ยุคนี้มีให้ดู ‘เกลื่อน !’ ‘อาวุธสงคราม’ ‘ใกล้เด็ก’ดีไม่ดี ??
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?ColumnId=33722&NewsType=2&Template=1
เมื่อ “วันเด็ก” ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่อย่างไรก็อย่างที่ทราบ ๆ กันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม มีประเด็น “ควันหลง” อีกประเด็นหนึ่งที่ก็น่าคิด ในยุคที่ “อาวุธ” ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของ “เด็ก” มีให้เด็ก “ได้ดู-ได้สัมผัส-ได้ถ่ายรูป” จุใจ ทั้งหลังการปฏิรูปการปกครองประเทศโดยทหาร และในวันเด็ก
ประเด็นก็คือ “เด็ก” ใกล้ชิดกับ “อาวุธ” ดี-ไม่ดี ??
ทำอย่างไรเด็กไทยจึงจะได้ประโยชน์กับโอกาสนี้ ??
ทั้งนี้ กับการที่เด็กได้สัมผัสใกล้ชิดกับอาวุธ จะเป็นในวันเด็ก หรือวันอื่น ๆ ตามจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่ฝ่ายทหารมีการวางกำลังเพื่อความมั่นคง-เพื่อควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองนั้น 3 นักศึกษา... พิศสมัย กิจเจริญ, สุพรรษา อยู่จันนา, กมลจันทร์ เสียงหวาน ร่วมกันสอบถามความคิดเห็นนักวิชาการ และได้มุมมองดังนี้.....
ผศ.สมพงษ์ โอศรีสกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มองเรื่องนี้ว่า... คงขึ้นอยู่กับพ่อแม่ “ถ้าไม่บอก ไม่อธิบายให้เด็กฟังเลย มันก็คงจะไม่เป็นผลดีกับเด็ก” ถ้าพาไปดู มันอยู่ที่ลึก ๆ แล้วผู้ปกครองมีวัตถุประสงค์ชัดเจนหรือเปล่า ซึ่งเรื่องของอาวุธมันเป็นเรื่องไม่ดีอยู่แล้ว แต่อาวุธที่เป็นเรื่องของการป้องกันประเทศ ถ้าพูดอธิบายไปในทางที่ดี มีไว้ปราบปรามสิ่งเลวร้าย มันก็น่าจะเกิดผลดี
“ถ้าให้เด็กดูอาวุธ เราต้องสอนว่าอาวุธเป็นเหมือนดาบ 2 คม ถ้าใช้ในทางที่ดีมันก็มีประโยชน์ ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องมันจะเป็นอันตราย อย่างที่มีข่าวการลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่าง ๆ ทำให้มีคนตายและบาดเจ็บ ฉะนั้นเราควรต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ ก็จะไม่น่ามีปัญหาอะไร” ...ผศ.สมพงษ์กล่าว
ด้าน ผศ.ประวิณ พูลทรัพย์ จากคณะและสถาบันเดียวกัน ก็เห็นพ้องว่า... เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนอะไร มันขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ว่าจะป้อนอะไร จะใส่อะไรในมือเด็ก ซึ่งเรื่องอาวุธส่วนตัวแล้วไม่อยากให้เด็กดู แต่เมื่อให้ดูผู้ปกครองก็ต้องชัดเจนว่าเพื่ออะไร เด็กได้ดูแล้วทางผู้ใหญ่ก็ต้องชี้นำให้เด็กเห็นทั้งด้านบวกและด้านลบ “ต้องแนะนำป้องกันไม่ให้เด็กมีความคิดว่า ถ้าไม่พอใจใครก็เอาอาวุธไปต่อสู้เลย เอาปืนไปยิงเลย”
“ที่จริงแล้วมีอะไรที่น่าดูกว่าอาวุธเยอะ ที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ แต่ถ้าเด็กได้ดูอาวุธแล้วก็อย่าให้เด็กคิดไปในทางไม่ถูก ผู้ปกครองต้องคอย ชี้แนะ อย่าให้เด็กเข้าใจเองแบบผิด ๆ” ...ผศ.ประวิณระบุ
ขณะที่ รศ.ลินจง จันทรวราทิตย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า... การที่เด็กได้ดูอาวุธ ต่าง ๆ นั้น ถ้ามีคนอธิบายให้เข้าใจด้วยก็จะเป็นการดี แต่ผู้ปกครองเองก็ต้องช่วยอธิบายด้วย เพราะสื่อสารกับเด็กได้เข้าใจมากกว่าคนอื่น ก็ต้องบอกเด็กว่าอาวุธนั้นมีไว้ป้องกันประเทศนะ มันมีประโยชน์แต่มันก็มีโทษด้วย แต่ถ้าจะให้ดีผู้ปกครองควรถามเหตุผลเด็กสักนิดหนึ่งว่าเพราะอะไรถึงอยากดู ?
“ถ้าเด็กตอบว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ ก็พาไปดูได้ โดยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นเหตุผลอื่นผู้ปกครองควรเลี่ยงพาเด็กไปในที่ที่ให้ความรู้ด้านอื่นดีกว่า ซึ่งถ้าเป็นวันเด็กก็จะมีการจัดงานหลายแห่ง ก็พาเด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์อื่น ๆ จะดีกว่ามั้ย ?” ...รศ.ลินจงให้ความเห็นเชิงตั้ง คำถาม
ขึ้นเหนือไปที่รั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.นรินทร์ นำเจริญ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะการสื่อสารมวลชน แสดงความคิดเห็นว่า... คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เด็กมีความรุนแรงมากขึ้น แต่แม้โดยส่วนตัวไม่เห็นว่าการดูอาวุธมันจะเป็นผลดีอย่างไร แต่อีกมุมหนึ่งก็มองว่ามันก็ไม่ได้มีโทษอะไรมากมาย...
เพราะสิ่งที่ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกรุนแรงมันไม่ใช่เพียงแค่อาวุธอย่างเดียว ขณะที่ทุกวันนี้สังคมไทยเรามีรถถัง มีปืน มีวัตถุระเบิด ทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าเราไม่รู้จักกับมันก็เหมือนกับว่าเราอยู่อย่างไม่รู้จักสังคมของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเล่าให้เด็กฟังด้วยว่าอาวุธนี้มีไว้ทำอะไร อธิบายให้เขาเข้าใจว่าการฆ่าคน ทำร้ายคนอื่น หรือใช้ความรุนแรง มันไม่ดีด้วยประการทั้งปวง ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องอาวุธ ในกิจกรรมอื่น เช่น ชมภาพยนตร์ ละคร ก็ควรปฏิบัติเช่นกัน” ...คือสิ่งที่ ผศ.นรินทร์ เสนอแนะไว้
กับเรื่อง “เด็กกับอาวุธ” นักจิตวิทยา ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ก็ให้ข้อมูลผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” สรุปได้ว่า... ในด้านของจิตวิทยา การที่เด็กได้ดู ได้เห็น ได้สัมผัสอาวุธสงครามของจริง เป็นการทำให้เด็กเกิดการโน้มเอียงอยากที่จะทำอาชีพที่ได้สัมผัสกับอาวุธเหล่านี้ แต่จิตใจของเด็กก็จะคิดและมองด้านการต่อสู้และความรุนแรง จึงเป็นเหมือนดาบ 2 คม ที่อาจทำให้เด็กก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง หรืออาจทำให้เด็กหดหู่ใจ เสียขวัญได้ด้วยเช่นกัน
ดร.วัลลภบอกอีกว่า... ในภาวะที่สังคมไทยกำลังเกิดความวุ่นวาย อย่างปัจจุบัน กิจกรรมที่ให้เด็กได้เห็นถึงภาพของความสงบสุข สันติภาพ ความรักสามัคคีทำให้เกิดผลดีกว่าการทำสงคราม จะดีที่สุด
“ถ้าเด็กได้ดูอาวุธสงคราม ก็ควรอธิบายและให้คำแนะนำกับเด็กถึงด้านลบ ให้เด็กได้เห็นภาพของความสูญเสียที่เกิดจากการทำสงครามด้วยอาวุธที่ได้เห็น ให้เขาตระหนักว่าอาวุธทำให้เกิดความสูญเสียอะไรบ้าง เด็กจะได้เข้าใจและเพื่อจะเกิดความคิดรักสันติภาพความสงบขึ้นมา” ...นักจิตวิทยากล่าว ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ณ ที่นี้มิใช่จะต่อต้านการให้ “เด็ก” ได้ใกล้ชิดกับ “อาวุธ” และ มิใช่เห็นแย้งว่ามันมิได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติ เป็นทหาร-ตำรวจ เพียงแต่ในอีกมุมหนึ่ง “ผู้ปกครองเองก็ควรจะฉุกคิด”
ควรจะแนะนำ-ควรจะทำให้บุตรหลานได้ “ประโยชน์”
ป้องกัน-ปกป้อง “โทษ” ที่อาจแอบแฝงอยู่ด้วย !!!!!.