ขณะติดตามจับกุมคนร้ายที่ไม่มีอาวุธ เจ้าของผู้ติดตาม ไม่มีสิทธิจะไปยิงขา หรือยิงใส่เขา
ถึงจะอ้างว่า ถ้าไม่หยุดจะยิง เพื่อขัดขวางการหลบหนี เพื่อจับกุม
ถ้าไปยิงเขา จะถูกตรงส่วนไหนของร่างกายก็ตาม ท่านอาจจะมีความผิด
ฐาน ฆ่าหรือพยายามฆ่า แล้วแต่กรณี.. อาจไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม.๖๙ ด้วยซ้ำ
เพราะไม่ใช่ พยันตรายที่ใกล้จะถึง และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ..
เรียนท่าน Ro@d .. กรณีเจ้าทรัพย์วิ่งติดตามคนร้ายที่เอาทรัพย์หรือกระทำความผิดไปในทันทีทันใด ..
มีคำพิพากษาศาลฎีกาบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์ของตน ซึ่งสามารถกระทำได้
แต่ต้องระวังในการใช้อาวุธเพื่อหยุดยั้งคนร้าย ต้องกระทำให้ดีๆ ไม่งั้นจะเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อาญา มาตรา ๖๙ ไปได้ครับ .............
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๐๘ / ๒๔๙๔ คนร้ายขึ้นเรื่อนลักทรัพย์ได้แล้ววิ่งหนีไป
เจ้าทรัพย์วิ่งไล่ไปทันแล้วใช้มีดแทงคนร้าย ๑ ที คนร้ายตาย ศาลฎีกาตัดสินว่า
เจ้าทรัพย์แทงคนร้ายในเวลากระชั้นชิดที่วิ่งไล่กันมา ถือว่าไม่มีเจตนาฆ่า
เพราะเเทงเพียงทีเดียว . คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ..
เป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ .
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๔๓ / ๒๔๙๕ ยิงผู้ร้ายขณะกำลังวิ่งหนีและพาเอาห่อของไปด้วย
โดยผู้ร้ายมิได้กระทำอะไรแก่ตน . เป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๒ / ๒๕๒๐ ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปลักแตงในไร่ของจำเลย
ในเวลากลางคืน จำเลยใช้อาวุธปืน .๒๒ ยิงผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนี
ถูกที่หลังกระสุนฝังใน การที่จำเลยยิงผู้เสียหายโดยเหตุผู้เสียหายลักแตง ๒ - ๓ ใบ
ราคาเล็กน้อย กระสุนถูกที่หน้าอกอวัยวะสำคัญ ย่อมเล็งเห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าจึงเป็นการกระทำ
ที่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
เพื่อป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๓ / ๒๕๑๔ การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน
โดยจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ที่ใต้ถุนเรือนของจำเลย
เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์ของตน แต่เมื่อจำเลยวิ่งไล่ไปทันผู้เสียหาย
แล้วใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายถูกที่หลัง ๔ แผล ที่ข้อศอก ๑ แผล โดยไม่ปรากฎว่า
ผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเกินกว่า
กรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป. อาญา มาตรา ๖๙ ..
..