เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน

ธุรกิจชายแดนไทย-มาเลย์บูมที่ดินด่านสะเดาพุ่งไร่ละ160ล.

Prev
1 of 1
Next

คลิกภาพเพื่อขยาย

updated: 14 ม.ค. 2557 เวลา 20:16:06 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ลงทุนชายแดนพื้นที่ด่านนอก อำเภอสะเดายังคึกคัก ทุนไทยผนึกมาเลย์แห่ผุดโรงแรม ศูนย์รวมบันเทิงครบวงจรรับกระแสเปิดเออีซี ดันราคาที่ดินพุ่งไร่ละ 160 ล้าน เทียบเท่าเขตเทศบาลนครหาดใหญ่

แหล่งข่าวบริษัทเอกชนในจังหวัดสงขลาเปิดเผยว่า ความตื่นตัวเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ส่งผลให้ราคาที่ดินในจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เทศบาลตำบลสำนักขาม (ด่านนอก) อำเภอสะเดา ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ที่ตารางวาละ 400,000 บาท หรือไร่ละ 160 ล้านบาท และขณะนี้การลงทุนบริเวณด่านนอกสะเดาคึกคักมาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและศูนย์รวมบันเทิงครบวงจร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทยและมาเลเซีย

นอกจากนี้ บริเวณเขตเทศบาลนาทวีและบ้านประกอบ อำเภอนาทวี ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดผ่านแดนถาวรบ้านประกอบ ราคาที่ดินได้ขยับสูงขึ้นมากเช่นกัน โดยพื้นที่ระยะห่างจากเทศบาลนาทวี ประมาณ 8-9 กิโลเมตร ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ไร่ละ 4 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ติดกับบ้านประกอบ คาดว่าน่าจะสูงกว่า 4 ล้านบาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ด่านชายแดนใหม่ระหว่างนาทวีกับรัฐเกดะห์ ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย แห่งที่ 3 ในจังหวัดสงขลา และคาดว่าจะเป็นเส้นทางธุรกิจการขนส่งที่สำคัญในอนาคตด้วย

นายสมพงษ์ ศิริคติธรรม ที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้ราคาที่ดินในพื้นที่ด่านนอกหรือเทศบาลตำบลสำนักขามทะยานสูงขึ้นเทียบเท่าในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่หรือพุ่งสูงกว่าในบางพื้นที่เสียอีก ทั้งนี้เนื่องจากด่านนอกเป็นเมืองท่องเที่ยวของชาวมาเลเซีย ส่งผลให้ธุรกิจชายแดนต่าง ๆ ได้รับผลบวกเติบโตตามไปด้วย

"ที่ดินบ้านด่านนอกเป็นที่ดินเชิงพาณิชย์ทั้งหมด และตอนนี้ไม่สามารถหาซื้อได้ หากซื้อได้ก็ไม่แน่ใจว่าจะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แล้วจะคุ้มทุนหรือไม่ โดยเฉพาะที่พัก โรงแรม เพราะขณะนี้มีการก่อสร้างโรงแรมกว่า 30 แห่งแล้ว"

ก่อนหน้านี้ "ประชาชาติธุรกิจ" ลงพื้นที่สำรวจการลงทุนบริเวณพื้นที่บ้านด่านนอกไทย-จังโหลน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พบว่ากำลังมีการก่อสร้างโรงแรม 5 ดาว อพาร์ตเมนต์ อาคารพาณิชย์ และสถานบันเทิงจำนวนมาก

ทั้งนี้กลุ่มที่ไปปักธงสร้างโรงแรม 5 ดาวในพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วย กลุ่มหรรษา กรุ๊ป, เครือโรงแรมโอลิเวอร์, เครือโรงแรมสาธิต, และ บจ.วีเอสเตส เจ้าของโรงแรมคิงส์ คาซ่า ด่านนอก

ด้านนายวิทยา แซ่ลิ่ม ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ด่านนอกกลายเป็นเมืองธุรกิจที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในพื้นที่อำเภอสะเดา เมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการท่องเที่ยวมากถึง 70% รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงเมืองหาดใหญ่

"หากยังไม่หามาตรการแก้ไขเรื่องความเชื่อมั่น ธุรกิจการท่องเที่ยวด่านนอกอาจจะซบเซาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าครึ่งปี จึงมีแนวทางแก้ไขด้วยการขอความร่วมไปยังสื่อมวลชนในประเทศไทยและมาเลเซียให้ช่วยดำเนินการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังมัคคุเทศก์และบริษัททัวร์ให้ร่วมกันดำเนินประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นของสะเดาให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง"นายวิทยากล่าว

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน (อ่าน 26459735 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 72 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้