ในความเห้นของผมว่า ยากถึงยากมากๆๆๆ เพราะตราบใดที่ข้าราชการถูกปลูกฝังว่า ปืนในมือประชาชนคืออำนาจต่อรองกับรัฐฯ ตราบนั้นการเปลี่ยนแปลงย่อมทำได้ยาก มีแต่จะบีบบังคับให้มันมีน้อยลงไปทุกๆวัน
ทุกๆรัฐบาลการแก้ปัญหาชอบที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ยกตัวอย่างเช่น การห้ามออกใบอนุญาตปืนไรเฟิลกับประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในกทม. เพราะอะไร?

เพราะในขณะนั้นมีข่าวการลอบสังหารท่านผู้นำจึงออกระเบียบเช่นนี้ออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่หมดปัญญาที่จะสืบสาวราวเรื่องถึงต้นสายปลายเหตุว่ามันคืออะไร เพราะอะไรและทำไม และที่ง่ายที่สุดคือห้ามมันก่อนดีที่สุด หรืออีกตัวอย่างคือเรื่องการห้ามประชาชนครอบครองปืนขนาด .45, .357 โดยอ้างว่าเป็นอาวุธสงครามเป็นต้น สาเหตุมันมาจากไหนและอย่างไร เท่าที่มองย้อนกลับไปในยุคนั้น คือมือปืนส่วนใหญ่จะใช้ปืนขนาด .45 ทำการลอบสังหารเป็นส่วนมากเพราะมันทะลักมากจากชายแดน รัฐบาลจึงออกระเบียบติ้งต้องเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เห็นว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้นจะออกมาแล้วก็ตาม ทุกอย่างเงียบเหมือนเป่าสาก
เหมือนกับการที่ตำรวจตั้งด่านตามจุดต่างๆ....รถมันจะติดยังไงช่างมันไม่สน เพียงเพื่อตั้งด่านหาผู้กระทำผิดกฎจราจรในข้อหา..ไม่มีใบขับขี่บ้าง, ทะเบียนขาดต่ออายุบ้าง, ไม่มีพรบ.บุคคลที่สามบ้าง, รวมถึงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตามที่ราชการกำหนดบ้าง ผมเคยถามกัยนายตำรวจว่า ไอ้ข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้นมันทำให้การขับรถดีขึ้นมั้ย ทำให้มารยาทการขับขี่ดี่ขึ้นแค่ไหน รวมถึงมันทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนนได้รึปล่าว คำตอบคือ ไม่ทราบ ง่ายดีมั้ยรถติดกันเป็นแถวยาวเหยียดสิ้นเปลืองค่าน้ำมันเท่าไหร่ ตำรวจไม่เคยคิดเพราะไม่รู้จักหลักเศรษศาสตร์เท่าไหร่ จะตั้งด่านใครจะทำไม ทำผลงานส่งเจ้านาย นี่หละครับหลักการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งจะแก้ไขกันที่ปลายเหตุ.......ไม่เคยคิดที่จะแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะอาจจะทำไปแล้ว แล้วเจอตอจึงไม่กล้าขุดเพราะตอมันแข็งแรงกว่า
เอาเป็นว่า....ปีหน้าฟ้าใหม่....รัฐบาลใหม่....ก็หวังว่า ฯพณฯท่านทั้งหลายจะกรุณาให้ความถูกต้องและเป็นธรรมกับพวกเราชาวปืนกันบ้าง.......อย่างน้อยก็ขอให้ยกเลิกกฎระเบียบต่างๆที่มันดูแล้วล้าสมัยหรือมันขัดต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบ้างก็จะดีขึ้นเยอะครับ