
ดีใจครับ ที่มีพี่ๆเพื่อนๆ มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น มาร่วมสนทนากันในกระทู้ของพวกเรา
"คนสนใจ คูก้า 8000" กันแล้ว
วันนี้ผมบังเอิญไปพบหนังสือ อวป.เก่า ตั้งแต่สิงหาคม 2541 พบว่า
CZ เคยใช้ลำกล้องหมุนมาก่อน !!!

ลองดูข้อมูลนะครับ อาจจะยาวหน่อยครับ
"......เมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครังที่1(WW1..คศ.1914-1917) โรงงานเมาเซอร์และโรงงานผลิตอาวุธปืนต่างๆของเยอรมันต้องถูกบังคับให้รื้อถอนทำลาย ..ตามสนธิสัญญาแวร์ซาย โรงงานเมาเซอร์จึงรับข้อเสนอ
ไปตั้งโรงงานผลิตอาวุธที่เมืองบรอโน(Brno) ในเชคโกสโลวาเกีย เมื่อคศ.1919 ในบรรดาอุปกรณ์ทั้งหมดจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตปืนไรเฟิล เมาเซอร์ โมเดล 98K และปืนสั้นระบบนิคคล(Nickl) ซึ่ง โจเซฟ นิคคล(Josef Nickl)
ก็ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองบรอโน เพื่อรับผิดชอบติดตั้งเครื่องจักรและเริ่มผลิตปืนไรเฟิล
ปืนนิคคลเป็นปืนแบบพิสตอล ปฏิบัติการยิงหลักด้วยหลักการรีคอยล์ระยะสั้น มีการล็อกระบบการยิง
ด้วยวิธีหมุนลำกล้องรอบแนวลำกล้องเอง คล้ายกับระบบการทำงานของปืนสไตเออร์ โมเดล12 .....คณะกรรมา
ธิการฝ่ายทหารของกระทรวงกลาโหม ได้ให้ทำการทดสอบปืนพิสตอล นิคคล พร้อมๆกับปืนPraga และปืนTomiska ปืนนิคคลได้รับการพิจารณาตัดสินว่า ดีที่สุด ทั้งในด้านประสิทธิภาพ และความแม่นยำ
.....500กระบอกแรกให้ส่งให้กองทัพบกทดสอบ ปรากฏคำตัดสินออกมาว่า ให้ทำขึ้นใช้ในราชการ กองทัพบก
เชคโกสโลวาเกีย....คณะกรรมาธิการเสนอแนะให้ประทับตราที่ปืนว่า 9 mm. N.Sc st. Zbrojovka Brno ให้ใช้ในราชการทหาร ภายใต้ชื่อรุ่นว่า Army Pistol mod.22 แม้ว่าปืนจะได้รับการปรับเปลี่ยนให้ใช้กับกระสุน
ที่มีพลังต่ำลง แต่ระบบปิดท้ายลำกล้องและระบบล็อกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย....
มีการผลิตในเมืองบรอโนไม่นาน ในปี 1923 จึงย้ายการผลิตปืนสั้นไปที่เซสก้าซโบรจอฟก้า ใน
สตราโคนิซ(Ceska Zbrojovka in Strakonice) ที่นั่นได้มีการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆทางกลไก รูปร่างปืนให้จับถือ
สะดวกขึ้น แล้วได้บรรจุเข้าใช้ในกิจการกองทัพบกเป็น โมเดล 24
ปืนโมเดล 24 ที่ ซีแซดสตาโคนิซ เป็นผู้จัดส่งให้กองทัพบกและหน่วยลาดตระเวนชายแดนประมาณ
สองหมื่นกระบอกได้รับการปรับปรุงโดยขยายท้ายลำกล้องขึ้นเท่านั้น ในคำอธิบายแนะนำวิธีใช้ปืนโมเดล24
บรรยายไว้ว่า เป็นปืนที่ออกแบบผลิตออกมาอย่างดีเยี่ยม มีความปลอดภัยสูง ยิงได้อย่างแม่นยำ เชื่อถือไว้วางใจได้ ควบคุมง่ายและรวดเร็ว .....ฯลฯมีตัวอักษรพิมพ์ประทับไว้ว่า CESKA ZBROJOFKA A.S. V PRAZE ประกับ
ด้ามที่เป็นไม้เรียบเดิม ใช้พลาสติกมีตรา ซีแซด แทน....
เชคโกสโลวาเกียถูกเยอรมันเข้ายึดครองในตอนเริ่มสงครามโลกครั้งที่2 กองทัพบกเยอรมันก็เอา
โมเดล24 ไปใช้ สำหรับเหตุผลที่เปลี่ยนจากลำกล้องหมุน มาใช้แบบโบล์วแบค เกิดเมื่อหลังปี 1920 ฟรานติเซก
มิสก้า(Frantisek Myska)หัวหน้าฝ่ายออกแบบของซีแซด ได้พัฒนาเป็นโมเดล27 และเริ่มผลิตในปี 1927
ปืนรุ่นแรกมีตราประทับไว้ว่า CESKA ZBROJOFKA A.S. V PRAZE ในราวปี 1939 ปืนรุ่นนี้เริ่มมีตราประทับว่า Pistol Model 27 kal7.65และ BOHMISCHE WAFFENFARBRIK A.G. IN PRAG
.
สรุปว่า
1)ซีแซด แห่งเชคโกสโลวาเกีย โดยโจเซฟ นิคคล(Josef Nickl,1919) เป็นผู้นำระบบลำกล้องหมุน
มาใช้ในปืนพิสตอลของเชคโกสโลวาเกีย
2)ระบบลำกล้องหมุน ได้รับการพิสูจน์โดยคณะกรรมาธิการฝ่ายทหารของกระทรวงกลาโหม แห่งเชคโกสโลวาเกีย
ว่าเป็นระบบที่ดี และถูกยืนยันว่าดีจริงโดยเยอรมันนำไปใช้ด้วย

3)ระบบลำกล้องหมุนในซีแซด ของโจเซฟ นิคคล(Josef Nickl,1919) ถูกเปลี่ยนเป็นระบบโบล์วแบค โดย
ฟรานติเซก มิสก้า(Frantisek Myska,1927)หัวหน้าฝ่ายออกแบบของซีแซดเอง

วิเคราะห์
1)ระบบลำกล้องหมุน ไม่ได้ถูกยกเลิกไปเป็นโบล์วแบค เพราะเหตุผลทางคุณภาพ ประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ทราบว่า
เป็นเพราะเหตุใด ถ้าให้เดา เดาว่าหัวหน้าฝ่ายออกแบบของซีแซดสมัยนั้น อยากมีผลงานแทนที่คนเดิม

2)ต้นตระกูลของซีแซด แห่งเชคโกสโลวาเกีย คือเมาเซอร์ แห่งเยอรมัน เทียบเคียงกับเราที่ สโตเกอร์ คูก้า ก็คือ
บาเร็ตต้า แบบพูดง่ายๆ
สำหรับผมขอนำเสนอไว้เพียงเท่านี้ก่อน ขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นต่อไปครับ
