*** หุ้ น 2 5 5 7 ***

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:38:10 น.
หุ้นก่อนเลือกตั้งแกว่งขึ้น 2-6% เล่นเก็งกำไรยากขึ้น-พักยกตลาดกระทิงShare14

ตลาดหุ้นในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง 1-2 เดือนนี้ ถูกตั้งเป็นประเด็นร้อนในกลุ่มนักเล่นหุ้นที่รอคอยจังหวะฟันกำไรกันมันมือ ทำให้บริษัทหลักทรัพย์หรือบรรดาโบรกเกอร์ทั้งหลาย ต่างเฟ้นหากลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้ขึ้นมานำเสนอกันอย่างต่อเนื่อง

ทาง "ประชาชาติธุรกิจ" จึงได้รวบรวมมุมมองของนักวิเคราะห์มานำเสนอทิศทางตลาดหุ้นจากนี้ไป พร้อมกับกลุ่มหุ้นที่ถูกโฟกัสกันมาก

ช่วงนี้มีแต่โบรกเกอร์มองว่าข่าวเลือกตั้งจะมีเงินสะพัดหนุนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น มีการนำสถิติการปรับตัวขึ้นของดัชนีในช่วงเลือกตั้งแต่ละครั้งมาประเมินทิศทางการปรับขึ้นในรอบนี้เช่นกัน

ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ โดยนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย ได้ออกมาประเมินทิศทางตลาดหุ้นในช่วงนี้ว่า จากข้อมูลสถิติทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

โดยพบว่า ช่วงก่อนการเลือกตั้งหลายครั้ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการแกว่งตัวขึ้นที่ราว 2-6% จึงคาดว่าการเลือกตั้งรอบนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมจากนี้ไป ดัชนีตลาดน่าจะปรับตัวอยู่ระดับ 1,070-1,100 จุด

"ตลาดหุ้นในเดือนนี้คงไม่ใช่ช่วง bullish (กระทิง) มากนัก คือตลาดยังเป็นขาขึ้น แต่ก็มีโอกาสพักฐานจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน ดังนั้นตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 นี้ ยังมีจังหวะซื้อได้ และในไตรมาส 4 เชื่อว่าดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ เพราะคาดว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะลดลง ดังนั้นดัชนีปลายปีน่าจะวิ่งไปแตะที่ 1,200 จุดได้" นายสุกิจกล่าว

หุ้นช่วงสั้น "เก็งกำไรยากขึ้น"

แต่อีกด้านหนึ่งของฝั่งโบรกเกอร์ที่มองตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสูงก่อนหน้านี้ ดังนั้นการเล่นหุ้นหวังทำกำไรระยะสั้นในช่วงเลือกตั้งรอบนี้อาจไม่ได้สูง หรือไม่ได้อย่างที่คาดหวังกันมากนัก

โดย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ เตือนว่า การเลือกหุ้นในช่วงนี้ค่อนข้างยากแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นหลายบริษัทได้ปรับขึ้นไปจนเกือบเต็มมูลค่า จึงไม่เหมาะที่จะเล่นหุ้นระยะสั้น แต่หากยังต้องการจะลงทุนจริง ๆ กลุยทธ์ที่จะใช้ได้ก็ต้องเป็นการเลือกหุ้นรายตัว หรือถือระยะยาว

"หุ้นในไตรมาส 2 ยังพอมีทิศทางที่ดีจากประเด็นการเลือกตั้ง ทำให้มีเม็ดเงินสะพัด รวมถึงการหาเสียงนโยบายเศรษฐกิจก็น่าจะกระตุ้นให้หุ้นขึ้นไปได้ถึง 1,100 จุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าจะเล่นสั้น โดยพิจารณาเป็นรายกลุ่มก็ค่อนข้างยาก เพราะหลายตัววิ่งขึ้นไปมากจนใกล้เต็มมูลค่าแล้วก็ต้องเลือกหารายตัวไป" นายไพบูลย์กล่าว

ส่วน นายมงคล กิตติภูมิวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.กรุงศรีอยุธยา มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า สถานการณ์ในช่วงนี้มีหลายความเสี่ยงที่เป็นประเด็นเปราะบาง เช่น ข่าวลือการปฏิวัติ หรือประเด็นทางการเมืองอื่น ๆ ซึ่งอาจกดดันให้ดัชนีปรับลดลงได้ถึง 1,000-1,050 จุด

ทั้งนี้คาดแรงเทขายส่วนหนึ่งอาจมาจากนักลงทุนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย เช่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น แต่ถ้าเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทยมานาน เช่น ประเทศในยุโรป เอเชีย คงไม่หวั่นไหวมากนัก

นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า ดัชนีที่แนวรับระดับ 1,000 จุด ถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง หากจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้ก็จะเป็นเรื่องของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนมากกว่า

โฟกัสกลุ่มหุ้นรายตัวร้อน

สำหรับกลุ่มหุ้นที่มีทิศทางปรับตัวขึ้นรับข่าวช่วงเลือกตั้งรอบนี้ ส่วนใหญ่โบรกเกอร์ โหวตให้กลุ่มหุ้นเด่นเป็นกลุ่มสื่อ เนื่องจากได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ตามด้วยกลุ่มกลุ่มอุปโภคและบริโภค ที่คาดยอดขายจะปรับตัวสูงขึ้นจากการใช้จ่ายของประชาชน

ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ชูธีมกลยุทธ์เล่นหุ้นรอบนี้ว่า หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มสื่อจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด ส่วนตัวหุ้นที่เฟ้นมาให้เลือกลงทุนจะเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับอุปโภคบริโภค (domestic play) เช่น สยามแม็คโคร (MAKRO) และโฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)

นอกจากนี้ยังมีหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ หุ้นสินค้าคอมมิวนิตี้ เช่น บ้านปู (BANPU) ไทยออยล์ (TOP) และปูนซิเมนต์ไทย (SCC)

"เราคาดว่าการเลือกตั้งในรอบนี้จะมีเม็ดเงินในการใช้จ่ายสะพัดราว 2-3 หมื่นล้านบาท" นายสุกิจกล่าว

ส่วน บล.กรุงศรีอยุธยา ก็ชูกลุ่มหุ้นสื่อและกลุ่มอุปโภคบริโภคเป็นหุ้นที่โดดเด่นในช่วงเลือกตั้งรอบนี้เช่นกัน นอกเหนือจากโบรกเกอร์อื่น ๆ ที่เห็นทิศทางเดียวกัน

ดึงพรรคการเมืองโชว์วิสัยทัศน์

เมื่อประเด็นการจัดเลือกตั้งเป็นปัจจัยที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนจึงสบโอกาสดึงพรรคการเมืองมาโชว์วิสัยทัสน์ด้านนโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนที่จะสนับสนุน

โดยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า การประชุมในคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยที่ผ่านมา

(9 พ.ค. 54) ได้มีการหารือถึงการจัดเวทีให้พรรคการเมืองมาโชว์วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจให้คนในวงการตลาดทุนได้รับทราบข้อมูล หรือแนวทางของแต่ละพรรค ที่ต้งการจะชูนโยบายในการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจอย่างไร โดยจะจัดเป็นครั้งที่ 2 คาดจะมีขึ้นในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้

นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมส่งหนังสือเชิญตัวแทนทีมเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมือง

เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช พรรคประชาธิปัตย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ พรรคเพื่อไทย นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน โดยจะให้แต่ละพรรคแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนอย่างไร เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีตลาดทุนโลก

นอกจากนี้จะมีเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ และตลาดเงินด้วย พร้อมกันนี้จะส่งคำถามต่าง ๆ ที่รวบรวมจากทุกภาคส่วนไปให้ทุกพรรคการเมืองล่วงหน้าเพื่อตอบโจทย์ให้ชัดเจน

ในงานนี้จะมีภาครัฐร่วมด้วย ได้แก่ สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และบริษัทจดทะเบียน

	ผู้เขียน	หัวข้อ: * หุ้ น 2 5 5 7 * (อ่าน 1048714 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้