เล่นกับ 10/22

[เรือน้อย..น้อย]

ไม่ทราบว่า ด้านล่าง สุดกระโจมมือ  คุณแมวบ้า ตั้งใจให้ท่อ สัมผัสหรือเปล่าครับ
ส่วนใหญ่ที่ผมเคยเห็นจะปล่อยให้ ท่อมันลอยอิสระ ครับ 

[แมวบ้า(น)]

ไม่ทราบว่า ด้านล่าง สุดกระโจมมือ คุณแมวบ้า ตั้งใจให้ท่อ สัมผัสหรือเปล่าครับ
ส่วนใหญ่ที่ผมเคยเห็นจะปล่อยให้ ท่อมันลอยอิสระ ครับ

ใช่ครับผมตั้งใจให้ท่อสัมผัสครับ เพราะเท่าที่ดูจากของจากโรงงานเดิมๆ(ก่อนครอบท่อ)จะสังเกตุได้ว่าเค้าออกแบบปืนมาโดยตั้งใจให้ช่วงหน้าของลำกล้องสำผัสกับสต๊อกครับ เค้าออกแบบมาโดยตั้งใจให้เป็นตัวช่วยในการประคองลำกล้องครับ เพื่อช่วยลดแรงกระทำมีมีลักษณะเหมือนจุดหมุนที่ตัวล๊อคตรงโคนลำกล้องครับ
แต่ที่ส่วนใหญ่เค้าทำให้ลอยอิศระเพราะว่า มันง่ายครับ เปิดร่องให้ใหญ่ๆไปเลยง่ายครับ ไม่เสียเวลาดี ไม่ต้องค่อยๆวัดค่อยๆตะไบแต่ง

[ทิดเป้า]

 อิอิ...ลำกล้องปู่สั้นลง...อิอิ

[แมวบ้า(น)]

อิอิ...ลำกล้องปู่สั้นลง...อิอิ

พี่เป้าอยากสั้นด้วยมั้ยหละครับ 

[yo.k]

หุหุหุ ตอนแรกกะจะทำเป็นลำมะเฟืองให้ แต่ทำไม่ได้เพราะท่อสำหรับทำปลอก(ไม่ว่าจะหาซื้อจากที่ไหนหรือจ้างฉีดตามขนาดก็เถอะ 100%ไม่ตรง ต้องมีโค้งงอกันเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถเซาะมิลลิ่งเป็นแนวตามยาวได้
มาเข้าเรื่องทฤษฎีกันดีกว่า ด้วยทฤษฎีของวอลคาเซ่นที่ใส่ปลอกเพื่อต้องการดึงลำกล้องโดยต้องการให้แรงดึงช่วยในการเรียงตัวของอนุภาคของเนื้อโลหะลำกล้องเป็นไปในแนวเดียวกันและเป็นเส้นตรงมากที่สุด
ทีนี้ในเมื่อปลอกสำหรับดึงลำกล้องมันไม่มีทางตรง100% เพราะฉะนั้นแรงดึงก็ไม่ balance ซะแล้ว แรงดึงลำกล้องก็คือแรงกดที่ไปกระทำกับปลอก ทีนี้เมื่อปลอกมีความโค้งตัวอยู่เล็กน้อย แรงกระทำนั้นๆยิ่งอาจทำให้ปลอกงอตัวมากขึ้น เพราะฉะนั้นเส้นแนวแรงก็ยิ่งเบี่ยงเบนเข้าไปอีก
อีกทั้งนานวันขึ้น ไม่ว่าปลอกจะเป็นโลหะชนิดใด ย่อมเกิดการเกร็งและหดตัวเมื่อถูกแรงกระทำที่เท่าเดิมตลอดเวลา (ให้นึกถึงการใส่น๊อตที่ต้องขันตึง ทำไมต้องใส่แหวนสปริงค์) ตัวเนื้อโลหะของปลอกก็จะหดตัวสั้นลง แรงกระทำของการดึงลำกล้องก็จะลดลอง เส้นแนวแรงก็เบียงไปอีก
จากตำแหน่งการเล็งเดิมก็จะค่อยๆเปลี่ยนไป จากกลุ่มที่เล็กแคบก็จะค่อยๆใหญ่ขึ้น
แสดงว่าถ้าที่ถูกต้องแล้วทฤษฎีนี้จะทำให้ได้ใกล้เคียงที่สุดคือ (ความเห็นส่วนตัว)
1. ท่อต้องเป็นแบบพิเศษซึ่งมีความเที่ยงตรงสูงซึ่งแม้แต่จ้างทำออกมาเองหรือซื้อจากร้านไหนก็ไม่มีทางตรง(ต้องเป็นท่อที่ใช้กับงานทางวิศวกรรมด้านxxx ถึงจะได้ท่อที่มีความเบี่ยงเบนน้อยที่สุดและมีเนื้อโลหะแน่นมีความคงทนต่อการถูกกระทำด้วยแรงแล้วเกิดความเสียหายต่อรูปทรงน้อยมากๆ ) แต่....ราคาท่อประเภทนี้ราคาสูงมากๆ ถ้าเป็นบริษัทที่เป็นตัวแทนและสั่งจากญี่ปุ่นเข้ามาได้ เท่าที่เคยสั่งมาใช้ราคาเมตรละเกือบ3,000บาท
2. เมื่อใช้งานไปได้ซักระยะ ต้องมีการตั้งค่าของแรงใหม่
3. เส้นแรงจะวิ่งได้สม่ำเสมอ ต้องวิ่งบนเนื้อโลหะที่สม่ำเสมอและเป็น Rigidbody ถ้ามีรอยแหว่งหรือความไม่สมมาตรของรูปทรง ย่อมไม่ทำให้แรงวิ่งเป็นแนวเดียวกันตามที่ทฤษฎีต้องการ
(ตามความเชื่อของผมเอง การทำครอบดึงลำกล้อง อาจทำให้กลุ่มดีขึ้น ถ้าคาดหวังว่าครอบดึงแล้วจะได้กลุ่มดีเหมือนปืนราคาแพงๆ คงจะไม่คุ้มค่าสำหรับเงินที่เสียไป หลักๆที่จะได้ก็คือความสวยงามตามใจเจ้าของเท่านั้นที่คุ้มค่าทางใจ )

ขออภัย คุณแมวบ้า นะครับ ขอแนะนิดนึง เพื่อความเข้าใจ และนำไปใช้งานที่ถูกต้องครับ
  ในเรื่องของปลอกจริงๆแล้วไม่ต้องตรง 100% อย่างที่ว่าครับ ต่อให้คดเคี้ยวเป็นลำคลอง ก้อสามารถขึงพร้อมกับลำกล้องได้ ตราบใดที่ผิวด้านในของปลอกไม่ได้สัมผัสกับลำกล้องจึงทำให้ขึงตึงลำกล้องให้ตรงได้ 100% (การดึงลำกล้องไม่ได้เป็นการเรียงอนุภาคโลหะแต่เป็นการดึงลำกล้องตึงเพื่อไม่ให้ เกิดการกระพือขณะที่กระสุนวิ่งผ่านเกลียวลำกล้องส่วนการเรียงอนุภาคอยู่ในขั้นตอนการเหลาไปแล้ว) ความผิดเพี้ยนที่เกิดจากการใช้สูตรนี้ จะมีน้อยมากถ้าเทียบกับการนำกระสุนและอุปกรณ์เสริม เช่นกล้องมาใช้กับปืนครับ หลักการนี้ อาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจของคุณแมวบ้า แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีที่ทั่วโลกให้การยอมรับมาแล้วโดยวอลคาเซ่น  ครับ  

[RUGER]

  สงสัยต้องหามาเล่นสักกระบอกแล้ว ..... อิอิอิ

[ภูกามยาว]

มาดูว่าของใครสั้นมั่งครับ

[แมวบ้า(น)]

หุหุหุ ตอนแรกกะจะทำเป็นลำมะเฟืองให้ แต่ทำไม่ได้เพราะท่อสำหรับทำปลอก(ไม่ว่าจะหาซื้อจากที่ไหนหรือจ้างฉีดตามขนาดก็เถอะ 100%ไม่ตรง ต้องมีโค้งงอกันเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถเซาะมิลลิ่งเป็นแนวตามยาวได้
มาเข้าเรื่องทฤษฎีกันดีกว่า ด้วยทฤษฎีของวอลคาเซ่นที่ใส่ปลอกเพื่อต้องการดึงลำกล้องโดยต้องการให้แรงดึงช่วยในการเรียงตัวของอนุภาคของเนื้อโลหะลำกล้องเป็นไปในแนวเดียวกันและเป็นเส้นตรงมากที่สุด
ทีนี้ในเมื่อปลอกสำหรับดึงลำกล้องมันไม่มีทางตรง100% เพราะฉะนั้นแรงดึงก็ไม่ balance ซะแล้ว แรงดึงลำกล้องก็คือแรงกดที่ไปกระทำกับปลอก ทีนี้เมื่อปลอกมีความโค้งตัวอยู่เล็กน้อย แรงกระทำนั้นๆยิ่งอาจทำให้ปลอกงอตัวมากขึ้น เพราะฉะนั้นเส้นแนวแรงก็ยิ่งเบี่ยงเบนเข้าไปอีก
อีกทั้งนานวันขึ้น ไม่ว่าปลอกจะเป็นโลหะชนิดใด ย่อมเกิดการเกร็งและหดตัวเมื่อถูกแรงกระทำที่เท่าเดิมตลอดเวลา (ให้นึกถึงการใส่น๊อตที่ต้องขันตึง ทำไมต้องใส่แหวนสปริงค์) ตัวเนื้อโลหะของปลอกก็จะหดตัวสั้นลง แรงกระทำของการดึงลำกล้องก็จะลดลอง เส้นแนวแรงก็เบียงไปอีก
จากตำแหน่งการเล็งเดิมก็จะค่อยๆเปลี่ยนไป จากกลุ่มที่เล็กแคบก็จะค่อยๆใหญ่ขึ้น
แสดงว่าถ้าที่ถูกต้องแล้วทฤษฎีนี้จะทำให้ได้ใกล้เคียงที่สุดคือ (ความเห็นส่วนตัว)
1. ท่อต้องเป็นแบบพิเศษซึ่งมีความเที่ยงตรงสูงซึ่งแม้แต่จ้างทำออกมาเองหรือซื้อจากร้านไหนก็ไม่มีทางตรง(ต้องเป็นท่อที่ใช้กับงานทางวิศวกรรมด้านxxx ถึงจะได้ท่อที่มีความเบี่ยงเบนน้อยที่สุดและมีเนื้อโลหะแน่นมีความคงทนต่อการถูกกระทำด้วยแรงแล้วเกิดความเสียหายต่อรูปทรงน้อยมากๆ ) แต่....ราคาท่อประเภทนี้ราคาสูงมากๆ ถ้าเป็นบริษัทที่เป็นตัวแทนและสั่งจากญี่ปุ่นเข้ามาได้ เท่าที่เคยสั่งมาใช้ราคาเมตรละเกือบ3,000บาท
2. เมื่อใช้งานไปได้ซักระยะ ต้องมีการตั้งค่าของแรงใหม่
3. เส้นแรงจะวิ่งได้สม่ำเสมอ ต้องวิ่งบนเนื้อโลหะที่สม่ำเสมอและเป็น Rigidbody ถ้ามีรอยแหว่งหรือความไม่สมมาตรของรูปทรง ย่อมไม่ทำให้แรงวิ่งเป็นแนวเดียวกันตามที่ทฤษฎีต้องการ
(ตามความเชื่อของผมเอง การทำครอบดึงลำกล้อง อาจทำให้กลุ่มดีขึ้น ถ้าคาดหวังว่าครอบดึงแล้วจะได้กลุ่มดีเหมือนปืนราคาแพงๆ คงจะไม่คุ้มค่าสำหรับเงินที่เสียไป หลักๆที่จะได้ก็คือความสวยงามตามใจเจ้าของเท่านั้นที่คุ้มค่าทางใจ )

ขออภัย คุณแมวบ้า นะครับ ขอแนะนิดนึง เพื่อความเข้าใจ และนำไปใช้งานที่ถูกต้องครับ
  ในเรื่องของปลอกจริงๆแล้วไม่ต้องตรง 100% อย่างที่ว่าครับ ต่อให้คดเคี้ยวเป็นลำคลอง ก้อสามารถขึงพร้อมกับลำกล้องได้ ตราบใดที่ผิวด้านในของปลอกไม่ได้สัมผัสกับลำกล้องจึงทำให้ขึงตึงลำกล้องให้ตรงได้ 100% (การดึงลำกล้องไม่ได้เป็นการเรียงอนุภาคโลหะแต่เป็นการดึงลำกล้องตึงเพื่อไม่ให้ เกิดการกระพือขณะที่กระสุนวิ่งผ่านเกลียวลำกล้องส่วนการเรียงอนุภาคอยู่ในขั้นตอนการเหลาไปแล้ว) ความผิดเพี้ยนที่เกิดจากการใช้สูตรนี้ จะมีน้อยมากถ้าเทียบกับการนำกระสุนและอุปกรณ์เสริม เช่นกล้องมาใช้กับปืนครับ หลักการนี้ อาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจของคุณแมวบ้า แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีที่ทั่วโลกให้การยอมรับมาแล้วโดยวอลคาเซ่น  ครับ 

ขอบพระคุณมากครับพี่โยผมคงต้องขอความรู้จากพี่โยอีกเยอะเลยหละครับ      ขอถามพี่โยอีกนิดน๊ะครับ พอเราใช้งานไปซักพักนี่เราต้องมาขึงตึงลำกล้อง(ตั้งค่าแรงดึง)กันใหม่บ้างมั้ยครับ


วันนี้ได้ลองเอาไปทดสอบดูครับ จะลองยิงไกลๆก็ไม่ไหวเพราะศูนย์ไม่มี กล้องก็ยังไม่ได้ติด เลยทดลองพาดศอกที่ประมาณ 15 เมตร ครับ ได้ผลดังนี้ครับ กลุ่มละ 10 นัดครับ

[ป - ปั้น-รักในหลวง]

....กลุ่มดีแฮะ  วางเรดด็อดซะหน่อยหายห่วง .....

[yo.k]

ครับ ไม่ต้องตั้งค่าแรงดึงใหม่ครับตั้งครั้งเดียวจบ   ตั้งระยะตกของกระสุนไว้แล้วใช้ซักพักลองยิงดูจนกว่ากลุ่มจะนิ่ง(ระหว่างการยิงจะมีค่าแรงเครียดและความร้อนมากระทำต่อลำกล้องและปลอก  ตราบใดที่เรายังรักษาค่าทั้งสองไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงจนมากเกินไปจุดตกของกระสุนก็ยังคงเดิมครับ)
กลุ่มกระสุนที่ลงรูปมาให้ดูถือว่าดีครับ   แต่ถ้าอยากลองเปรียบเทียบกับในระดับแข่งขันก็ที่ รด. 24-25 นี้  พาดศอก  50 ม.  2 นาที ศุนย์เปิด  ครับ

[เรือน้อย..น้อย]

ต้องแวะไปชม  ซักหน่อยแล้วครับ 10/22 ศูนย์เปิด

[amnatroj]

ขอบคุณyo.k เขัาใจน้อยนิดก็ยังดีครับ

[หลวงริน - รักในหลวง]

อิอิ...ลำกล้องปู่สั้นลง...อิอิ

สั้นแต่อ้วนนะจ๊ะ...............อิอิ

....กลุ่มดีแฮะ วางเรดด็อดซะหน่อยหายห่วง .....

กลับมาถึงบ้านก็วางเรดด็อดทันที............แต่ยังไม่มีโอกาสเอาไปลองยิงเลยครับ

[แมวบ้า(น)]

อิอิ...ลำกล้องปู่สั้นลง...อิอิ

สั้นแต่อ้วนนะจ๊ะ...............อิอิ

....กลุ่มดีแฮะ วางเรดด็อดซะหน่อยหายห่วง .....

กลับมาถึงบ้านก็วางเรดด็อดทันที............แต่ยังไม่มีโอกาสเอาไปลองยิงเลยครับ

พี่ต้อยอย่าลืมถ่ายรูปมาดูกันบ้างน๊ะครับ  คราวหน้าเจอกันพี่หยิบ markII มาด้วยน๊ะครับ หุหุหุหุหุ   

[ทิดเป้า]

 อุ้ย....ชักอยากสั้นเหมือนปู่มั่งแล้วสิ