เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 14, 2025, 10:45:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 574 575 576 [577] 578 579 580 ... 1105
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** หุ้ น 2 5 5 7 ***  (อ่าน 1047721 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #8640 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2011, 06:52:07 PM »

แต่เอาใจช่วยปูแดง ปูจ๋านะครับ บ้านเราจะได้เดินไปข้างหน้า ต่างชาติเขาบอกเราดีทุกอย่าง Grin Grin Grin ยกเว้นไม่มีความสามัคคี

ขอให้รวย
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #8641 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2011, 07:50:43 PM »

เวรกำมีจิง  แล้วข้าวแกง ราคาอาหารที่ขึ้นไปช่วงต้นปี จะทำไง ขึ้นไปแล้วลงมั้ย แบร่



จ๊ากปาล์มล้นสต๊อกเอกชนจี้"ปู"แก้ด่วน



นางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ เลขาธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรและ ผู้ประกอบการในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันกำลังจับตามองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ จะมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบาย ปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เพื่อมาแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้ คือ น้ำมันปาล์มล้นตลาด เนื่องจากการบริโภคในประเทศถึงจุด อิ่มตัว ทำให้โรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันปาล์มต้องส่งออกน้ำมันปาล์มไปขายต่างประเทศในราคาขาดทุนกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 1 บาท ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ไทยมีสต๊อกน้ำมันปาล์มถึง 220,000 ตัน ขณะที่ปริมาณการบริโภคยังไม่เพิ่มขึ้น เพราะยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ซื้อตุนไว้มากจนไม่รับซื้อเพิ่ม สำหรับแผนเบื้องต้นที่จะเสนอให้ประธานกนป.คนใหม่พิจารณา คือการเพิ่มปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศ และซื้อน้ำมันปาล์มที่กำลังล้นตลาดในขณะนี้ออกไปจากตลาดประมาณ 50,000 ตัน
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #8642 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 01:50:01 PM »

แดงตั้งแต่เช้าเลย.....เฮ้ออ
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
...อภิสิทธิ์ ...
จะรักและซื่อสัตย์ต่อลูกโม่ S&W ตลอดไปชั่วฟ้าดินสลาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 652
ออฟไลน์

กระทู้: 3595



« ตอบ #8643 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 03:37:00 PM »

ครึ่งเช้า วันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ฝรั่ง Net buy 420 M.
บันทึกการเข้า

There are experienced shooters who are just die-hard fans of revolvers. They do practice regularly and have had plenty of training, and for whatever reason they just prefer revolvers over semi-autos. And for the record, no, not all of them are dudes with gray hair.
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8644 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 03:52:53 PM »

มันสู้กันแถวนี้ หุ้นก็ขลุกขลิกไม่ไปไหน... แต่หุ้นใหญ่แบงค์ น้ำมัน อสังหาฯ เกิดสัญญาณขายเป็นแถบๆครับ...

เช่น KTB, BBL, LH, Glow, Prin, PTTEP, SCB, SCCC, RATCH ฯลฯ... ส่วนพวกที่ยังไม่ขึ้นเมื่อช่วงหลังเลือกตั้ง ก็ไซด์เวย์ครับ...

ช่วงนี้นายสมชายนั่งดู คงไม่คัตลอส เพราะหาก Set ไม่ลงมาปิด Gap ยังไงหุ้นที่ยังไม่ขึ้นก็ต้องขึ้นครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8645 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 04:06:00 PM »

หุ้นตระกูล ปตท. และหุ้นน้ำมันหลายตัว... กลับมาแถวๆที่เดิมก่อนเลือกตั้งเฉยเลย... โห...
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8646 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 04:32:52 PM »

ยังถืออยู่ครบครับ CK, CPF, CPALL และ SSI ไม่ลงมาปิด Gap ไม่ขายครับ.....Grin
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8647 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 04:45:16 PM »

มันสู้กันแถวนี้ หุ้นก็ขลุกขลิกไม่ไปไหน... แต่หุ้นใหญ่แบงค์ น้ำมัน อสังหาฯ เกิดสัญญาณขายเป็นแถบๆครับ...

เช่น KTB, BBL, LH, Glow, Prin, PTTEP, SCB, SCCC, RATCH ฯลฯ... ส่วนพวกที่ยังไม่ขึ้นเมื่อช่วงหลังเลือกตั้ง ก็ไซด์เวย์ครับ...

ช่วงนี้นายสมชายนั่งดู คงไม่คัตลอส เพราะหาก Set ไม่ลงมาปิด Gap ยังไงหุ้นที่ยังไม่ขึ้นก็ต้องขึ้นครับ...

พี่สมชายครับ Set อาการแบบนี้ มีโอกาสจะเป็นรูปแบบ Island Reversal ไหมครับ....
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8648 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 04:52:30 PM »

ต่อไปหลายคนอาจอยากทำงานราชการมากขึ้นครับ เงินดี สวัสดิการเยี่ยม แต่ระวังเงินเฟ้อไว้ก็ดีครับ เม็ดเงินในระบบมากขึ้นแต่มูลค่าสินค่าเท่าเดิม
...............................

ทุ่ม 5 หมื่นล้านปรับเงินเดือนขรก.แบบ"คลื่นกระทบฝั่ง"

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

นโยบายปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ 1.5 หมื่นบาทเป็นนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยรณรงค์หาเสียง และจะเริ่มทำทันที 1 ต.ค.นี้

ทีมนโยบายพรรคเพื่อไทย เตรียมการสำหรับนโยบายการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน เพื่อให้เป็นไปตามที่พรรคให้คำมั่นสัญญาไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดยประเมินว่างบประมาณเพื่อสนับสนุนนโยบายนี้จะไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณปี 2555 ใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากจะมีการปรับงบที่ตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่สอดคล้องกันนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาใช้จ่ายในส่วนนี้แทน

สำหรับเงินเดือนข้าราชการขณะนี้ ผู้ที่จบปริญญาตรี ได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนจาก 7,940 บาท เป็น 8,700 บาทต่อเดือน ผู้จบปริญญาโทปรับเงินเดือนจาก 9,700 บาทเป็น 12,000 หมื่นบาทต่อเดือน และผู้จบปริญญาเอก ปรับเงินเดือนจาก 13,110 บาท เป็น 16,200 บาทต่อเดือน

ขณะที่สำนักงาน ก.พ.ขณะนั้น มีมาตรการสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการในระบบที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าข้าราช การบรรจุใหม่ โดยปรับเพิ่มเงินเดือนให้ 2 ขั้นทุกคน หรือประมาณ 6% จากนั้นก็มีการปรับเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ 5% ในระยะต่อมา

ในส่วนโมเดลการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการนั้น ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยเสนอมา 3 แนวทาง ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี พิจารณา ได้แก่ 1.การปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาทครั้งเดียว 2.การปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาทภายใน 2 ปี 3.การปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาท ภายใน 4 ปี ส่วนจะเลือกแนวทางไหนขึ้นอยู่กับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่

"พรรคหาเสียงว่าจะปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาท แนวโน้มน่าเป็นการปรับทีเดียว  ถ้าทยอยปรับเพิ่มให้เป็น 1.5 หมื่นบาท ภายใน 4 ปีอย่างนี้ก็ไม่ต้องไปปรับดีกว่า เพราะในอีก 4 ปีเงินเดือนข้าราชการเขาก็เพิ่มเป็น 1.5 หมื่นหรือมากกว่าอยู่แล้ว ส่วนเงินที่จะใช้คงไม่ใช่ 4 แสนล้านบาทเหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์พูด แต่อย่างมากก็ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท"

แนวทางการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการครั้งนี้ อาศัยหลักการที่ว่า หากเงินปัจจุบันได้มาก เงินในอนาคตจะต้องได้น้อยลง และหากเงินเดือนในปัจจุบันได้น้อย เงินในอนาคตจะต้องได้มาก เช่น ปัจจุบันเงินเดือนของเอกชนอยู่ในระดับที่สูง แต่เงินที่จะได้รับหลังการเกษียณอายุจะน้อย ขณะที่ภาคราชการเงินปัจจุบันจะได้น้อย แต่เงินในอนาคตหรือเงินหลังเกษียณอายุจะได้มาก เช่น เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 50-60% ของเงินเดือน และยังไม่รวมสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาลตัวเอง และพ่อแม่ เป็นต้น

วิธีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการที่คิดขึ้นมานั้น คือ ข้าราชการแรกเข้าที่บรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 1 ม.ค.2555 จะได้ปรับเงินเดือนเพิ่มจากอัตราเงินเดือนแรกเข้าที่ 9,140 บาท เป็น 1.5 หมื่นบาททันที เพิ่มขึ้น 64% ส่วนข้าราชการที่ทำราชการก่อนหน้านั้น 1 ปี จะได้รับการปรับเงินเดือนในอัตราเท่ากับข้าราชการแรกบรรจุ แต่เงินเดือนจะมากกว่าข้าราชการเข้าใหม่ เพราะในช่วงที่ทำราชการก่อนหน้านี้ 1 ปีข้าราชการกลุ่มนี้จะได้รับการปรับเงินเดือนและเลื่อนขั้นเงินเดือนตามปกติ อยู่แล้วประมาณ 6-10%

ขณะที่ข้าราชการที่มีระยะเวลาราชการตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ก็จะได้รับการปรับเงินเดือนเช่นกัน แต่ได้เงินจำนวนที่น้อยกว่า เช่น อาจจะเพิ่มขึ้น 3-4 พันบาทต่อเดือน แต่มีหลักการที่สำคัญ คือ ข้าราชการที่มีอายุราชการนานกว่า จะได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าข้าราชการที่มีอายุราชการน้อยกว่า เรียกว่าเป็นการปรับแบบคลื่นกระทบฝั่ง คนที่เข้ามาใหม่จะได้เพิ่มเงินเดือนประมาณ 5 พันบาท ส่วนคนที่อายุราชการนานกว่าก็จะได้รับการปรับเงินเดือนลดลงตามลำดับ แต่จะต้องได้เงินเดือนมากกว่าคนที่มีอายุราชการน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นสำหรับข้าราชการแรกบรรจุใหม่และข้าราชการในระบบท ี่ได้รับการปรับเงินเดือนน้อยกว่า เงินเดือนที่ข้าราชการบรรจุใหม่ได้ 1.5 หมื่นบาทนั้น จะมีการแบ่งเงินเดือนบางส่วน เพื่อเข้าสู่ระบบการสร้างประกันให้ข้าราชการ เช่น สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล หรือเงินที่จะได้ในยามเกษียณอายุราชการ เพื่อลดภาระการใช้จ่ายงบประมาณในระยะยาวของรัฐบาล เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือเงินบำเหน็จบำนาญ เป็นต้น

"ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าระบบประกันของข้าราชการบรรจุใหม่ จะอยู่ในรูปแบบใด แต่อาจมีลักษณะเช่นเดียวกับเอกชนก็ได้ เช่น การส่งเงินข้าสู่ระบบประกันสังคม หรือการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรืออาจนำรูปแบบที่มีอยู่แล้ว เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มาปรับใช้"

ทั้งนี้แม้งบประมาณในปัจจุบันจะมีสัดส่วนงบประมาณที่ใช้ในด้านบุคลากร 40% ของเงินงบประมาณ แต่หากพิจารณาเฉพาะเงินเดือนข้าราชการและบุคลากรประเภทอื่นจะอยู่ที่ประมาณ 4.7 แสนล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น หากปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตามวิธีการที่พรรคเสนอ ก็จะใช้เงินไม่ถึง 4 แสนล้านบาทแน่นอน สำหรับบุคลากรภาครัฐที่มีประมาณ 2 ล้านคน

อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการเกิน 10% จะต่อมีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพราะกฎหมายกำหนดให้การปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการปรับได้ไม่เกิน 10% หากปรับมากกว่านั้นก็ต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว

พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่านโยบายนี้ทำได้จริง การปรับเงินเดือนข้าราชการอย่างเร็วสามารถทำได้ในเดือน ม.ค.หรืออย่างช้าก็ไม่เกินเดือน เม.ย. แต่จะขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ว่าจะตั้งรัฐบาลและการแถลงนโยบายเมื่อใด ส่วนการปรับ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2555 และการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องคงใช้เวลาไม่นาน
บันทึกการเข้า
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #8649 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 05:14:30 PM »

นั่งดูครับ......ไม่ซื้อไม่ขาย....ติดอยู่.....มีทั้งขาดทุน กําไรนิดๆ และเท่าทุน.....

บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8650 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 06:17:14 PM »

รายย่อยโดนรุมครับ......Grin

...........................

สรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 11 ก.ค. 2554 
หน่วย: ล้านบาท


นักลงทุน ซื้อ ขาย สุทธิ
มูลค่า  %  มูลค่า  %  มูลค่า  % 
สถาบันในประเทศ 2,630.28 8.96  5,368.91 18.29  -2,738.63 
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 2,314.81 7.89  2,770.34 9.44  -455.53   
นักลงทุนต่างประเทศ 7,877.86 26.84  8,235.80 28.06  -357.94 
นักลงทุนทั่วไปในประเทศ 16,532.38 56.32  12,980.27 44.22  3,552.10 
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8651 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 06:18:11 PM »

ภาวะตลาดอนุพันธ์: ตลาดร่วง​แรง หลังนลท.กังวลปัญหาหนี้สินยุ​โรปลุกลาม​ถึงอิตาลี
........................................................... ...

ข่าวหุ้น-​การ​เงิน สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2554 17:27:30 น.

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ​ผู้ช่วย​ผู้จัด​การฝ่ายวิ​เคราะห์หลักทรัพย์ บล.​เคจี​ไอ (ประ​เทศ​ไทย) กล่าวว่า ตลาด Set50

Futures วันนี้ปรับตัวลง​แรงตามตลาด​โดยรวม จาก​ความกังวลปัญหาหนี้สิน​ในยุ​โรปที่มี​แนว​โน้มจะลุกลาม​ไป​ถึงอิตาลีหลังมีข่าวรมว.

คลังอิตาลีลาออก ​เนื่องจากอิตาลีถือ​เป็นประ​เทศขนาด​ใหญ่อันดับ 3 ของยุ​โรป หาก​เกิดวิกฤติจะ​ทำ​ให้ปัญหาลุกลาม​และส่งผลกระทบ
มากขึ้นอีก

"​เย็นนี้มี​การประชุมฉุก​เฉินของสภายุ​โรป ​เกี่ยวกับวิกฤติหนี้​ในยุ​โรป ​ซึ่ง​เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าอัตราผลตอบ​แทน

พันธบัตรอิตาลี​เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ อาจ​ทำ​ให้นักลงทุนประ​เมินสถานะ​การ​เงินของอิตาลีอาจมีปัญหา"นายพงศ์ภัทร กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด​ทั้งปัญหา​เงิน​เฟ้อของจีนที่ยังอยู่​ในระดับสูงที่ 6.4% ​ซึ่งตลาดคาด​การณ์ว่า​เงิน​เฟ้อ

ของจีนจะอยู่ระดับสูงสุด​ในช่วง​เดือน ก.ค.-ส.ค.​แต่อาจมีลดลงบ้างบางช่วง ​แต่​โดยรวมยังทรงตัว​ในระดับสูงต่อ​ไป​จึงยังสร้าง​แรงกด
ดันต่อตลาด

สำหรับกลยุทธ์​การลงทุน หากตลาดยัง​แกว่งตัว​ในกรอบ 750-770 จุด มองยัง​เป็นขาขึ้น ​แต่หากหลุด 750 จุด มี​โอกาส

ที่จะลงมาอยู่ที่ 738-748 จุด ​และ 730 จุด ​โดยระดับ 750 จุด ​เป็นสัญญาณสำคัญที่มีผลต่อตลาด ดังนั้น ถ้าดัชนี​ไม่หลุด 750 จุด มี

​โอกาสขึ้น​ไปที่ 770 จุด ​ให้​เปิดสถานะ long ​โดยมีจุด stop loss ที่ 748-750 จุด ​แต่หากหลุด 750 จุด ​ให้รอ​เปิด short ที่
​แนวรับ

ส่วนตลาดทองคำ ​ในระยะสั้นยัง​ได้​แรงหนุนจากประ​เด็นปัญหาของอิตาลี ​เนื่องจาก​เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ​แต่​เงินบาทที่

​แข็งค่า ​ทำ​ให้จำกัดกรอบ​การขึ้น ดังนั้น ​แนะ​ให้รออ่อนตัว​เข้า​เปิดสถานะ long ​โดย​ให้​แนวรับที่ 22,300 บาท ​แนวต้าน
22,400 /22,550 บาท
ดัชนีอ้างอิงวันนี้ SET50 Index อยู่ที่ 753.59 จุด ลบ 9.76 จุด (-1.28%)
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8652 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2011, 06:22:09 PM »

พี่สมชายครับคุณพ่อขอให้วิเคราะหฺ์ JAS, PTT และ BBL ให้ด้วยนะครับ....... ไหว้
บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #8653 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2011, 01:20:24 AM »

ดร.นิเวศน์ เริ่มลดพอร์ตลงทุน เผยถือเงินสดมากสุดในรอบ 10 ปี

วันนี้ (29 พ.ค.)มหาวิทยาลัยชินวัตร ได้จัดสัมมนาในหัวข้อ”ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลัง” อดีตผู้จัดการตลาด หลักทรัพย์ มองหุ้นครึ่งหลังผูกชะตาไว้กับการเมือง ขณะที่ดร.นิเวศน์ เริ่มลดพอร์ตลงทุน เผยถือเงินสดมากสุดในรอบ 10 ปี

โดยดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดหุ้น ให้ความเห็นว่า ปัจจัยการเมืองถือเป็นตัวแปรสำคัญของการงทุนในตลาดหุ้น เพราะยังมีความไม่แน่นอน โดยส่วนตัวได้เพิ่มการถือครองเงินสด 5-6% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีของการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะโดยปกติตนจะลงทุนเต็ม 100% ทั้งที่ผ่านมาก็ได้มีการทยอยขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงไปบ้าง แต่ยังไม่ได้ซื้อกลับในช่วงนี้ คงต้องรอภาพการเมืองให้มีความชัดเจนก่อน
“สิ่ง ที่ผมกลัวก็คือ เวลานี้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทย และระดับราคาหุ้นในตลาดก็ตอบรับกับความเชื่อ มั่นไปแล้ว แต่หากผลการเลือกตั้งหรือการจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปอย่างที่เค้าเชื่อ ก็น่ากลัว โดยเฉพาะในช่วงใกล้เลือกตั้งและเลือกตั้งเสร็จแล้ว อาจมีเซอร์ไพร้ส์ทำให้คนขายหุ้นออกมาได้ ”

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง อธิการบดี มหาวิทยาลัยชินวัตร และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง ตัวแปรที่สำคัญก็คือการเมืองในประเทศ ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาปัจจัยที่ส่งผลกรทบต่อตลาดหุ้นจนมีรงขายออกมาหนักๆ จะมาจากปัจจัยภายนอก

โดยประเมินว่าหลังจากการเลือกตั้งไม่ว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาล เชื่อว่าจะเริ่มเห็นจุดเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคการเมืองส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างราย ได้ให้ประชาชน โดยเฉพาะนโยบายการเพิ่มค่าแรง ซึ่งจะทำให้กลุ่มแรงงานมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และก็จะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการแต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ประกอบกับพรรคการเมืองก็มีนโยบายลดภาษีนิติบุคคลมาเป็นตัวช่วย ซึ่งจะช่วยทุเลาต้นทุนของผู้ประกอบการได้ ทั้งนี้นโยบายลดภาษีก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนได้อีกด้วย

แหล่งที่มา กรุงเทพธุรกิจ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8654 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2011, 08:37:50 AM »

พี่สมชายครับคุณพ่อขอให้วิเคราะหฺ์ JAS, PTT และ BBL ให้ด้วยนะครับ....... ไหว้

Jas ย้ายแนวปะทะลงมาข้างล่างแล้วครับ มาอยู่ที่ 3.16 เป็นราคาเปิดของวันที่ 10 พ.ค. 54, โดยหากเราดูที่กราฟแท่งเทียน จะเห็นเป็นขอบบนของลำเทียนครับ...

PTT อาการไม่ดีตั้งแต่มันหลุดขอบ Gap ลงมาปิด Gap แล้วแถมยังหลุดขอบ Gap ล่างลงมา... มีโอกาสสูงที่จะลงมาที่ 328 แล้วหากหลุดก็จะลงมาที่ 323 หากหลุด 323 คือขาลงอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าหลุดแนวหลังสุดนี้ต้อง Short สถานเดียวครับ...

BBL น่ากลัวลงมาปิด Gap ครับ... อาจมีชะงักที่ 161 และ 160 ตามแนวกราฟหยักของวันที่ 31 พ.ค. - 3 มิ.ย. 54 ครับ...

ทั้งสามตัวมี Jas สามารถลุ้นให้สู้กันที่ 3.16 แล้วค่อยตัดสินใจ(เพราะเข้าใจว่ายังเจ็บไม่มาก), แต่ 2 ตัวที่เหลือนั้นคนที่ถืออยู่ส่วนใหญ่ขาดทุนไปแล้วครับ... นายสมชายนั่งพิจารณากราฟอยู่นาน แต่ในที่สุดจำเป็นต้องบอกแบบตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่ามันไม่น่าฟังครับ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 574 575 576 [577] 578 579 580 ... 1105
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 21 คำสั่ง