ลิเวอร์พูล-แมนฯซิตี้ "พิสูจน์ชะตา ผจก."
เกมระหว่างทีมอันดับ 6 คือ แมนฯซิตี้ กับ ทีมอันดับ 7 ลิเวอร์พูล มีความสำคัญสำหรับสองผู้จัดการทีมที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก โดยเฉพาะฝั่งเจ้าบ้าน ราฟาเอล เบนิเตซ คุมทีมล่าสุด 9 นัดชนะ 1 นัด เป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 50 ปี แถมเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เขาคุมทีม หงส์แดง มาเมื่อปี 2004 ทั้งที่ภาพรวมนั้นทีมกำลังพัฒนาไปข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่ากำลังถอยหลัง
ขณะที่ มาร์ค ฮิวจส์ ถูกวิจารณ์ว่าใช้เงินไปเยอะ แมนฯซิตี้ ทุ่มทุนซื้อนักเตะอย่างที่ต้องการมาได้ แต่กลับไม่สามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ กองหลังเสียประตูง่าย เสมอบ่อย จนทำให้เขาถูกคาดหมายว่ามีโอกาสโดปลดจากตำแหน่งหากไม่สามารถทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
นอกจากนี้เมื่อดูอันดับคะแนนของทั้งสองทีมแล้วพบว่าเป้าหมายที่สำคัญในช่วงเดือนสองเดือนนี้คือการยึดกลุ่มบิ๊กโฟร์ให้ได้
ลิเวอร์พูลคือทีมในกลุ่มบิ๊กโฟร์มาก่อนตอนนี้ร่วงลงไปแล้ว ขณะเดียวกันแมนฯซิตี้ คือทีมที่คาดหมายว่าจะมาทลายบิ๊กโฟร์ สอดแทรกตัวเองเข้าไปในกลุ่มนั้นแต่ผ่านมาถึงจุดนี้ แมนฯซิตี้ อยู่แค่ที่ 6 เท่านั้นเอง
จังหวะโปรแกรมมาพบกันในช่วงเวลาอันกดดันด้วยกันทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะตัวผจก. เกมนี้จึงเท่ากับเป็นการพิสูจน์เส้นทางที่ทอดยาวข้างหน้าว่าของใครจะไปได้ยาวกว่ากัน
สถิติ...สถิติ...สถิติ
ลีกสูงสุด เอฟเอ คัพ ลีก คัพ รวม
ลิเวอร์พูล ชนะ 74 32 2 79
เสมอ 35 2 1 38
แมนฯ ซิตี้ ชนะ 37 2 1 40
8 ฤดูกาลล่าสุดนับจาก แมนฯซิตี้ เลื่อนชั้นขึ้นมา
ตัวเลขล่าสุดยืนยันว่าเล่นในแอนฟิลด์ 8 ปีหลังสุดนั้น หงส์แดง เอาชนะได้ แมนฯซิตี้ ได้ยาก สกอร์ออกมาเบียดและสูสีพอสมควร
2008/2009
English Premier
Liverpool
1-1
Manchester City
22-09-2009
2007/2008
English Premier
Liverpool
1-0
Manchester City
04-05-2008
2006/2007
English Premier
Liverpool
1-0
Manchester City
25-11-2006
2005/2006
English Premier
Liverpool
1-0
Manchester City
26-02-2006
2004/2005
English Premier
Liverpool
2-1
Manchester City
21-08-2004
2003/2004
English Premier
Liverpool
2-1
Manchester City
11-02-2004
2002/2003
English Premier
Liverpool
1-2
Manchester City
03-05-2003
2000/2001
English Premier
Liverpool
3-2
Manchester City
09-09-2000
ราฟา กลุ้ม "เดี้ยงเพียบ"
นอกเหนือไปจากฟอร์มอันตกลงอย่างน่าใจหายแล้ว นักเตะกำลังสำคัญหลายคนในทีม หงส์แดง ยังบาดเจ็บและชวดลงสนามโดยเฉพาะตัวหลักๆอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส, ยอสซี เบนายูน, เกลน จอห์นสัน ขณะที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ข่าวบอกน่าจะผ่านการทดสอบร่างกายลงสนามได้ แต่การไม่มี ตอร์เรส ในแนวรุกยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการจบเกมลดน้อยลงไปเยอะ
ส่วนกลุ่มตัวสำรองที่คาดว่าจะแทนที่ก็ดันเจ็บอีกอย่าง ฟิลิป เดเก้น นักเตะทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ หรือดาวรุ่งอย่าง มาร์ติน เคลลี ในตำแหน่งแบกขวา ถือว่าจัดด้วยความยากลำบากพอสมควรสำหรับ ราฟา ในเกมนี้ การเบรกของทีมชาติอาจช่วยได้ แต่ต้องลุ้นตัวโก่งเลยทีเดียวว่าใครพร้อมลงสนามบ้าง
แดนกลางนั้น เจอร์ราร์ด, ลูคัส และ มาสเชราโน โดย เจอร์ราร์ด สนับสนุนแนวรุก คาดว่าข้างหน้าจะเป็น เดิร์ค เคาต์ เล่นศูนย์หน้าแทน ตอร์เรส ในกรณีที่ เอนก๊อก ลงสนามไม่ได้ แต่ถ้า เอ็นกอก ลงได้ เคาต์ จะยืนทางด้านขวา ส่วนทางซ้ายไม่มีทางเลือกอย่างอื่นคือ ไรอัน บาเบิล
ฮิวจส์ ลุ้น "โรบินโญป่วนหงส์"
ทางด้านมาร์ค ฮิวจส์ สำรวจความพร้อมของนักเตะแล้วมีปัญหาน้อยกว่าลิเวอร์พูลเรื่องตัวผู้เล่น ยกเว้นแค่ว่าจะจัดทีมยังไงให้เล่นเข้าขากันมากที่สุด โดยเฉพาะการลุ้นร่างกายของ โรบินโญ ซึ่งข่าวบอกว่าไม่น่าปัญหาอะไรพร้อมลงลุยลิเวอร์พูลได้
โดยช่วงวันที่ 12 พ.ย. นั้นพวกเขานำนักเตะที่ไม่ติดทีมชาติไปอุ่นเครื่องถึง สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ก่อนแพ้ทีม ยูเออี 1-0 ซึงไม่มีผลอะไรต่อสภาพทีม
คาดว่าเกมนี้ ฮิวจส์ ไม่ปรับเปลี่ยนอะไรมากแม้ว่าเกมล่าสุดจะโดน เบิร์นลีย์ ยิงไป 3 ลูกก่อนเบรกทีมชาติ ผู้รักษาประตู เชย์ กิฟเวน แนวรับนั้นนำทีมโดย โคโล ตูเร, เวย์น บริดจ์, โจ เลสคอตต์ และ ซาบาเลต้า ส่วนแดนกลางนั้น ฌอน ไรท์ ฟิลิปส์, สตีเฟน ไอร์แลนด์ , แกเรธ แบร์รี ส่วนข้างหน้านั้นต้องลุ้นว่า ฮิวจส์ จะยังเลือกหน้า 3 คนหรือว่าดรอปข้างสนามหนึ่งคน ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องเลือกระหว่าง เตเวซ กับ เบลลามี คนใดคนหนึ่ง
โดย อเดบายอร์ นั้นยืนตัวจริงแน่ ถ้าปรับเล่นกลาง 4 คน นักเตะที่จะได้โอกาสลงสนามคือ ไนเจล เด ยอง มาช่วยตัดเกมตรงกลาง เพื่อไม่ให้หงส์แดงได้ครองบอล ดูแล้วน่าจะเป็นสูตรนี้มากกว่า
50-50 ออกสามหน้า
คาดว่าน่าจะเป็นเกมที่วัดกันว่าฝั่งไหนได้ครองบอลนานกว่ากัน เพราะดูแล้วจากวิธีการเล่นของ เจ้าบ้าน พักหลังความมั่นใจหายไปเยอะ ไม่สามารถครองบอลรุกเข้าโจมตีคู่แข่งได้ง่ายเหมือนปีก่อน ส่วนทีมเยือนนั้นเน้นความสามารถเฉพาะตัวมากกว่าทีมเวิร์ค
จุดบอดที่เหมือนกันคือกองหลังเสียประตูง่าย เรียกว่าเปราะทั้งคู่ โดนบด โดนกดดันหนักๆ เสียประตูได้เลย นัดนี้จึงต้องความวัดความผิดพลาดแนวรับของทั้งคู่ คาดว่าโอกาสชนะ-เสมอ-แพ้ มีพอๆกัน ดูไม่ออกว่าใครเหนือกว่ากันเวลานี้
แฟนบอลทั้งสองทีมต้องนั่งกัดเล็บลุ้นตลอด 90 นาที เชียร์ด้วยความกดดันทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีทีมใดขึ้นนำก่อน โอกาสชนะมีสูงมาก เพราะอีกฝั่งหนึ่งไม่สามารถทำเกมกลับมาได้
ความน่าจะเป็นของผลแข่ง ออกได้ทุกทางแม้ว่าจะเล่นในแอนฟิลด์ก็ตาม
มาให้กำลังใจแฟนหงส์เค้าครับ สู้ๆ

ขออภัยครับยาวไปหน่อย