ไทยรัฐฎีกาปลดป๋า ละเมิดพระราชอำนาจ [1 เม.ย. 50 - 03:25] กรณีที่กลุ่มพีทีวีจัดชุมนุมที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยมีแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการไปตั้งโต๊ะที่ข้างเวทีปราศรัย เพื่อล่ารายชื่อประชาชน
ถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งองคมนตรีนั้น ปรากฏว่าหลายฝ่ายได้
ออกมาติติงว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งไม่บังควร อาจเข้าข่ายก้าวล่วงพระราชอำนาจ
ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ออกมาย้ำว่า พล.อ.เปรมไม่ได้อยู่
เบื้องหลังการทำรัฐประหาร
สนธิ บอกยังรับได้ที่พีทีวีจัดชุมนุม เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (31 มี.ค.) ที่กรมประชาสัมพันธ์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.
และประธานคมช. ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพีทีวีเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า
รูปแบบนี้ก็ดี สามารถรับได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะชุมนุมติดต่อกันไปเรื่อยๆ
พล.อ.สนธิกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้าประชาชนเห็นด้วย ก็คงจะมีความเห็นในลักษณะ
แบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อถามว่า การชุมนุมมีการพาดพิงโจมตีบุคคลที่สาม คมช.จะดำเนินการ
อย่างไร พล.อ.สนธิตอบว่า หากอยู่ในข้อที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้ แต่ถ้าขัดจะต้อง
ว่าไปตามกฎหมาย
ขำผู้ชุมนุมล่าชื่อถวายฎีกาปลด เปรม ต่อข้อถามว่า คมช.มองอย่างไรต่อกรณีที่กลุ่มผู้ ชุมนุมพยายามล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาปลด
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกจากตำแหน่งองคมนตรี พล.อ.สนธิ
ตอบว่า ไม่ทราบว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อถามว่า การเรียกร้องลักษณะเช่นนี้เปรียบ
เสมือนเป็นการได้อย่างจะเอาอีกอย่างหรือไม่ พล.อ.สนธิหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า เป็นวิธีการต่อสู้
ทางการเมืองรูปแบบหนึ่ง ขณะนี้ตนกำลังศึกษาตรงนี้อยู่ ทั้งนี้หากประชาธิปไตยไม่ห้าม
ก็คงสามารถทำได้
ย้ำ ป๋า ไม่ได้สั่งให้ปฏิวัติ เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่า พล.อ.เปรมอยู่ เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549
พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่เห็นมีใครมาสั่งผมนะ ประชาชนมาสั่งผมต่างหาก ซึ่งไม่น่าเป็นห่วงอะไร
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาปลด
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งองคมนตรีว่า การปลดใครมีระเบียบว่าจะต้องใช้รายชื่อ
ในการยื่นทั้งหมดกี่คน แต่ ในส่วนของประธานองคมนตรีนั้น ไม่มั่นใจว่าจะต้องทำอย่างไร คิดว่าใน
ภาวะเช่นนี้ทุกคนคงต้องการความสมานฉันท์ การทำอะไรที่อยู่ในกฎเกณฑ์กติกาเป็นเพียงการแสดง
ออกของเขาเท่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ เพราะสภาพโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และประชาชนส่วนใหญ่
ยังเข้าใจรัฐบาลและ คมช.อยู่
มีชัย ฉะผู้ชุมนุมก้าวล่วงพระราชอำนาจ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรมถูกพาดพิงในระหว่างการ
ชุมนุมของม็อบบางกลุ่มว่า องคมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่น่าไปเอา พล.อ.เปรมมาพาดพิง
กลุ่มผู้ชุมนุมอาจเข้าใจว่าท่านเกี่ยวข้องกับด้านโน้นด้านนี้ ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่
ในบ้านเมือง ใครมีอะไรก็ไป เล่าให้ฟัง การเอา พล.อ.เปรมมาเกี่ยวกับการเมืองไม่ดี เพราะท่านเคยทำ
ประโยชน์ให้ประเทศชาติจนได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐบุรุษ ดังนั้น จะทำอะไรก็น่าจะเหลือคนดีไว้ในบ้านเมือง
บ้าง อย่าทำกระทบกระทั่งทำให้ ท่านเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สถานการณ์ไปไกลถึงขั้นมีการล่ารายชื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรมแล้ว นายมีชัยตอบว่า
ถ้าคนเหล่านั้นยังคิดถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การทำอย่างนั้นถือเป็นการก้าวล่วงละเมิด
พระราชอำนาจ เพราะการตั้งองคมนตรีเป็นไปตามพระ ราชอัธยาศัย ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่ใครจะเข้าไปต่อรองหรือ
โต้แย้ง หรือเสนอแนะอะไรได้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขถือเป็นหลัก
กันมาเป็นเวลานานว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับองคมนตรี หรือเกี่ยวข้องกับข้าราชการในราชสำนัก เป็นเรื่องที่เป็น
ไปตามพระราชอัธยาศัย เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
ประพันธ์ จวกซ้ำ คนวันเสาร์ฯ นายประพันธ์ คูณมี สมาชิก สนช. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชน
เพื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งองคมนตรี ว่า ขอเรียกร้องให้บุคคลเหล่านี้ยุติการ
กระทำดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ขาดความชอบธรรม และเป็นการก้าวล่วงต่อสถาบันเบื้องสูง
รัฐธรรมนูญทุกฉบับระบุชัดเจนว่า ตำแหน่งองคมนตรีถือเป็นอำนาจพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์โดยตรง
และตามประเพณีไทยไม่เคยมีใครคิดปฏิบัติเช่นนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินพลังของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆในเวลานี้อย่างไร นายประพันธ์ตอบว่า ไม่เชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้
จะมีศักยภาพถึงขนาดระดมคนมาได้เรือนหมื่นเรือนแสนเหมือนสมัยที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จัดการชุมนุมล้มระบอบทักษิณ เพราะเป้าหมายการเคลื่อนไหวไม่ชัดเจน มีอคติ มุ่งโจมตีตัวบุคคล อีกทั้งแกนนำ
ม็อบเหล่านี้ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ ซ้ำยังมีพฤติกรรมซ่อนเร้นแอบแฝงนัยทางการเมือง ดังนั้นรัฐบาลและ คมช.
ไม่ต้องวิตกกังวล เพียงแค่ดูแลอย่าให้สร้างความวุ่นวายก็พอ
อลงกรณ์ อัดเละไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลสนใจม็อบเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน
จากภัยแล้งมากกว่าสนใจม็อบการเมือง โดยประกาศวาระแห่งชาติแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร อย่างเป็นระบบ
ไม่ต้องไปวิตกหรือกลัวม็อบพีทีวี เพราะประชาชนรู้ดีว่าการชุมนุมของกลุ่มนี้มีวาระซ้อนเร้นโยงกลุ่มอำนาจเก่า ส่วน
กรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรมออกจากตำแหน่งองคมนตรีนั้น ถือเป็นการไม่บังควร
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตำแหน่งนี้เป็นพระราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ควรที่กลุ่มการเมืองใดจะเล่นเกม
การเมืองเพื่อผลประโยชน์ซ่อนเร้นในการที่จะไปพาดพิง หรืออาจเอื้อมที่จะรบกวนเบื้องพระยุคลบาท
โฆษกรัฐบาลไล่ให้ไปคิดใหม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการรวบรวมรายชื่อ
เพื่อถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรมเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
และไม่ก่อประโยชน์อะไรต่อประเทศ และเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เพราะ พล.อ. เปรมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
ที่ซื่อสัตย์สุจริต ขอให้ผู้ที่คิดกระทำเรื่องนี้กลับไปทบทวนใหม่ ยืนยันว่าการปฏิรูปการปกครองที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจ
ของ คมช.
นายประสาร มฤคพิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติและการประชาสัมพันธ์เชิงรุก (ทีมวอร์รูมรัฐบาล)
กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งไม่สมควร และไม่มีความชอบธรรมเพียงพอ ทีคนทำชั่วมากมายมหาศาลกลับไม่แตะต้อง ขณะที่
พล.อ.เปรมเป็นประธานองคมนตรี ถือเป็นบุคคลใกล้ชิดเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยและเป็นที่ปรึกษาของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้รับการยกย่องในฐานะเป็นรัฐบุรุษ แล้วจะเอาเหตุผลอะไรมาปลด
เรื่องนี้ประชาชนรู้เท่าทันว่าเป็นเพียงความพยายามเล่นเกมการเมือง
กลุ่มพันธมิตรฯ แฉแผนพีทีวี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผอ.สมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (สปป.) หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า 6 เดือนของรัฐบาลมีความล่าช้า ไม่มีรูปธรรมในการแก้ปัญหา ขณะที่กลุ่ม
อำนาจเก่าพยายามทุกวิถีทางที่จะทวงคืนอำนาจให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการ
เคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มลิ่วล้อ มีความพยายามชัดเจนที่จะปกป้องความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว
ฉากหน้าอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ปลุกระดมให้ประชาชนล้มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ คมช.
นำรัฐธรรมนูญมาปรับปรุงแก้ไขก่อนประกาศใช้ เมื่อถึงเวลานั้นกลุ่มอำนาจจะสามารถนำกรณีนี้ไปใช้หาเสียง
เลือกตั้ง โดยอ้างว่าจะกลับมาล้มรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า กลุ่มพีทีวีเป็นลิ่วล้อของ
อำนาจเก่า พยายามสร้างกระแสให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ยุทธศาสตร์คือโค่นล้ม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวในช่วงเดือน เม.ย.นี้จะเป็นแค่การปั่นป่วนให้ คมช.กระวน กระวาย
แต่เมื่อถึงเดือน พ.ค.จะมีการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านทหาร และหากมีการทอนกำลังประธานองคมนตรีได้
อำนาจเก่าก็จะฟื้นฟูขึ้นมาโดยง่าย
ขู่ก่อหวอดภาค 2 สู้เครือข่ายทักษิณ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้มีการยั่วยุให้กลุ่มพันธมิตรฯ อยู่นิ่งไม่ได้ ดังนั้น 5 แกนนำจะนัดพบ
พูดคุยประเมินสถานการณ์ว่าจะรื้อฟื้นกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหรือไม่ จะเป็นพันธมิตรภาค 2 หรือใช้ชื่ออื่น
แต่การรวมตัวกันใหม่ต้องอยู่บนเงื่อนไขในการเรียกร้องให้สะสางการทำงานของรัฐบาลชุดก่อน จัดการกับระบอบ
ทักษิณ ไม่ใช่เพื่อออกมาชนกับกลุ่มพีทีวี แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องรวมตัวกันใหม่เพื่อขับไล่
แน่นอน
พีทีวีนัดชุมนุมก่อนสงกรานต์ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวว่า จุดยืนการชุมนุมของพีทีวีคือ
เรียกร้องเสรีภาพในการออกอากาศ และเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทย ส่วนที่แกนนำผู้ชุมนุม 12 องค์กร
ประกาศนัดชุมนุมตั้งแต่วันที่ 5-12 เม.ย. ที่ท้องสนามหลวงนั้น พีทีวีจะไม่เข้าร่วม เพราะเห็นว่าควรจะแยกกันเคลื่อนไหว
ต่างคนต่างมีแนวทาง พีทีวีไม่ใช่สาระ หลัก แต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัว
ที่จะต่อต้านเผด็จการ อย่างไรก็ตาม ก่อนเทศกาลสงกรานต์พีทีวีจะนัดชุมนุม 1 ครั้ง และหลังสงกรานต์จะเป็นการชุมนุมใหญ่
ตอนนั้นอาจจะไปรวม 12 องค์ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกัน ส่วนที่จะมีการเชิญชวนคนรักทักษิณมาร่วมชุมนุมนั้น
เป็นเพียงการพูดกระเซ้าบนเวทีของนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกรรมการบริหารพีทีวี เราไม่ได้เจาะจงถึงขนาดนั้น
โต้ข้อหาล่าชื่อยื่นถอดถอน ป๋าเปรม นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าพีทีวีล่ารายชื่อถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ออกจากตำแหน่งองคมนตรีว่า พีทีวีไม่ได้เกี่ยวข้องเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว แต่เป็นการดำเนินการของกลุ่ม คนวันเสาร์
ไม่เอาเผด็จการที่ล่ารายชื่อเพื่อจะถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม กลุ่มดังกล่าวมาร่วมชุมนุมกับพีทีวีเมื่อวันที่ 30 มี.ค.
ที่ผ่านมา ส่วนการที่ คมช.พยายามแก้เกมกับกลุ่มชุมนุมด้วยวิธีการต่างๆนั้น มองว่าหลักคิดของ คมช.มีเพียงแค่การสกัดกั้น
กลุ่มชุมนุมไม่ให้เกิดขึ้น โดยไม่มีเจตนาที่จะคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชนเลย จึงไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งได้ตรงตาม
ที่ประกาศไว้ และเราประเมินว่า ถ้ารัฐบาลไม่เร่งคืนประชาธิปไตย อาจอยู่ ไม่ถึงวันเลือกตั้ง
กลุ่มคนวันเสาร์ฯปราศรัยสนามหลวง ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการที่นัดปราศรัยเป็นประจำทุกวันเสาร์นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ทางกลุ่มฯได้ เข้ามาเปิดเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง ฝั่งสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
โดยใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียง มีนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่ม ขึ้นปราศรัยบนหลังรถกระบะ ท่ามกลางคน
มาร่วมฟังราว 500 คน และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจาก ตชด.ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
จ.กาญจนบุรี จำนวน 1 กองร้อย ร่วมกับตำรวจสันติบาลและเจ้าหน้าที่เทศกิจอีกนับร้อยคน ที่วางกำลังรอบสนามหลวง
ทั้งนี้ นายสุชาติขึ้นกล่าวโจมตีการทำงานของ คมช. และรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้คืนอำนาจแก่ประชาชน
โดยให้จัดการเลือกตั้งภายใน 30-60 วัน
ประกาศถวายฎีกาวันที่ 5 เม.ย. นอกจากนี้ กลุ่มคนวันเสาร์ฯยังได้ตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
จากตำแหน่งองคมนตรี โดยนายสุชาติกล่าวว่า จะล่ารายชื่อประชาชน 1 แสนคน เพื่อถวายฎีกาขอให้ทรงปลด
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พ้นจากตำแหน่งองคมนตรี เนื่องจากสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร
โดยจะนำเสนอต่อสำนักพระราชวังในวันที่ 5 เม.ย.นี้ และในวันเดียวกันจะมีการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง
สำหรับการเข้ามาใช้พื้นที่สนามหลวงในวันนี้นั้น ได้รับอนุญาตจากเขตพระนครอย่างถูกต้อง แต่มีข้อแม้ห้ามตั้ง
เวทีใหญ่ ทางกลุ่มจึงขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง และจะยุติการชุมนุมเวลา 22.30 น.
ขณะเดียวกัน กลุ่มพิราบขาว 2006 ได้มาเปิดเวทีปราศรัยอยู่ภายในสนามหลวงเช่นกัน โดยอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มคนวันเสาร์ฯ
ติงเลิกประกาศ คปค.ช้าอาจนองเลือด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยกเลิกประกาศ
คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ในช่วงเดือน ก.ย. หลังมีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ และกำหนดวันเลือกตั้งในเดือน ธ.ค.ว่า ส่วนตัว
เชื่อตามที่ พล.อ.สุรยุทธ์ บอก แต่บุคคลที่ไปแบกรับปัญหาทั้งหมดคือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนาย
นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญกันช้าเกินไป และอาจจะไม่เสร็จทันกำหนดเวลา
ความจริงเขียนกัน 3 เดือนก็น่าจะเรียบร้อย ซึ่งถ้ามีเหตุอะไรที่ไม่สามารถยับยั้งได้เกิดขึ้นก่อน แล้วจะพากันนอนไม่หลับ
ถ้าลองย้อนไปดูตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ส.ส.ร.ชุดนั้นรีบทำเพราะเกรงใจประชาชน แต่ ส.ส.ร.ชุดนี้ที่มีแต่ครูบาอาจารย์
ทำไมเขียนหนังสือช้า เกรงใจใครอยู่หรือเปล่า หรือจะต้องรอให้คนฆ่ากันก่อน
ปชป.จี้ร่นเวลายกเลิกเดือน มิ.ย. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศความ
ชัดเจนจะมีการเลือกตั้งช่วงเดือน ธ.ค.นั้น เรื่องนี้มีประชาชนและภาคธุรกิจขานรับ แต่พรรคขอเสนอเพิ่มเติมว่าหลังจากปักธง
วันเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้วควรกำหนดแผนปฏิบัติการฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยกำหนดปฏิทินการเมืองให้ชัดเจน รวมถึงยกเลิก
ประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ไม่ควรเกินเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้รัฐบาล
จะต้องสนับสนุน กกต.โดยมีคำสั่งไปถึงส่วนราชการช่วยรณรงค์ประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ และทำต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย.
เพื่อชี้ให้เห็นถึงภัยของระบอบประชาธิปไตยคือภัยจากการคอรัปชันทางการเมือง และภัยของการซื้อเสียง
สนช.หวั่นตั้งพรรคใหม่ไม่ทัน นายประพันธ์ คูณมี สมาชิก สนช. ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.หรือเดือน ก.ค.น่าจะเป็นระยะเวลาเหมาะสม
ในการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เพราะจะส่งผลดีต่อผู้ที่คิดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ รวมถึงกรณีถ้ามี
การยุบพรรค ก็ต้องมีการจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัว ทั้งนี้หากไปยกเลิกประกาศ คปค.
ในเดือน ก.ย.ตามที่นายกฯ ตั้งเป้าไว้ จะมีเวลาให้ พรรคการเมืองหาเสียงเพียง 2 เดือน เกรงจะสั้นเกินไป
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากที่นายกฯ กำหนดวันเลือกตั้งในช่วงเดือน ธ.ค.
แล้ว คิดว่าทุกฝ่ายที่เรียกร้องอยากให้มีประชาธิปไตยคงจะเกิดความมั่นใจ การเรียกร้องต่างๆ น่าจะเบาบางลง
และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมคงจะมีการหยิบยกกฎหมายห้ามการชุมนุมทางการเมืองมาพิจารณา
สนธิ ย้ำสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศ
คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ว่า หลัง จากที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีไปครั้งหนึ่งแล้ว ตนเสนอให้เลื่อนการยกเลิกประกาศ
คปค.ออกไปก่อน คิดว่ารอไปถึงปลายเดือน ก.ย. ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคการเมืองระบุ ว่าหากรอไปถึงเดือน ก.ย.
จะไม่สามารถจัดทำนโยบายหาเสียงได้ทันเวลา พล.อ.สนธิตอบว่า ต้องยึดตามแนวทางที่นายกฯปรารภไปแล้ว
และรอให้นายกฯเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ขณะนี้พรรคการเมืองสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เพียงแต่ยังไม่กว้างขวางเท่านั้น
ช่วงนี้สถานการณ์บ้าน เมืองยังไม่เรียบร้อย ขอให้พรรคการเมืองทำตามกรอบที่อำนาจมีอยู่ก็แล้วกัน เพื่อความสงบสุข
ของประชาชนและประเทศชาติ คมช.เปิดกว้างอยู่แล้ว หากพรรคการเมืองจะทำอะไรก็ขอให้บอกมา หากอยู่ในกรอบที่
คมช.รับได้ ก็โอเค ประชาธิปไตยคือทุกคนต้องอยู่ในกรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ใครเดินตามรอยรัฐธรรมนูญที่กำหนด
ไว้ นั่นคือประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิยิ้มก่อนกล่าวว่า โอ๊ย ไม่มีเลยครับ
หวั่นกลุ่มการเมืองเคลื่อนไหวแอบแฝง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวว่า การยกเลิกประกาศ คปค.ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐ-บาล
โดยมีข้อเสนอแนะจาก คมช. แต่ปัจจุบัน คมช.มีความเห็นว่ายังมีความจำเป็นอยู่ เพราะกลุ่มการเมืองมีทั้งกลุ่มที่
หวังดีต่อชาติ และกลุ่มที่มีสิ่งต่างๆ ที่ทุกคนยังคงเคลือบแคลงสงสัย ดังนั้น การจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง
ทำกิจกรรมทางการเมืองเต็มที่อาจส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของประเทศได้ จึงขอความกรุณาชะลอไว้ก่อน
รอให้ มีความชัดเจนในส่วนของการร่างรัฐธรรมนูญเสียก่อนค่อยพิจารณาในส่วนนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะ
พิจารณาในช่วงเดือน ก.ย. หลังผ่านการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
*********************************************