แพงครับ ผมดูหนังเยอะมาก และจะซื้อเรื่องที่ชอบเก็บไว้ ถ้า...ไม่แพง อย่าง Shooter ก็เป็นเรื่องที่อยากเก็บเรื่องนึง เพียงแต่หกร้อยกว่าบาทผมไม่ซื้อครับ DVD ส่วนใหญ่ที่ผมซื้อเก็บจะอยู่ที่ราคาไม่เกิน 300 บาท แล้วแต่ชอบมากชอบน้อย มี 2 เรื่องเท่านั้นที่ยอมซื้อแพงกว่านี้ เรื่องแรกสี่ร้อยกว่าและอีกเรื่องที่หายากมากพอเจอเข้าเรื่องละเจ็ดร้อยซื้อ 2 แผ่นเก็บไว้เลย
สังเกตุพฤติกรรมในการตั้งราคาดีๆนะครับ หนังที่ประสบความสำเร็จในโรงเวลาออกแผ่นมาจะตั้งราคาแพงๆ บางเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีว่าหลงทางตั้งราคาแพงๆ (เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?

) ใครใจร้อนก็ซื้อไป นานเข้าๆ ลดเหลือเรื่องละ 199 ยังมี คุ้นๆว่าเหลือ 99 ยังเคยมีเลยครับ ผมรอเอาครับ ที่ต้องลดเพราะค่ายนั้นกำลังจะหมดสัญญาที่จะขายเรื่องนั้นแล้ว ... แทนที่จะสำรวจตลาดซักหน่อยว่าราคาไหนเป็นราคาที่จะทำให้คนซื้อมากแผ่นที่สุด กำไรต่อแผ่นน้อยหน่อย แต่ได้จำนวนและกำไรรวมจะสูงกว่าทำแบบนี้อีกก็ได้ แถมยังเป็นการปลูกฝังให้คนใช้สินค้าลิขสิทธิ์ แต่ไม่ยักจะทำ โลกเราจึงมีของผิดกม.มาถ่วงดุลไงครับ (ไม่ได้เข้าข้างของผิดกม.นะครับ)
ถ้าโลกนี้ไม่มีของจีน เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น เครื่องเล่น DVD ฯลฯ ของญี่ปุ่นของฝรั่งจะขายแพงกว่านี้อีกขนาดไหน
ถ้าไม่มีหมึกเติม (Printer) หมึกแท้จะแพงกว่านี้เท่าไหร่
ถ้าโลกนี้ไม่มีของเถื่อน ของลิขสิทธิ์จะขายแพงกว่านี้อีกแค่ไหน
ผมไม่ได้พูดเองนะครับ จำมาจากบทความในหนังสือไอทีเล่มนึง

รายได้ประชาชาติของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน (กินข้าวแกงในบ้านเรา 30 บาทอิ่ม เมกาต้อง 300 บาท) เดี๋ยวนี้ฝรั่ง ญี่ปุ่นหลายๆบริษัทเข้าใจจุดนี้และฉลาดทำกันเยอะแล้วเหมือนกัน คือตั้งราคาขายในประเทศที่รายได้ประชาชาติต่ำให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศนั้น ก็ขายดิบขายดีไป ( หิ้วจากเมืองนอกมาแพงกว่าซื้อในประเทศ แถมส่งซ่อมลำบากอีก ตัดปัญหาไปได้เยอะ ) แต่อีกหลายๆบริษัทที่หยิ่งและไม่ปรับตัว ก็ยังคงวนไปวนมาไม่เติบโตซักที