ที่มา
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=34607 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วานนี้ (24 ม.ค.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหลักการเพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน อ้างเหตุผลคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2518 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องและไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการอนุญาต และมาตรการในการควบคุมและตรวจสอบโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่มาจากสายทหาร อภิปรายสนับสนุนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพราะเห็นว่าจะเป็นการช่วยลดดุลในการสั่งซื้ออาวุธจากต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการลงทุนการผลิตอาวุธเพื่อนำไปขายในต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมในการวิจัยและพัฒนาอาวุธ
พล.อ.อู้ด เบื้องบน กล่าวว่า พ.ร.บ.นี้จะทำให้เอกชนที่ผลิตอาวุธปืนต้องดำเนินการให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และจะทำให้ส่วนราชการสามารถตรวจสอบได้ตลลอดเวลา และเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้เพื่อให้มีความปลอดภัย
ขณะที่ นพ.แวมาฮะดี แวดาโอะ เห็นว่าจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ระเบิดที่ จ.ยะลา พนักงานสอบสวนพยายามโยงว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุมาจากโรงโม่หินและมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ไปคุมขังถึง 2 ปี ในที่สุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง และไม่มีการอุทธรณ์คดี แสดงให้เห็นว่าเกิดความสับสนในเรื่องของอาวุธ นอกจากนี้ การมี พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมจำนวนการผลิต การตรวจสอบ การจัดเก็บ และการเคลื่อนย้ายอาวุธ ซึ่งทำให้สามารถตรวจสอบได้หากมีใครลักลอบนำอาวุธไปจำหน่ายเป็นอาวุธเถื่อน หรือนำไปก่อเหตุ เชื่อว่าจะบรรเทาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้บ้าง
หลังจากมีการอภิปรายกันพอสมควร ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน ด้วยคะแนน 131 ต่อ 1 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน จำนวน 15 คน และแปรญัตติภายใน 7 วัน
คาดว่าจะเป็นข่าวดีนะครับ
