ตบมือข้างเดียวไม่ดัง.. ย้อนมาดูการขับรถของตัวเองดีกว่า..
จริงครับ บางท่านขับรถไม่ได้เรื่องจริง ๆ บีบแตรหน่อยก็มีอารมณ์
ขอเล่าประสบการณ์เฉียดให้ฟัง (อีกแล้วครับท่าน)
สองวันก่อน (สด ๆ ร้อน ๆ)

... ขับรถกลับบ้านตามปกติครับ ... ปกติแล้ว ผมต้องแวะตลาดแถวบ้าน เพื่อซื้อกับข้าวครับ
โดยเส้นทางที่ใช้คือถนนเทศบาลสงเคราะห์ (ไม่รู้ใช่ไหม ว่าอยู่ที่ไหน

) ... มันเป็นถนน ๖ เลน มีซอยสองข้าง เชื่อมถนนประชาชื่นกับถนนวิภาวดี ตรงวัดเสมียรนารีครับ

ผมมาจากวัดเสมียรนารี จะต้องเลี้ยวกลับรถ เพื่อไปตลาดประชานิเวศน์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ผมก็วิ่งชิดขวามาตลอด ตอนใกล้จะถึงจุดกลับรถ ก็สังเกตเลนซ้ายมือหยุดรถ ผมก็หยุดตาม ... ปรากฏรถมิตซูบิชิ สเปชแวกอน (MPV) วิ่งกลับรถจากซอยซ้ายสุดมาเข้าซอยทางขวาสุดครับ .... ตอนนี้ไม่มีอะไรครับ ไม่มีใครเบรครุนแรง หัวทิ่มหัวตำครับ ...คนขับเป็นหญิงครับ ... ผมคิดในใจว่า เลี้ยวได้งัยว๊า ...
เมื่อกลับรถ ปรากฏว่ามีแท็กซี่จากทางตรง มาขวางผมกับมิตซูคันนี้ครับ ก็ตามกันมาเรื่อย ๆ เพราะช่วงเย็น บริเวณนั้นรถจะมากครับ ...
ผมเห็นมิตซูเลี้ยวเพื่อจอดทางซ้าย ตรงทางเข้าตลาด GOLD Market ซึ่งตรงกับร้านปลาหมึกปิ๊งเจ้าประจำ ....
ตรงนี้จอดไม่ได้ครับ ถ้าไม่ใช่แจ๊ส ... เพราะถ้าจอดหัวพอดี ท้ายจะยื่น ถ้าจอดท้ายไม่ยื่น หัวจะไปขวางทางเข้าครับ ...
คุณเธอก็เข้าไปจอดครับ ท้ายก็ยื่นสิครับ แท็กซี่คันหน้าผมมันก็ไปไม่ได้ ก็บีบแตรไปหน่อย ... คุณเธอคงรู้ว่าท้ายยื่น ก็เลื่อนไปข้างหน้าให้ท้ายพ้น ... แท็กซี่ก็ตรงผ่านไป .... ผมต้องการเลี้ยวเข้า ซึ่งผมเล็งวงเลี้ยวแล้ว ก็เห็นว่าหัวรถเขาขวางอยู่ .... ตอนนี้ตัวรถผมปิดท้ายรถเขาไปแล้ว ...
ผมก็ตีไฟเลี้ยว รอสัก ๕ วิครับ ไม่เห็นทำอะไร ก็บีบแตร .... บีบยาว ๆ แบบจะบอกว่า ไปซีว๊อย

..... ปรากฏว่าคุณเธอเข้าเกียร์ถอยหลังแทน
พอเห็นไฟถอย ผมก็มองข้างหลัง ปรากฏว่ารถตามมาเป็นพรวน ... เอาล่ะซี ทำไงดีหว่า ... ผมก็บีบแตรไล่อีก ๒-๓ ครั้ง เพราะผมเห็นว่า ทางออกสบาย ๆ ของปัญหานี้ ต้องให้คุณเธอหักขวาหน่อย แล้วเลี้ยวเข้าซอยไปเสีย แล้วค่อยไปวนรถหลังตลาดออกมาใหม่ (ถ้าอยากจอดข้างถนนจริง ๆ) ....
ไม่มีเสียล่ะ ... ไฟถอยยังหราอยู่ ... ผมก็เลยหักขวา ตีวงไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) หักรถเข้าไปเทียบ เพื่อให้เห็นชัด ๆ ว่า กรูจะเลี้ยว เอ็งอยากถอยก็ถอยหลบไปซะ ...
คุณเธอเปิดกระจก ชะโงกหน้ามาตะโกน "จะถอย จะถอย" .... จะถอยได้งัย ผมขวางอยู่ทั้งคัน ... พอผมหลบมาให้แล้ว ยังไม่สำเหนียก พูดต่อ " ก็ไปซี่" โดยที่ตัวเองยังไม่ถอย (คงคิดว่าผมบีบแตรหาเรื่อง หรือพิศวาสคุณเธอมากนัก) ....
จะไปได้งัยครับ ทางเข้าเหลือแค่นั้น ถ้าไม่บวกขวาเข้าวินมอเตอร์ไซด์ ก็บวกซ้ายเข้ากันชนรถคุณเธอ ต่อให้ยอมบวกกับมอเตอร์ไซด์ ข้างรถของผมก็บวกกับกันชนของเธออยู่ดี ....
ผมเลยตะโกนกลับไปโดยไม่ได้เปิดกระจกว่า (ทำมือไปด้วย) "ก็ทางมันแคบ จะไปได้งัย จะถอยก็ถอยไปซี่" ... เธอก็ยังตะโกนกลับมาแบบท้าทายว่า "ไปซี่" (คงหมายความว่า แน่จริงมรึงก็ไปให้ได้ซีวะ

) ... บังเอิญผมพิจารณาเห็นว่า เก็บเงินไว้เติมน้ำมัน ดีกว่าต้องไปทำสีรถใหม่ ผมเลยย้อนกลับไปแบบเดิมว่า "ก็ถอยไปซี่" ...
คันหลังผมเห็นเหตุการณ์อยู่แล้ว ไม่ได้เลื่อนรถตามผมมา คุณเธอมีที่เหลือพอถอยแน่ ... หลังจากที่ผมไม่เปิดกระจกไปต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็เลยถอยไป ....
พอข้างหน้ารถผมมีช่องเพียงพอ ผมก็เลื่อนรถไป ... ซึ่งผมก็มองเห็นชัด ๆ ว่า ขนาดรถคุณเธอถอยไปแล้ว ข้างรถของผมยัง *เฉียด* หน้ารถเธอไปเล็กน้อยเท่านั้น
ผมวิ่งไปปกติ ไม่ได้กรรโชกโฮกฮากแต่อย่างใด (เพราะน้ำมันแพง) พอพ้นวินมอเตอร์ไซด์ ก็ได้ยินเสียงแตรส่งท้ายมาหน่อย คงหมายความว่า ... แน่จริงอย่าเพิ่งไปซี่ ....
เรื่องอะไรผมจะหยุด

ผมก็ตรงไปหาที่จอดข้าง GOLD market ตามปกติครับ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า .... ไม่รู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่งี่เง่า

ส่วนเรื่องของ จขกท. ... ท่านได้ทำถูกต้องแล้ว ... ต่อให้มีปืนเหน็บหลังอยู่ ก็ควรทำเช่นนี้ครับ
อย่าคิดมาก วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องงี่เง่าให้หงุดหงิดอีกเยอะครับ
