ไม่จริงหรอกครับ ปืนโครงการสวัสดิการต่างๆที่รัฐฯจัดให้กับข้าราชการ, ลูกจ้างของรัฐฯ, อาสาสมัครของรัฐ เป็นปืนที่รัฐฯสั่งผ่านร้านค้าอาวุธปืน คุณภาพของปืนเท่ากันกับปืนที่ขายให้กับประชาชนทั่วไป เพราะปืนทุกกระบอกที่ออกจากโรงงานผู้ผลิตจะต้องได้รับการรับรองมีการทดสอบก่อนที่จะส่งออกมาขายทั่วโลก ดังนั้นการที่ช่างซ่อมพูดเช่นนั้นไม่เป็นความจริง
ส่วนที่ว่าราคาถูกกว่าปืนทั่วๆไปในตลาด เป็นที่ทราบกันดีว่าราคานั้นผู้ขายเป็นตัวกำหนดเพราะสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลควบคุมปริมาณอาวุธปืนในแต่ละปี (สั้น 30 ยาว 50 ต่อ 1 ใบอนุญาต) แต่ในปัจจุบันประชาชนมีความต้องการที่จะครอบครองอาวุธปืนมากขึ้น อันเนื่องมาจาก ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดน, ปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น, ปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาความสงบสุข อื่นๆ แต่จำนวนปืนมีอยู่เท่านี้จึงทำให้ร้านค้าอาวุธปืนโก่งราคากันสนุกสนาน เพราะปืนและกระสุนไม่ใช่สินค้าควบคุม อันที่จริงแล้วราคาปืนเริ่มสูงขึ้นมากตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คุณไม่ซื้อไม่เป็นไร เดี๋ยวคนอื่นมาซื้อเอง ร้านค้าไม่สนใจหรอกครับ และพอปืนใหม่ขึ้นราคาจึงส่งผลให้ปืนเก่าราคาสูงขึ้นตามกันเป็นเงา ประชาชนต้องทำใจครับในเมื่อรัฐฯไม่ได้ให้ความสนใจกับความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แถมยังกดขี่ประชาชนทางอ้อมเพราะกลัวว่าประชาชนที่มีอาวุธปืนจะมารังแกรัฐบาล หรือเอามาเข่นฆ่ากันเองซึ่งจะทำให่เกิดความไม่สงบสุขในสังคม
จะสังเกตุได้ว่าเมื่อมีข่าวคดีที่มีอาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้อง สื่อต่างๆก็ช่วยกันประนามว่า ปืนเป็นสิ่งชั่วร้ายไม่ควรมีในสังคม แต่ไม่เคยมีใครคนไหนกล้าที่จะบอกกับรัฐบาลในความเป็นจริงว่า ไอ้ปืนที่ไปก่อคดีนั้น 99% มันมาจากปืนเถื่อน ไม่ใช่ปืนที่ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
เกือบลืมไปครับ ปืนโครงการสวัสดิการนั้น สาเหตุหลักๆที่เกิดให้มีโครงการเหล่านี้ คือ รัฐฯไม่สามารถจัดสรรปืนให้กับข้าราชการตำรวจได้ตามจำนวนของข้าราชการตำรวจที่เข้ารับราชการใหม่ทุกปี ก็เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน จึงผลักภาระเหล่านี้ให้กับข้าราชการ หลังจากนั้นโครงการเหล่านี้จึงแพร่ขยายไปสู่ข้าราชการหน่วยอื่นๆรวมไปถึงเหล่าลูกจ้าง, อาสาสมัครต่างๆ เพราะอะไร?

?? เพราะถ้าขายให้กับตำรวจอย่างเดียว ตัวเลขมันตายตัวเพราะตำรวจจบใหม่ปีละไม่เท่าไหร่ กำไรมันน้อย จึงขยายโครงการไปให้หน่วยงานอื่นซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการที่จะใช้ปืนโดยหน้าที่ อันนี้หละที่จะทำกำไรได้เยอะ!!!!!!!!!