ได้รับเมล์มา ข้อมูลนี้ในศูนย์ข่าวอิศราเคยลงไว้ 
อดีตโจรใต้ค่าหัว 5 แสนบาทจากทางการ เผยความลับหมดเปลือก ปฏิบัติการไฟใต้ ใครบงการ ทำไปเพราะอะไร และเตรียมประกาศศึกกับทุกรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
บทความวิเคราะห์โดย คุณทวีวุฒิ จุลวัจนะ อดีตคอลัมนิส ความมั่นคง กรุงเทพธุรกิจ
แกนนำอาร์เคเคแฉเจ้าหน้าที่รัฐ หนอนบ่อนไส้คอยชี้เป้าโจรใต้ "มะสือดี"แกนนำอาร์เคเค เปิดอกแฉชีวิตที่ถูกชักจูงเป็นแนวร่วม เผยใครถอนตัวเจอขู่ฆ่า ชี้มีคนของรัฐร่วมขบวนการ แฝงตัวเป็นสายข่าวให้ข้อมูลชี้เป้าก่อนลงมือสังหารเหยื่อ
นายมะสือดี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมากที่เข้าเป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเมื่อผ่านกระบวนการดื่มน้ำสาบาน และทำพิธีซุมเปาะแล้วไม่สามารถถอนตัวออกจากองค์กรได้ เช่นเดียวกับตัวเองเมื่อครั้งหลงผิดและแทบไม่มีโอกาสกลับสู่สังคมปกติได้ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ แต่ถูกข่มขู่ว่าหากหนีไปก็ไม่พ้น เพราะทุกพื้นที่ซึ่งมีสังคมมุสลิม นั่นหมายถึงทุกแห่งจะมีคนขององค์กรแฝงตัวอยู่และจะมีคนตามเก็บเพื่อปิดปากในที่สุด
นายมะสือดี กล่าวว่า คนที่ชักจูงให้เข้าสู่การขบวนการอาร์เคเค คือครูสอนศาสนา หรืออุซตาส ที่มีการส่งไม้ต่อเป็นทอด จากการชักนำของเพื่อนในกลุ่มที่โรงเรียนอีกทีหนึ่ง กระทั่งนำไปสู่ขั้นตอนการทำพิธีสาบานพร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 10 คน และล่องแพไปฝึกในพื้นที่เขื่อนบางลาง โดยมีครูฝึกรูปร่างสูงใหญ่ ไม่ใช่คนไทย เพราะไม่สามารถพูดหรือสื่อสารภาษาเดียวกันได้ แม้กระทั่งภาษามลายูท้องถิ่น โดยคำสั่งทุกคำจะต้องผ่านล่ามอีกคน ซึ่งไม่มีใครเคยเห็นหน้า
แกนนำอาร์เคเค กล่าวต่อว่า การฝึกใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือน กระทั่งจบหลักสูตร และส่งตัวกลับมาอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่นครั้งนั้นเสียชีวิตในการฝึก 2 คน ส่วนที่เหลือแยกย้ายกันหมดจนกระทั่งถึงวันนี้ยังไม่มีโอกาสพบหน้ากันอีกเลย ทั้งหมดจะต้องรอคำสั่งจากจากบุคคลภายนอกผ่านการประสานของเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งงานแต่ละครั้งชุดประสานจะไม่เคยซ้ำหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว
"หัวหน้าทีมของผมในช่วงแรกอยู่บาเจาะ โดยที่เราไม่มีโอกาสพบเขาได้เลย นอกจากเขาต้องการและจะมาหาเราเอง การนัดหมายงานส่วนใหญ่จะพบกันที่สนามฟุตบอลในหมู่บ้าน จากนั้นจะมีการชี้เป้า รวมไปถึงคนประสานงานก่อนลงมือและรับอาวุธตามเวลาและสถานที่ก่อนลงมือกับเหยื่อไม่นาน" เขา กล่าว
นายมะสือดี กล่าวว่า ได้พยายามจดจำใบหน้าผู้เกี่ยวข้องในงานแต่ละครั้ง แต่ท้ายที่สุดแทบจะไม่เจอกันอีกเลย หลังผ่านพ้นงานแต่ละครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ก่อเหตุแล้วประมาณ 20 ครั้ง จนกระทั่งแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกสงสารกับเหยื่อเลย
"ทุกครั้งที่เราบอกว่าไม่อยากทำหรือไม่กล้าลงมือกับเหยื่อ คนติดตามจะบอกเพียงว่างั้นพี่เสียใจกับน้องด้วย ทำให้เราตกอยู่ในภาวะจำยอมต้องทำตามคำสั่งทุกครั้งเพราะหากคิดหนีก็คงไปไม่รอด" นายมะสือดี กล่าว
เขากล่าวอีกว่า กระทั่งงานสุดท้ายที่ได้รับมอบหมายคือการให้เก็บสายข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นหญิงหม้าย ลูกหนึ่ง จึงตัดสินใจหาทางมอบตัวเพราะรับไม่ไหวกับสภาพที่ถูกกดดันอย่างหนัก โดยแต่ละคืนนอนไม่หลับคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคืน เว้นเสียจากใช้ยานอนหลับเท่านั้น
"ผมถามเขาว่าช่วยผมได้ไหม เพราะวันนี้ที่พึ่งเดียวคือคนไทยพุทธ เพราะหากไปที่อื่นตามคำขู่ของเขาผมไม่รอดแน่ กระทั่งผมได้รับความช่วยเหลือในที่สุด แต่วันนี้ก็ยังยอมรับว่ายังไม่ไว้ใจใคร" นายมะสือดี กล่าว
นายมะสือดี กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะเมื่อครั้งเข้าพิธีซุมเปาะ พบว่ามีคนของรัฐเข้าร่วมกระบวนการดังกล่าว รวมถึงตำรวจบางนายก็เป็นส่วนหนึ่งในขบวนการ ทำหน้าที่เป็นสายให้ โดยเหตุการณ์หลายครั้งที่มีโอกาสร่วมขบวนการพบว่าจะได้ข้อมูลในส่วนของทางการจากสายเหล่านี้ในการส่งสัญญาณชี้เป้าก่อนลงมือปฏิบัติการ
"วันนี้ผมถูกฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีป้ายสีเพื่อไม่ให้กลับบ้านหรือภูมิลำเนาได้ด้วยการลอบสร้างสถานการณ์ทั้งวางเพลิงและทำลายทรัพย์สิน จากนั้นก็ปล่อยกระแสข่าวลือว่าเป็นฝีมือของผม ทั้งที่เราถอนตัวออกมาแล้วแต่พวกเขาไม่ยอมรามือ" นายมะสือดี กล่าว
RKK ยอมรับ พรางตัวเองเป็นทหารไทย
นายมะสือดี ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่หลายเหตุการณ์ และส่วนใหญ่ได้แต่งกายด้วยเครื่องแบบเจ้าหน้าที่แทบทุกครั้งในการก่อเหตุเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน อย่างไรก็ตามหลังถูกจับกุมนายมะสือดีสำนึกผิดและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้
ด้านพ.อ.อัคร กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ก่อความไม่สงบเลือกใช้วิธีก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่เป้าหมายชัยชนะ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นข่าวที่แพร่ภาพทางสาธารณะอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ใน 37 อำเภอของจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส จำนวน 1,800 หมู่บ้าน จะมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามจำนวน 200 หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นพื้นที่จัดตั้งที่มีความเข้มแข็งโดยขณะนี้กองกำลังสามารถเข้าไปสลายโครงสร้างจัดตั้งหมู่บ้านได้แล้ว 50 หมู่บ้าน
ขณะนี้เหลือเพียงการแก้ปัญหายุติความไม่สงบในพื้นที่และจำกัดพื้นที่ก่อเหตุ เช่น บันนังสตา ยะหา รามัน สายบุรี เมาะมาวี ระแงะ สุไหงปาดี เพื่อระงับเหตุในระดับพื้นที่และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาระยะยาว พ.อ.อัคร กล่าว
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า จากที่ พล.อ.สนธิ ได้เปิดเผยนั้น เป็นข้อมูลที่ได้จากคำรับสารภาพของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ที่ถูกจับกุมได้ ทำให้ทราบว่า ความจริงแล้วแกนนำใหญ่ที่แท้จริง และคนที่ พล.อ.สนธิ ระบุถึงนั้น ซึ่งมีอักษรย่อ อ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสั่งการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะมีการดำเนินการสั่งการผ่านมติที่ประชุมสภา ที่เรียนตัวเองว่าเป็นสภา อูลามะ ซึ่งแปลว่า สภานักการศาสนา ซึ่งได้ใช้สถานศึกษาเป็นที่ประชุมเพื่อลงมติจากสมาชิกสภาฯ รวมถึงสั่งการก่อเหตุในแต่ละครั้ง
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวอีกว่า สภาฯดังกล่าวได้ก่อตั้งและดำเนินการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มานานแล้ว โดยเฉพาะการส่งคนไปฝึกการรบอยู่ที่อัฟกานิสถาน และการปฏิบัติการก่อความไม่สงบที่เริ่มทวีความรุนแรงในต้นในปี 2547 ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ถือเป็นการปฏิบัติการรบครั้งสุดท้ายที่จะดำเนินการให้ถึงที่สุด คือ การแบ่งแยกดินแดนโดนให้พื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นดินแดนเฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น ซึ่งเป็นผลของการปฏิบัติการสูงสุด
5. อาทิตย์เดียวก่อนรัฐประหาร RKK ปรับกลยุทธ เตรียมรุกใหญ่
ที่มีการปรับกำลังแนวร่วมกลุ่มที่ปฏิบัติการอยู่เดิม ( RKK เดิม ) เอาเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบจาก ปอเนาะ มาฝึกการก่อการร้าย เพื่อสมทบเข้ามาเป็นกำลังเสริม เพื่อขยายผลการปฏิบัติการ โดยจัดตั้งเป็นกลุ่มปฏิบัติการขึ้นใหม่ ใช้ชื่อย่อว่า RKK ii เรียกกันในขบวนการว่า อาร์ เค เค ดับเบิบวัน ตามประกาศจัดตั้งมีขึ้นที่บ้าน บาเลาะ 7 คลองน้ำใส อ.กาบัง จ.ยะลา เมื่อวันพุธที่ 6 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา
RKK ii อาร์ เค เค ดับเบิบวัน เป็นสัญลักษณ์ตัวย่อ ที่มีตัวสะกดเต็มๆ คือ
R = RAMSKA ( หน่วยกำลัง )
K = KRUMPERLAN ( จรยุทธ )
K = KRECIL ( ไม่เกิน 5 คน )
i = สัญลักษณ์ ( กลุ่ม BRN COORDINATE )ที่เป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธและวัตถุระเบิด
i = สัญลักษณ์ หมายถึงกลุ่มพลูโลเก่า ที่เป็นผู้สนับสนุนด้านการฝึกการก่อการร้ายและยุทธวิธี
การประชุมเพื่อจัดตั้งกลุ่มก่อการร้าย RKK ii เมื่อวันพุธที่ 6 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา มีบุคคลระดับแกนนำ
ค่าหัวหลักล้านหลายคน เข้าประชุมประกอบด้วย
1. นาย สะแป อิงบาซอ ประธาน
2. นาย วาเหะ กะดิง
3. นาง มะนาเซ ยา
4. นาย แวอารี ซามะแอ
5. นาย อับดุลเลาะห์ สะแป
6. นาย ซอรี สุหลง
7. นาย มูฮัมหมัดรอมัน อาแว
8. ตัวแทนเด็กวัยรุ่นที่คัดเลือกมา จากผู้ที่เพิ่งเรียนจบจาก ปอเนาะ
ปอเม็ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี อีก 70 กว่าคน ที่ประชุม
ได้มอบตำแหน่งและภารกิจให้กับเด็กวัยรุ่นทุกคนที่เข้าประชุม RKKii อาร์เคเค
ดับเบิ้ลวัน เป็นกลุ่มวัยรุ่นในจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ที่เรียนจบจาก ปอเนอะ ปอเม็ง อำเภอ ปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ของขาบอแม ได้รับการปฐมนิเทศน์รับเข้าสู ่ขบวนการก่อการร้ายที่ปอเนาะ บาบอรี ของบาบอรี ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มีภารกิจที่สำคัญคือ
1. แยกย้ายเข้าบรรยายธรรม ตามมัสยิส ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อปลูกฝังชักจูง วัยรุ่นอิสลามให้ร่วมทำปฎิวัติอิสลาม
2. ชักจูงเด็กวัยรุ่นอิสลามเข้าร่วมก่อเหตุทั่วประเทศ
3. เน้นเป้าหมาย ไทย-พุทธ ที่เป็น SOFT TARGET เช่น โรงเรียน โรงแรม สถาบันการเงิน ร้านอาหาร สถานีขนส่ง ห้างสรรพสินค้า วัด เน้นเป้าหมายผู้หญิง และเด็กโดยเลือกจุดที่ทำง่ายสุด ไม่กำหนดตายตัว RKKii อาร์เคเค ดับเบิ้ลวัน
มีพื้นฐานความเชื่อที่สำคัญ คือ
1. ไม่มีชาติหน้า ตายแล้วไม่ต้องเกิด
2. ฆ่าคนพุทธได้ 1 คน สามารถพาคนอิสลาม เข้าสวรรค์ได้ 10 คน
3. เป็นหน้าที่อิสลามทุกคนต้องทำ ญีฮาด ตั้งรัฐอิสลามให้ได้
ของขบวนการการใช้ความสพรึงกลัวเป็นอำนาจต่อรอง ตามแนวทางการทำสงครามแบบ
อสมมารต (ASSYNATRIX WARSAIR)
BRN Co-ordinate เตรียม ปักธง ตั้งสามกองร้อย ไทยพุทธ หนีกระเจิง
แต่การก่อการร้ายที่มุ่งเอาชุมชนชาวไทยพุทธเป็นเหยื่อ จนถึงขั้น ทำให้ชาวไทยพุทธ 2 หมู่บ้าน คือบ้านสันติ 1 และ สันติ 2 ของ จ.ยะลา ต้องหลบหนีความ โหดร้าย ทารุณ ของกลุ่มอาร์เคเค ลงมาอาศัยวัดเป็นที่พักพิง เป็นการวางแผนอย่างดีของ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพื่อหวังผลในการทำสงครามประชาชนให้เกิดขึ้น โดยเลือกเอา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นพื้นที่เป้าหมาย
โดยเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ได้ประชุมแกนนำระดับสูงในพื้นที่ จ.ยะลา ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา ด้วยการจัดการของผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระดับแกนนำ ผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดยุทธวิธี ให้บรรลุผลตามแผนการชั้นที่ 6 คือการปักธง ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับรัฐบาล
ด้วยการจัดตั้งกองร้อยนายร้อย 40ขึ้น 3 กองร้อย ในพื้นที่ อ.บันนังสตา เพื่อปฏิบัติการ ลอบสังหาร ซุ่มโจมตี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต ก่อกวน ข่มขู่ สังหาร ประชาชนชาวไทยพุทธ ที่อยู่ใน 2 อำเภอ ให้หวาดกลัว และทิ้งถิ่นไปอยู่ที่อื่น ฆ่าชาวมุสลิม ที่เป็นคนของรัฐ ทั้ง ผู้นำท้องถิ่นและสายข่าว เพื่อให้ข่าวความเคลื่อนไหวของขบวนการไปไม่ถึงเจ้าหน้าที่รัฐ
เพราะแผนการขั้นต่อไปของขบวนการที่กำหนดเอาไว้คือ เมื่อสามารถดำเนินแผนการตามที่ต้องการแล้ว โดยหมู่บ้านทั้งหมดใน ต.เขื่อนบางลาง และ ต.แม่หวาด อยู่ในการควบคุมของขบวนการ ก็จะประกาศเป็นเขตยึดครอง โดยมีพื้นที่ยุทธศาสตร์ อยู่ที่เขื่อนบางลาง ซึ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นเครื่องมือต่อรองกับอำนาจรัฐ ซึ่งหากขบวนการแบ่งแยกดินแดนทำได้สำเร็จตามที่วางแผนเอาไว้ จะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับหน่วยงานของรัฐในการแก้ปัญหาและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยทันที
เพราะเท่ากับว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดน สามารถบรรลุแผนแผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง ที่ขบวนการได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ปี 2547 เพราะถ้าเกิดความเสียหายขึ้นกับเขื่อนบางลาง หมายถึงการดับไฟฟ้า และหากมีการก่อวินาศกรรมกรรมสำเร็จ หมายถึง