แมนเชสเตอร์ ซิตี้-ลิเวอร์พูล: อาทิตย์ 30 ธ.ค. 23.00 น. 
แมนฯซิตี้ ปะทะลิเวอร์พูลในปีนี้กลายเป็น บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ไปแล้ว เนื่องจาก ฟอร์มการเล่นของทีม เรือใบสีฟ้า
ภายใต้การคุมทีมของ สเวนโกรัน อีริคส์สัน ดีผิดหูผิดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฟอร์มการเล่นในบ้านปีนี้ ส่งผลให้พวกเขามีอันดับ
คะแนนเกาะกลุ่มนำ แถมยังทำได้ดีกว่าลิเวอร์พูล ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน แมนฯซิตี้-ลิเวอร์พูล อาจเป็นแค่เกมธรรมดาเกมหนึ่ง แต่ในวันนี้ต้องยอมรับว่า แมนฯซิตี้ กลายเป็นทีมที่มี
ผลงานยอดเยี่ยมมาก ทั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทีมใหม่ ได้โค้ชใหม่ เหมือนสร้างใหม่หมด แต่พวกเขากลับทำได้ราวกับว่าเล่นด้วยกัน
มานาน จนมีผลงานน่าประทับใจ
ทั้งสองสโมสรลงสนามช่วงกลางสัปดาห์ในวันบ๊อกซิ่งเดย์ ลิเวอร์พูลแข่งคืนวันพุธทางฝั่ง ดาร์บี้ แข่งคืนวันพฤหัสบดี ไม่มีใครได้
เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก
10 ปีล่าสุดนั้นพบกันแค่ 7 ครั้งเนื่องจากแมนฯซิตี้ ตกชั้นไปช่วงหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่พบกันต้องยอมรับว่าไม่มีเกมไหนง่ายสำหรับทีม
เยือนและเจ้าบ้าน มีเกมเดียวที่ หงส์แดง ชนะขาดคือเมื่อปี 2002-03 เท่านั้นเอง นอกนั้นชนะเฉียดฉิวและมีผลเสมอแบบสนุก
ปีนี้คาดหมายกันว่าน่าจะเป็นปีที่เล่นกันได้สูสีอีกครั้ง เนื่องจาก แมนฯซิตี้ ปรับปรุงฟอร์มการเล่นได้ดีขึ้นกว่าเดิม ภายใต้การคุมทีม
ของ อีริคส์สัน พวกเขาเล่นบอลเหมือนภาคพื้นยุโรป เป็นทีมที่เน้นแทกติกพอสมควร อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง คือว่า
แมนฯซิตี้ ยังมีผลงานที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อต้องพบกับทีมในกลุ่มบิ๊กโฟร์ มีเพียง แมนเชสเตอร์ ยุไนเต๋ดทีมเดียวเท่านั้นที่แพ้ เรือใบสีฟ้า
นอกนั้นอาร์เซนอล, เชลซี แม้กระทั่ง สเปอร์ส พวกเขาแพ้เรียบ ถึงขนาดโดนเชลซีถล่มแหลก 6-0 มาแล้ว เกมนี้พบกับลิเวอร์พูล
เป็นครั้งแรกในฤดูกาล ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมใหญ่ที่ เรือใบสีฟ้า ต้องเผชิญหน้าด้วยในช่วงเวลานี้
สภาพทีม ช่วงที่ผ่านมา อีริคส์สัน แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นไม่ว่าจะลงสนามในพรีเมียร์ลีกหรือว่าเกมที่กระเด็นตกรอบฟุตบอล คาร์ลิง
คัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายแพ้ต่อสเปอร์สในบ้านตัวเองเป็นนัดแรกของฤดูกาลก็ตาม
เกมนี้พวกเขารับมือในบ้านต่อเนื่องหลังจากพบกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มาเป็นทีมลิเวอร์พูล คาดว่าไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนทีมอะไร
มากมาย อาจเป็นบางตำแหน่งเท่านั้น แม้ว่าจะต้องเล่นสามนัดในรอบ 7 วันก็ตามที โดยเริ่มจากตำแหน่งนายประตูนั้น มีความเป็นไปได้
ที่ โจ ฮาร์ต กับ อีซัคสัน ต้องแย่งตำแหน่งกัน ซึ่งวันนี้ทั้งสองคนได้โอกาสไม่แตกต่าง
ฮาร์ท น่าจะถูกเลือกก่อน อีซัคสัน ขณะที่เกมรับนำทีมโดย ริชาร์ด ดันน์ กับ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ฟูลแบกสองข้าง เริ่มมีการใช้ โอนูอา แทน
คอร์ลูก้า บ้างแล้ว ขณะที่แบ๊กซ้าย การ์ริโด กับ ไมเคิล บอลล์ สลับกันลงเล่นในสองสามนัดล่าสุด แดนกลางนั้น ดีทมาร์ ฮามันน์ ยังคุม
ทีมกับ ไมเคิล จอห์นสัน ดาวรุ่งของ แมนฯซิตี้ ส่วนสามกองกลางเชิงรุกมี เปตรอฟ, เอลาโน และ วาสเซลล์ โดยหน้าเป้าช่วงที่ผ่านมา
เบียงคี ยึดตำแหน่งตัวจริงก่อนย้ายไปจากแมนฯซิตี้
ดูแล้วเกมนี้ อีริคส์สัน พบกับลิเวอร์พูลพวกเขาเน้นไม่แพ้ เพราะนอกจากผลงานที่เล่นกับทีมใหญ่มักทำได้ไม่ดีแล้ว ลิเวอร์พูลยังเป็นทีม
ที่มีศักยภาพพร้อมลงโทษพวกเขาได้เลย ยิ่งกว่านั้นการเล่นเกมรับรัดกุมกับหงส์แดงน่าจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้แต้มง่ายกว่าเปิดเกม
รุกเข้าใส่
รูปแบบการเล่นของ อีริคส์สัน จึงน่าจะออกมาเหมือนเดิมคือ 4-5-1 รอโอกาสอย่างใจเย็นเพื่อลงโทษความผิดพลาดของหงส์แดง แต่ถ้า
ไม่ได้ก็จะต้องไม่เสีย
ส่วนทางฝั่ง หงส์แดง ผ่านเกมกลางสัปดาห์นัดเยือน ดาร์บี้ พร้อมทั้งมีการโรเตชั่นนักเตะเหมือนเดิม นัดนี้เยือน แมนฯซิตี้ คาดว่าพวก
เขาจะเปลี่ยนนักเตะตัวจริงแต่รูปแบบการเล่นไม่น่าจะปรับเปลี่ยนมาก ยังคงเน้นระบบ 4-4-2 เหมือนเดิม
โดยกลุ่มนักเตะที่ลงเล่นพบกับดาร์บี้ชุดแรกมีสามสี่คนอาจต้องเป็นตัวสำรองก่อนบ้าง อย่างเช่นแบ๊กขวานั้น อาร์เบลัว จะกลับมาเล่นตัว
จริงนัดเยือนแมนฯซิตี้ ส่วน สตีฟ ฟินแนน สำรอง แบ๊กซ้าย รีเซ น่าจะได้เล่น ขณะที่ฮาล์ฟซ้ายจะเป็น แฮรืรี่ คีวล์ แทนออเรลิโอ มิดฟิลด์
คู่กลาง สตีเวน เจอร์ราร์ด กับ มาสเชราโน ปีกขวา น่าจะเป็น เบนายูน ส่วนกองหน้าคู่ เดิร์ค เคาต์น่าจะยืนกัน เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่
กำลังฮอต
ดูแล้วมีแกนนำอย่าง คาร์ราเกอร์, ฮูเปีย, เรน่า, เจอร์ราร์ด และตอร์เรส เท่านั้นที่ไม่โดนปรับออกจากตำแหน่งตัวจริงนัดเยือน แมนฯซิตี้
ความน่าจะเป็นของเกม
เรือใบสีฟ้า จะเน้นทุกรายละเอียดของเกม และ ไม่ต้องการให้แนวรับของเขามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น วางแทกติกโต้กลับ รอความผิด
พลาดของหงส์แดงเพื่อเล่นงาน ขอแค่ประตูเดียวเท่านั้นพวกเขาก็ชนะลิเวอร์พูลได้ ดังนั้นลิเวอร์พูลน่าจะพบกับความยากลำบากในการ
เจาะ แมนฯซิตื้ ยิ่งถ้าความหลากหลายไม่พอพวกเขามีโอกาสได้แค่แต้มเดียวกลับบ้านเป็นแน่ ขณะที่หงส์แดงคงต้องโดนบีบให้บุกอย่าง
เดียว เพียงแต่จะเข้าถึงพื้นที่อันตรายของ แมนฯซิตี้ ได้หรือไม่เท่านั้นเอง
ผลที่คาด แมนฯซิตี้ น่าจะสร้างความยากลำบากให้กับหงส์แดงได้พอสมควร แต่เกมนี้ ลูกทีม ราฟาเอล เบนิเตซ คงสำเร็จโทษเจ้าบ้านได้ แม้จะ
ยากแค่ไหนก็ตาม
แมนฯซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1