เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน

พี่น้องครับ ...

ปีหน้า PDA มาแรงแน่นอน เอา 10 คำถามยอดฮิตที่ชอบถามตอนซื้อ PDA Phone มีอะไรบ้าง? มาให้อ่านครับ ... เยี่ยม

หลังจากไปทำการสำรวจตลาดเกี่ยวกับเรื่องของปัจจัยในการเลือกซื้อ PDA Phone มาใช้สักเครื่องหลังจากตกลงปลงใจว่า ชั้นจะเลิกใช้ มือถือธรรมดาแล้วหันมาใช้ PDA Phone แทน ผมเองก็เคยสงสัยมาหลายปีแล้วว่า คนส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องสักรุ่นเค้าใช้อะไรในการตัดสินใจ ประเภทบ้านรวย ถูกหวย ส้มหล่น อะไรแบบนั้นไม่ขอนับรวมก็แล้วกันเพราะว่า ถ้ากรณีแบบนั้นเครื่องรุ่นไหนก็ได้เหมือนกัน ไม่ถูกใจค่อยหาใหม่จนถูกใจ หลายๆคนรวมทั้งผมเองด้วย จะซื้อเครื่องสักเครื่องก็ตัดสินใจกันนานพอสมควรเลยทีเดียว กว่าจะเลือกเครื่องสักเครื่องมาคู่ใจ วันนี้เลยขอนำข้อมูล ปัจจัยที่คนซื้อยุคปี 2007 มักจะคำนึงถึงในการเลือกซื้อ PDA Phone สักเครื่องมาใช้งาน

1.หน้าตาและหุ่นสวยหรือเปล่า ?

เรื่องนี้แน่นอนว่าต้องยกเป็นปัจจัยแรกเลยหละครับที่คนในยุคปี 2007 มักจะคำนึงถึงในการตัดสินใจซื้อเครื่อง PDA Phone สักรุ่นมาใช้ มันต่างกับในอดีตโดยสิ้นเชิงที่เมื่อก่อนเครื่องมีให้เลือกน้อยรุ่นมาก อย่างเมื่อสัก 5 ปีที่แล้ว PDA Phone ออกมาครั้งแรกก็เป็น O2 XDA รุ่นแรก สวยไม่สวย หากอยากได้ PDA Phone แบบ All in one ก็ต้องซื้อรุ่นนี้ แต่มายุคนี้ คนซื้อมีทางเลือกมากขึ้น มีเครื่องหลากหลายรุ่นให้เลือกซื้อ

มันก็เหมือนจะจีบสาวสักคนนั่นแหละ เห็นสาวๆเดินกันขวักไขว่ เวลาไปนั่งเหล่สาวเพื่อจีบเป็นแฟน อันดับแรกก็ต้องดูที่หน้าตาและบุคลิคก่อนหละครับ ใครจะไปรู้ว่าสาวคนที่เล็งไว้หน้าตาดีแล้วนิสัยดีด้วยหรือเปล่า ก็เหมือนกับ PDA Phone เปี๊ยบเลย จะซื้อเครื่องสักรุ่นเดินดูตามตู้ในร้าน ก็สุ่มมองหน้าตาเครื่องที่มันดูแล้วถูกใจเรา หลังจากนั้นค่อยเรียกพนักงานขายเอาออกมาให้ดูแล้วค่อยถามลูกเล่นอีกที เพราะฉะนั้นผมเองก็แนะนำเลยว่าหากจะซื้อ PDA Phone สักตัวเลือกที่หน้าตาก่อนไม่ใช่สิ่งผิด เพราะเราต้องถือต้องพกมันอยู่ทุกวัน เลือกแบบที่เราชอบแบบว่ายกขึ้นมาแล้วรู้สึกอิ่มเอมในความสวยอยากจะใช้มัน

2.เครื่องยี่ห้ออะไร ?

เรื่องของยี่ห้อก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยอันดับต้นๆ ที่คนจะเลือกใช้มัน เพราะคำว่า Brand ในปัจจุบันนี้มันศักสิทธิ์นัก ถ้า Brand แข็งแรง ออกอะไรมาคนก็จะมองก่อนเป็นอันดับต้นๆ นักกการตลาดส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เลยพยายามทุ่มงบแบบไม่อั้นในการปั้น Brand หรือยี่ห้อใดๆยี่ห้อหนึ่งให้ติดตลาด ดูอย่างง่ายๆสิครับ iPhone นั่นแหละ ตัวอย่างที่ดีนักเชียว ขนาดเมื่อสองสามปีก่อนมีแต่ข่าวลือว่า Apple จะทำโทรศัพท์ออกมาขาย มีรูปแบบรีทัช สร้างด้วยกราฟฟิคกันเต็มไปหมด แต่ส่วนใหญ่บอกว่า ขอให้ Apple ทำออกมาเถอะยังไงก็ซื้อ แม้ยังไม่รู้เลยว่า Spec จะเป็นอย่างไร ราคาจะแพงแค่ไหน เพราะฉะนั้นผู้ซื้อในยุคปี 2007 เดี๋ยวนี้ฉลาดนะครับ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเอายี่ห้อมั่วๆมาขาย พอขายได้แล้วก็ทิ้งตลาดแบบ ตีหัวเข้าบ้าน คนซื้อยุคนี้เน้น Brand สินค้ามากโดยเฉพาะอุปกรณ์ราคาแพงๆแบบนี้ ไม่มีเอาเงินไปเสี่ยงเล่นๆแน่ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องของ Brand หากเจ้าไหน สร้างความน่าเชื่อถือ และ โปรโมทเยอะๆ ทำตลาดดีๆ รับผิดชอบดีๆ แป๊ปเดียวติดตลาดแบบไม่ต้องออกแรงกันต่อให้เมื่อแรงเหมือนในช่วงแรก

3.การทำงานของ CPU เร็วแค่ไหน?

เรื่องของการทำงาน CPU เมื่อก่อนเราอาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันเท่าไรนักสำหรับกลุ่มสินค้าพวกมือถือ หรือ PDA เมื่อก่อน เวลาจะซื้อมือถือไม่เคยเห็นมีใครถามว่า CPU เร็วเท่าไร แต่พอมายุคนี้การทำงานของโปรแกรมต่างๆ โดยเฉพาะใน OS อย่าง Windows mobile เรื่องของ CPU เป็นปัจจัยที่หลายๆคนคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งความเร็วของ CPU ใครๆก็อยากได้แบบเร็วที่สุด โดยเรื่องการบริโภคแบตเตอรี่ยังไม่ค่อยมีใครคิดถึงเลยว่า ถ้า CPU มันเร็วกลัวว่าแบตจะหมดเร็ว โปรแกรม Windows mobile สมัยนี้มันก็กินทรัพยากรมากขึ้น เรื่องของ ROM และ CPU เลยกลายเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ซื้อในยุคนี้คำนึงถึงมาก แต่ก็อย่างว่าหละครับมันก็ต้องวิ่งขนาดคู่ไปกับราคาด้วย หากเครื่องแบบราคาไม่แพงแต่จะเอา CPU แรงๆแบบระดับ 400-500 MHz ก็คงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเกิดมีเครื่องที่ CPU แรงๆ แต่ราคาไม่แพง แน่นอนว่าคนต้องหันมามองอย่างไม่ต้องรอรีเท่าไรนัก

สำหรับ CPU ยุคนี้หากเครื่องราคาประหยัดก็ตามสูตรเลยครับ คือให้ CPU ของ OMAP ที่ความเร็วระดับ 200 MHz ซึ่งจะว่าน่าเกลียดหรือเปล่าก็คงไม่ขนาดนั้น เพราะเครื่องที่ความเร็วระดับ 200 MHz มันก็ทำงานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แต่หากจะเอาแบบถึงขั้นยิ่งใช้ยิ่งมันส์ ใช้แล้วสะใจไม่รู้สึกรำคาญก็คงต้องระดับ 400 MHz ขึ้นไปอย่างแน่นอน

4.มี WiFi หรือเปล่า?

คำถามยอดฮิตเลยหละครับ เครื่องบางตัว Spec ดีราคาโดนใจพอบอกว่าไม่มี Wi-Fi เท่านั้นแหละคนหันไปเหลียวมองเครื่องรุ่นอื่นทันที อันที่จริงแล้ว Wi-Fi ก็เป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งและเป็นจุดขายที่มากระตุ้นคนใช้ให้อยากได้เครื่อง แต่การใช้งานจริงเค้าสำรวจกันมาแล้วว่า เครื่อง PDA Phone นั้นผู้ใช้ จริงๆแล้วใช้งานด้าน Wi-Fi ยังไม่ถึง 10% ของการใช้งานทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่พฤติกรรมการเลือกซื้อของคนไทยยุค 2007 นี้ ยังไงต้องเอาให้ครบไว้ก่อนใช้ไม่ใช้ว่ากันอีกที ซึ่งตัวผมเองก็เป็นเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ เพราะเท่าที่ผ่านมาใช้ PDA Phone ที่มี WiFi มาหลายตัวแล้วแต่โอกาสใช้ Wi-Fi จริงๆยังไม่บ่อยเท่าไร เพราะเดี๋ยวนี้ Hotspot ที่ให้บริการแต่ละที่ก็ต้องเสียค่าบริการในการใช้งานทั้งนั้น สรุปแล้ว Wi-Fi ก็ยังเป็นปัจจัยอันดับต้นที่คนมองและให้ความสำคัญมาก ส่วนเรื่อง Bluetooth เครื่องยุคนี้ถูกหรือแพงก็ต้องใส่ให้มาอยู่แล้ว เพราะไม่มี Bluetooth ให้มารับรองว่าเจ๊งแน่ๆๆ

5.รองรับ EDGE หรือเปล่า?

อันนี้คือคำถามยอดฮิตที่คนขาย PDA Phone มักจะเจอลูกค้าถามกันประจำเลยว่า เครื่องรุ่นไหนรองรับ EDGE บ้าง เพราะการใช้งาน EDGE จริงๆแล้วหลายๆคนใช้กันจนติดเป็นประจำ เพราะมันทำงานได้เร็วและสะดวก ใช้ได้ทุกที่ที่เครือข่ายมือถือเข้าถึง ไม่ต้องคอยวิ่งหาจุดบริการแบบ Hotspot แต่หากเครื่องไหนไม่มี EDGE ก็ต้องมี GPRS หละครับ แต่สังเกตว่าเครื่องครึ่งปีหลังในปี 2007 นี้แต่ละรุ่นก็รองรับ EDGE กันเกือบหมดแล้ว และผู้ให้บริการโทรศัพท์ในบ้านเราเอง ตอนนี้ก็แข่งกันสูงเรื่องการให้บริการความเร็วสูงแบบนี้ มันก็คงจะต้องแข่งกันไปแบบนี้อีกนานจนกว่าเครือข่าย 3G จะใช้ได้ในบ้านเรา อีกหน่อยคำถามใหม่ก็คงจะเปลี่ยนใหม่เป็น เครื่องรุ่นนี้รองรับ 3G หรือเปล่าแทนอย่างแน่นอน

6.มี GPS หรือเปล่า?

คำถามยอดฮิตที่พนักงานขายแทบจะต้องตอบวันละหลายๆรอบ เพราะยุคปี 2007 เป็นไปตามที่เก็งไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า เครื่อง PDA Phone ที่มี GPS ในตัวมันจะกลายเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตในปีนี้ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด ด้วยกระแสเรื่อง GPS ในปัจจุบันมันบูมแบบฉุดไม่อยู่ บูมแบบพร้อมๆกันทั่วโลกด้วย ยิ่งน้ำมันแพงๆ ไปไหนมาไหน ก็คงไม่อยากหลงทางให้เปลืองน้ำมัน ดังนั้นเรื่องของ GPS เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตที่คนมักจะถามกันเวลาซื้อเครื่อง ว่าเครื่องรุ่นนี้มันมี GPS หรือเปล่าน้อง ? แล้วหากใครที่ศึกษาข้อมูลก่อนซื้อมาบ้าง ก็มักจะมาแบบเจาะลึกลงไปอีกว่า โปรแกรมแผนที่นั้นใช้ของอะไร แต่ก็ไม่ถึงขั้นขนาดเจาะลึกว่า ชิพที่ใช้เป็นของยี่ห้อไหน มันยังไม่ลึกขนาดนั้น แต่ก็เป็นคำถามที่คนขายเล่าให้ผมฟังว่า ผมตอบคำถามเรื่อง GPS ว่ามีหรือเปล่า เรียกได้ว่าแทบจะ 80% ของลูกค้าที่เข้ามาหาซื้อ PDA Phone กันเลยหละ

7.กล้องถ่ายภาพชัดไหม?

ก็ไม่รู้จะมาซื้อกล้องหรือมาซื้อโทรศัพท์ก็ไม่ทราบเหมือนกัน คนมมักจะถามว่ากล้องชัดไหม ถามก่อนที่จะถามว่าเครื่องนี้ระบบโทรศัพท์มันเสียงชัดเจนหรือเปล่า เครื่อง PDA Phone ในตลาดเมืองไทยทุกวันนี้แทบทุกเครื่องมี กล้องในตัวอยู่แล้ว แต่จะมีกี่ล้านพิกเซลนั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง และนอกจากจะถามว่ากล้องชัดหรือไม่ก็มักจะถามเรื่องของ Flash และ Auto Focus อีกด้วย เครื่อง PDA Phone ในปัจจุบันกล้องในเครื่องนอกจากจะเอาไว้ถ้ายภาพเพื่อความบันเทิงแล้วมันยังสามารถใช้งานด้านอื่นๆได้อีกด้วย เช่นเป็น Web Cam , เป็นสแกนเนอร์ หรือแม้แต่เป็น การเก็บพิกัดในภาพถ่ายต่างๆ ด้วย GPS ในเครื่องตัวมันเอง สำหรับเรื่องของกล้องใน PDA Phone ส่วนมากก็เป็น เลนส์แบบ CMOS กันหมด โดยความละเอียดส่วนมากอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล แต่เครื่องรุ่นใหม่ๆก็เขยิบไปที่ 3 ล้านพิกเซลกันเยอะ ในปี 2008 นี้กล้องใน PDA Phone จะก้าวไปที่ 3 ล้านกันเกือบหมดแล้วหละครับ หรืออาจจะมีมากกว่านั้นตามออกมาเรื่อยๆ

8.ระบบโทรศัพท์ชัดไหม?

ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน การที่เราจะหาซื้อโทรศัพท์ในแบบ PDA Phone สักเครื่องเรากลับใส่ใจเรื่องของระบบโทรศัพท์เป็นอันดับท้ายๆเลยหละครับ เรื่องของระบบโทรศัพท์ในเครื่อง PDA Phone ที่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยก่อนออกขายจริงส่วนมาก ผู้นำเข้าก็มักจะส่งเครื่องตัวทดสอบให้กับ โอเปอเรเตอร์ เจ้าต่างๆได้ทดสอบและคอมเม้นต์กันก่อน เพื่อนำไปปรับปรุงระบบก่อนออกขาย แต่ก็มิวายที่เครื่อง PDA Phone หลายๆยี่ห้อพอออกขายจริง ปรากฎว่าใช้งานแล้วสัญญาณแกว่งเป็นเจ้าเข้าเลย คุยๆแล้วสัญญาณหายแว๊บ อย่างกับเล่นซ่อนหา หรือบางทีขับรถเร็วๆสัญญาณก็วูบไปวูบมา เวลาเปลี่ยนแต่ละ cell site อย่างกับใช้ PCT เลย ก่อนซื้อ PDA Phone เรื่องระบบสัญญาณโทรศัพท์ก็เป็นอีกคำถามที่เราควรถามถึงกับคนขายนะครับ เพราะบางคนตอนซื้อไม่เคยคิดถึงจุดนนี้เลย มักจะถามแต่ลูกเล่นอย่างอื่นๆในเครื่องกันจนลืมถามเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องระบบโทรศัพท์เลยกลายเป็นอันดับท้ายๆ ในคำถามที่มักจะถูกถาม

9.ราคาแพงไหม?

ไม่รู้เหมือนกันว่าคนใช้ PDA Phone ในบ้านเราเป็นไฮโซกันหรือเปล่า เพราะไปถึงร้านปุ๊บ ขอหยิบเครื่องมาดูก่อนแล้วถามเรื่อง Spec ในส่วนต่างๆ ส่วนเรื่องราคาแทบไม่ค่อยเกี่ยงกันเลยถ้า spec โดนใจ ปัจจัยเรื่องของราคาเลยกลายเป็นปัจจัยหลังๆที่มักจะคำนึงถึง เพราะก่อนซื่อก็คงรู้อยู่แล้วว่าจะซื้อเครื่อง PDA Phone มาใช้สักเครื่องอย่างน้อยก็ต้องมีเงินตุงในกระเป๋าหลักหมื่นกันอยู่แล้วถึงจะได้น้องน้อยไปนอนกอดที่บ้านให้ชื่นใจ เรื่องของราคาในตอนนี้ดีที่ว่า มันมีเครื่องหลายรุ่นหลายราคาให้เลือก เลยกลายเป็นราคาแบบขั้นบันได มีให้เลือกทุกราคาตามแต่ งบประมาณในกระเป๋าจะอำนวยให้

10.ศูนย์บริการดีหรือเปล่า?

สมัยก่อนคนมักไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องการรับประกันกันเท่าไร เครื่องหิ้วแต่ราคาถูกก็เอา แต่เดี๋ยวนี้หมดยุคเครื่องหิ้วแล้วหละครับ คนซื้อยุค 2007 นั้นเรื่องศูนย์บริการเป็นปัจจัยสำคัญเลยอันหนึ่งที่มักจะคำนึงถึงกัน ยิ่งถ้ามีศูนย์ service center คอยบริการแบบสะดวกๆ เคลมง่ายๆ บริการรวดเร็ว เป็นอีกปัจจัยเลยหละครับที่มีส่วนมากทีเดียวในการจะเลือกซื้อเครื่องแต่ละยี่ห้อ ส่วนศูนย์บริการแต่ละยี่ห้อนั้นก็ต้องบอกันตามตรงว่า การบริการและการเอาใจใส่ไม่เท่ากัน ขั้นตอนการซ่อมและการทำงานระยะเวลาก็ไม่เท่ากัน แต่ถ้าเคลมแล้วรอกันเป็นเดือน คงจะขายได้แค่ครั้งเดียวแล้วลูกค้าก็คงเข็ดไม่กล้าซื้อมาใช้อีก เครื่องแทบทุกยี่ห้อในตลาดตอนนี้ก็มีประกันอยู่แล้วหนึ่งปี แต่บางยี่ห้อเน้นความพอใจเน้นการบริการ ก็ไปเปิดศูนย์ service center กันในห้างกันเลย เพื่อความสะดวกของลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่บริษัท ปีหน้านี้เรื่องศูนย์บริการ มันจะเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ผู้จำหน่ายเครื่องหลายๆยี่ห้องัดเอามาเป็นจุดแข็งแข่งกันอย่างแน่นอน

บางครั้งราคาแพงกว่าแต่บริการดีกว่าเคลมง่ายกว่า คนซื้อก็ยอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายแพงกว่าเพื่อแลกกับการบริการที่ดีกว่า ไม่ใช่ว่าคนใช้ PDA Phone จะรวยควักจ่ายกันง่ายๆ แต่มันต้องมีการบริการที่ดีสมเหตุสมผลกับเงินที่จ่ายไปด้วย เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ก็ไม่ได้แกล้งยอนะครับ ส่วนมากจะกระเป๋าตุงๆกันทั้งนั้น

นอกจากเหตุผลหลัก 10 ข้อที่ไปสอบถามมาแล้วจริงๆยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่คนซื้อใช้ในการพิจารณาเวลาเลือกเครื่องด้วย สำหรับกลยุทธ์ร้านค้าที่ต้องงัดเอาทำตลาดในภาวะช่วงนี้ ที่ฮิตๆกันและก็ใช้ได้ผลดีเสียด้วยก็คือ การซื้อแบบผ่อน 0% จะกี่เดือนก็ว่ากันอีกที แล้วแต่แคมเปญของแต่ละเจ้างัดมาสู้กันครับ

แล้วคำถามของเพื่อนๆที่อ่านบทความนี้หละครับ ก่อนซื้อถามอะไรคนขายบ้าง ? อยากรู้บ้างจัง

บทความจาก MrPalm.com

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน (อ่าน 26290545 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 65 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้