อยดีแต่ก็ยังพอขายได้..........สุดท้ายมีร้านค้า 24 ชม.มาเปิดข้าง ๆ.................จบครับ กำไรวันละหลักหลาย ๆ พันที่แต่ก่อนสมัยก่อนเคยได้ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแค่ได้วันละถึงพันก็เก่งแล้ว......ถามว่าทำมัยคนถึงไปเข้าห้างใหญ่.............ก็ของมันถูก.....ถามต่อทำมัยของในห้างใหญ่ถึงถูก...ตอบให้ครับมันจะไม่ถูกยังไงละ ของที่ขายในนั้นไม่ใช้เข้าไปขายกันฟรี ๆ แบบค้าปลีกนะครับต้องเสียเงินค่าวางขาย หักเปอร์เซ็นอีก ........หนัก ๆ เขาโดนบีบให้ผลิตของในยีห้อของห้างใหญ่.........ถามว่าร้านค้าปลีกต้องซื้อสด จ่ายสด มีส่วนลดบ้างหรือไม่ครับ....ไม่มีครับใช้หลักการตลาดแบบเก่าคือ ซื้อแยะก็ถูก ไม่ได้ค่าวางขาย ถ้าไม่มีลูกค้าก็เข้าร้านอื่น..............ร้าน 24 ชม.ดัง ๆ เวลาเราไปซื้อสิทธิเขาก็ขาย มีการหักค่าโน่นค่านี่ ของเขาก็ส่งให้ กำไรแบ่งกับเขา....หากเราขายดี.... บริษัทแม่ก็มาเปิดร้านแข่งข้าง ๆ ถัดไปหรือยึดคนละมุมถนน คนละฝาก เป็นต้น............................ผมพูดในฐานะคนเคยค้าขายมานิดหน่อย เคยเรียนเรื่องหลักเศรฐศาตร์มาก็นิดหน่อย อายุก็น้อยไม่ใช้นักวิชาการจบสูง ๆ .............................ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหนครับ จะให้คนค้าปลีกแข่งยังไง.....จะแข่งไม่กลัวครับ แต่แข่งกันให้เป็นธรรมหน่อยกำหนดกติกาเหมื่อน ๆ กันผมไม่เกี่ยงน้ำหนัก ผมตัวเล็กกว่าก็ใช้ว่าจะกลัวมวยใหญ่ แต่ถ้ากติกาไม่เป็นธรรม มีลูกตุกติกแบบนี้ รอครับ รอให้ร้านเจ๊ง รอให้ค้าปลีกเลิกขาย...............อีกหน่อยการค้าขายกำไรก็คงไหลออกไปสู่ต่างชาติ....ไชโยประเทศไทยครับ Smiley
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 03:36:03 PM »

เอาประสบการณ์ของคนเคยช่วยญาติขายของนะครับเริ่มแรกก็มีคนค้าส่งมาขายของให้เรา....ซักพักก็มีห้างให้ไปซื้อก็คือห้างแม๊คโคร นี่ใครจะไปซื้อของจะต้องเป็นสมาชิก ถุงก็ไม่มีให้ต้องเข็นรถมาถ่ายของขึ้นรถกันเอง.......และก็ขายแบบยกโหล ยกลัง ลูกค้าก็จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้าปลีก แต่ผู้ค้าส่งก็ยังพอมีทางหากินได้ เพราะการไปซื้อของจากห้างนั้นมีระยะไกลอยู่พอสมควร ของที่ราคาอาจจะต่างจากผู้ค้าส่งประมาณไม่เกิน 40 - 60 สตางค์ เราก็จะซื้อจากผู้ค้าส่งเหมื่อนเดิม แต่ที่ถูกกว่าในหลัก 90 สตางค์ขึ้นไปเอารถกระบะไปขนเองคุ้มกว่าครับบางทีก็ชวนพวกคนค้าที่สนินกันแบบเราไปด้วยกันช่วยกันขนชวยกันซื้อฝากมั่ง ซื้อมาแล้วเอาไปคนละครึ่งลังมั่ง ไปกันทีก็เหมื่อนไปเดินพักผ่อนสำหรับคนค้าขาย แต่เบื่อสุดก็ตอนขนขึ้นขนลง จึงเป็นเสมื่อนการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ค้าปลีก........ก็ถ่อยทีถ่อยอาศัยกันเรื่อยมาระหว่าง ค้าปลีก - ค้าส่ง - ห้างแม๊คโครเป็นแบบนี้มาหลายปี จนผมย้ายออกมา................ต่อมามีห้างยักใหญ่มาเปิด.........ร้านญาติผมเริ่มค้าขายไม่ค่อยดีแต่ก็ยังพอขายได้..........สุดท้ายมีร้านค้า 24 ชม.มาเปิดข้าง ๆ.................จบครับ กำไรวันละหลักหลาย ๆ พันที่แต่ก่อนสมัยก่อนเคยได้ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแค่ได้วันละถึงพันก็เก่งแล้ว......ถามว่าทำมัยคนถึงไปเข้าห้างใหญ่.............ก็ของมันถูก.....ถามต่อทำมัยของในห้างใหญ่ถึงถูก...ตอบให้ครับมันจะไม่ถูกยังไงละ ของที่ขายในนั้นไม่ใช้เข้าไปขายกันฟรี ๆ แบบค้าปลีกนะครับต้องเสียเงินค่าวางขาย หักเปอร์เซ็นอีก ........หนัก ๆ เขาโดนบีบให้ผลิตของในยีห้อของห้างใหญ่.........ถามว่าร้านค้าปลีกต้องซื้อสด จ่ายสด มีส่วนลดบ้างหรือไม่ครับ....ไม่มีครับใช้หลักการตลาดแบบเก่าคือ ซื้อแยะก็ถูก ไม่ได้ค่าวางขาย ถ้าไม่มีลูกค้าก็เข้าร้านอื่น..............ร้าน 24 ชม.ดัง ๆ เวลาเราไปซื้อสิทธิเขาก็ขาย มีการหักค่าโน่นค่านี่ ของเขาก็ส่งให้ กำไรแบ่งกับเขา....หากเราขายดี.... บริษัทแม่ก็มาเปิดร้านแข่งข้าง ๆ ถัดไปหรือยึดคนละมุมถนน คนละฝาก เป็นต้น............................ผมพูดในฐานะคนเคยค้าขายมานิดหน่อย เคยเรียนเรื่องหลักเศรฐศาตร์มาก็นิดหน่อย อายุก็น้อยไม่ใช้นักวิชาการจบสูง ๆ .............................ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหนครับ จะให้คนค้าปลีกแข่งยังไง.....จะแข่งไม่กลัวครับ แต่แข่งกันให้เป็นธรรมหน่อยกำหนดกติกาเหมื่อน ๆ กันผมไม่เกี่ยงน้ำหนัก ผมตัวเล็กกว่าก็ใช้ว่าจะกลัวมวยใหญ่ แต่ถ้ากติกาไม่เป็นธรรม มีลูกตุกติกแบบนี้ รอครับ รอให้ร้านเจ๊ง รอให้ค้าปลีกเลิกขาย...............อีกหน่อยการค้าขายกำไรก็คงไหลออกไปสู่ต่างชาติ....ไชโยประเทศไทยครับ Smiley

เห็นด้วยกับคุณ Zeus  ครับ ผมถึงบอกว่า "ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่เป็นร้านสดวกซื้อ( 7/11)ต่างหาก ที่เป็นคู่แข่งตัวจริงของร้านค้าปลีก เพราะขายของชนิดเดียวกัน และ ขายของถูกกว่า" 

แต่คงมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อยตรงที่ ห้างค้าปลีกเปิดพื้นที่ด้านนอกเป็นพื้นที่ให้เช่า เพื่อผู้ค้าปลีกรายย่อยตั้งร้านขายของได้ ผมไม่ได้หมายถึงของที่ขายในห้าง

การจำกัดห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ไม่ให้ขยายสาขาเพิ่มจึงไม่ไช่การแก้ปัญหาที่ ต้นเหตุ แต่ทางรัฐควรที่จะช่วยเหลือผู้ค้าปลีกรายย่อยในการลดต้นทุนในการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ห่างไกลให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อลดความได้เปรียบข้องห้างสะดวกซื้อ ส่วนห้างค้าปลีกก็ควรที่จกำหนดให้อยู่นอกเขตตัวเมือง เพราะ จะเป็นการเพิ่มปัญหาจราจร และ ลดข้อพิพาดกับผู้ค้าปลีกในท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 15, 2006, 03:40:53 PM โดย 686 » บันทึกการเข้า
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 03:52:12 PM »

ซอยที่ผมอาศัยอยู่  มีร้านชำของลุงคนหนึ่ง  นับจากเดินเข้าร้านจนซื้อของเสร็จ ใช้เวลาเร็วกว่าไปซูเปอร์สโตร์เป็นไหนๆ ราคาไม่แพงกว่ากัน
เดี๋ยวนี้ลูกของเถ้าแก่ SME ชอบไปเป็นลูกจ้างบริษัทใหญ่กันเยอะ แต่เวลาซื้อรถมาขับบริษัทไม่ออกให้นะ  เอาเงินจากพ่อแม่นั่นแหละ  มองแงดีคือไปหาประสบการณ์ แล้วมาปรับปรุงธุรกิจตัวเอง
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2006, 05:51:34 PM »

มองกันหลายมุมดีครับ  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2006, 01:21:13 PM »

เอาประสบการณ์ของคนเคยช่วยญาติขายของนะครับเริ่มแรกก็มีคนค้าส่งมาขายของให้เรา....ซักพักก็มีห้างให้ไปซื้อก็คือห้างแม๊คโคร นี่ใครจะไปซื้อของจะต้องเป็นสมาชิก ถุงก็ไม่มีให้ต้องเข็นรถมาถ่ายของขึ้นรถกันเอง.......และก็ขายแบบยกโหล ยกลัง ลูกค้าก็จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้าปลีก แต่ผู้ค้าส่งก็ยังพอมีทางหากินได้ เพราะการไปซื้อของจากห้างนั้นมีระยะไกลอยู่พอสมควร ของที่ราคาอาจจะต่างจากผู้ค้าส่งประมาณไม่เกิน 40 - 60 สตางค์ เราก็จะซื้อจากผู้ค้าส่งเหมื่อนเดิม แต่ที่ถูกกว่าในหลัก 90 สตางค์ขึ้นไปเอารถกระบะไปขนเองคุ้มกว่าครับบางทีก็ชวนพวกคนค้าที่สนินกันแบบเราไปด้วยกันช่วยกันขนชวยกันซื้อฝากมั่ง ซื้อมาแล้วเอาไปคนละครึ่งลังมั่ง ไปกันทีก็เหมื่อนไปเดินพักผ่อนสำหรับคนค้าขาย แต่เบื่อสุดก็ตอนขนขึ้นขนลง จึงเป็นเสมื่อนการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ค้าปลีก........ก็ถ่อยทีถ่อยอาศัยกันเรื่อยมาระหว่าง ค้าปลีก - ค้าส่ง - ห้างแม๊คโครเป็นแบบนี้มาหลายปี จนผมย้ายออกมา................ต่อมามีห้างยักใหญ่มาเปิด.........ร้านญาติผมเริ่มค้าขายไม่ค่อยดีแต่ก็ยังพอขายได้..........สุดท้ายมีร้านค้า 24 ชม.มาเปิดข้าง ๆ.................จบครับ กำไรวันละหลักหลาย ๆ พันที่แต่ก่อนสมัยก่อนเคยได้ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแค่ได้วันละถึงพันก็เก่งแล้ว......ถามว่าทำมัยคนถึงไปเข้าห้างใหญ่.............ก็ของมันถูก.....ถามต่อทำมัยของในห้างใหญ่ถึงถูก...ตอบให้ครับมันจะไม่ถูกยังไงละ ของที่ขายในนั้นไม่ใช้เข้าไปขายกันฟรี ๆ แบบค้าปลีกนะครับต้องเสียเงินค่าวางขาย หักเปอร์เซ็นอีก ........หนัก ๆ เขาโดนบีบให้ผลิตของในยีห้อของห้างใหญ่.........ถามว่าร้านค้าปลีกต้องซื้อสด จ่ายสด มีส่วนลดบ้างหรือไม่ครับ....ไม่มีครับใช้หลักการตลาดแบบเก่าคือ ซื้อแยะก็ถูก ไม่ได้ค่าวางขาย ถ้าไม่มีลูกค้าก็เข้าร้านอื่น..............ร้าน 24 ชม.ดัง ๆ เวลาเราไปซื้อสิทธิเขาก็ขาย มีการหักค่าโน่นค่านี่ ของเขาก็ส่งให้ กำไรแบ่งกับเขา....หากเราขายดี.... บริษัทแม่ก็มาเปิดร้านแข่งข้าง ๆ ถัดไปหรือยึดคนละมุมถนน คนละฝาก เป็นต้น............................ผมพูดในฐานะคนเคยค้าขายมานิดหน่อย เคยเรียนเรื่องหลักเศรฐศาตร์มาก็นิดหน่อย อายุก็น้อยไม่ใช้นักวิชาการจบสูง ๆ .............................ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหนครับ จะให้คนค้าปลีกแข่งยังไง.....จะแข่งไม่กลัวครับ แต่แข่งกันให้เป็นธรรมหน่อยกำหนดกติกาเหมื่อน ๆ กันผมไม่เกี่ยงน้ำหนัก ผมตัวเล็กกว่าก็ใช้ว่าจะกลัวมวยใหญ่ แต่ถ้ากติกาไม่เป็นธรรม มีลูกตุกติกแบบนี้ รอครับ รอให้ร้านเจ๊ง รอให้ค้าปลีกเลิกขาย...............อีกหน่อยการค้าขายกำไรก็คงไหลออกไปสู่ต่างชาติ....ไชโยประเทศไทยครับ Smiley

เห็นด้วยกับคุณ Zeus  ครับ ผมถึงบอกว่า "ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่เป็นร้านสดวกซื้อ( 7/11)ต่างหาก ที่เป็นคู่แข่งตัวจริงของร้านค้าปลีก เพราะขายของชนิดเดียวกัน และ ขายของถูกกว่า" 

แต่คงมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อยตรงที่ ห้างค้าปลีกเปิดพื้นที่ด้านนอกเป็นพื้นที่ให้เช่า เพื่อผู้ค้าปลีกรายย่อยตั้งร้านขายของได้ ผมไม่ได้หมายถึงของที่ขายในห้าง

การจำกัดห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ไม่ให้ขยายสาขาเพิ่มจึงไม่ไช่การแก้ปัญหาที่ ต้นเหตุ แต่ทางรัฐควรที่จะช่วยเหลือผู้ค้าปลีกรายย่อยในการลดต้นทุนในการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ห่างไกลให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อลดความได้เปรียบข้องห้างสะดวกซื้อ ส่วนห้างค้าปลีกก็ควรที่จกำหนดให้อยู่นอกเขตตัวเมือง เพราะ จะเป็นการเพิ่มปัญหาจราจร และ ลดข้อพิพาดกับผู้ค้าปลีกในท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย

ด้วยความเคารพครับพี่คงมีการคาดเคลื่อนนิดครับอาจเป็นเพราะผมอธิบายไม่ละเอียด คือ ที่ว่าห้างใหญ่มาตั้ง ก็ยังพอขายได้.............ขายได้ชนิดพอประทังไปวัน ๆ ครับ.......กำไรที่ได้พอมีพอใช้จ่าย พอเอาไปทำธุระที่เป็นเหตุการไม่คาดฝันได้บ้างนิดหน่อย........เหมื่อนโดนดาบแรกยังไม่ขาดในแค่สาหัส............แต่ดาบสองคือ ร้านสะดวกซื้อ.........ที่นี้นิ่งสนิทครับ..........กำไรต่อเดือนดีที่สุดก็คือพอค่าใช้จ่าย เลวร้ายสุดขาดทุนค่าใช้จ่าย.........................ดีว่ายังพอมีเงินเก็บกับเงินสด กับทรัพย์สินอยู่บ้างนิดหน่อย เดือนไหนขาดทุนก็เอาเงินดอกเบี้ยมาสบทบ แล้วก็ประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้พวกค่าน้ำมันรถปั่นจักรยานแทน ขึ้นรถเมย์แทน กลับบ้านที่ก็ขึ้นรถไฟแทนที่จะขับรถกลับบ้านที่ต่างจังหวัด...........แต่จะมีผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยกี่รายครับที่จะบังเอิญโชคดีพอมีเงินเก็บบ้างนิดหน่อยเหมื่อนญาติผม Smiley......................ห้างใหญ่กำไรก็ไหลออกนอกประเทศสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศแม่..............ห้างสะดวกซื้อกำไรไหลเข้ากระเป๋า บ.ใหญ่ ทำธุรกิจครบวงจร เงินหมุนจริงครับ หมุนอยู่ใน บ.ลูก บ.แม่ แล้วก็เป็นเงินให้นายทุน........... Undecided
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2006, 04:41:10 PM »

 Smiley ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกหรือไม่ เพราะแต่ก่อนไม่มีห้างฯต่างชาติ เราก็อยู่กันได้พอปกติสุข ทุกวันนี้จ้างเด็กเดินแจกใบปลิวโปรโมทกันทุกวัน พอรัฐเผลอก็หั่นราคาทุ่มตลาด ยิ่งเดี๋ยวนี้มันแปรสภาพเป็นร้านสะดวกซื้อ นั้นแหละจะทำให้เศรษฐกิจเราพิการเข้าไปอีก ผมเห็นด้วยกับ ดร.นิติภูมิ ถ้าสร้างวินัยให้คนในชาติไม่ได้ ก็น่าจะออกกฎหมายมาบังคับ อีกส่วนหนึ่งรัฐก็ต้องสนับสนุนให้ระบบสหกรณ์ของเราพัฒนาขึ้น อย่างน้อยถ้าเราช่วยกันตั้งแต่ตอนนี้อาจยังไม่สาย
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
Machine_1
เรา รัก ใน หลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1224



« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2006, 05:53:34 PM »

 Grin น่าจะเอาอย่าง เยอรมันครับ เล่นไอ้กันซะหลังหักไปเลย เจ๋งเป็นแถบ ออกกฎหมายมาควบคุมเวลาขาย  Grin
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.151 วินาที กับ 21 คำสั่ง