จากที่นี่
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=83225เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 มี.ค. ร.ต.ท.ชาคริต อินทรักษ์ ร้อยเวร สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกปล้นร้านทองแม่มาดี เลขที่ 44 ริมถนนสายบ้านปลายหริก-เคียนซา หมู่ 2 ต.เคียนซา จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมหมาย พุทธกุล รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.8 พ.ต.อ.อนุชน ชามาต์ ผกก.ศสส.ภ.8 พ.ต.อ.ชินวัฒน์ เปรมสง่า ผกก.สภ.เคียนซา นำกำลังตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีไปตรวจสอบ
ร้านทองที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียวอยู่ติดกับร้านมาดีเฟอร์นิเจอร์ ย่านตลาดเคียนซา พบว่ากระจกประตูหน้าร้านแตกกระจาย ภายในร้านบริเวณตู้ทองถูกคนร้ายทุบแตกกวาดสร้อยคอทองคำไปได้จำนวนหนึ่ง ที่พื้นพบซองกระสุนปืนกลแบบ 86 หรือปืนกลอูซี่ ของคนร้ายตกอยู่ 1 อัน มีกระสุนเต็มรังเพลิง ส่วนที่พื้นริมถนนหน้าร้านพบปืน .38 ของคนร้ายตกอยู่ 1 กระบอก กระสุนปืน .380 ออโตเมติก 3 ปลอก และปลอกกระสุนปืนลูกซอง 4 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนภายในร้านมาดีเฟอร์นิเจอร์ที่มีประตูทะลุออกมาจากร้านทอง พบศพหนึ่งในแก๊งโจรถูกยิงตายจมกองเลือด ตรวจค้นในกระเป๋าสตางค์พบบัตรประชาชนและบัตรประจำตัวสมาชิกตำรวจเอกชน อาสาจราจรจังหวัดนนทบุรี รหัสประจำตัว 3135 ระบุชื่อนายธวัช วงษ์เสถียร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 หมู่ 1 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ คลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายพรางทหาร นุ่งกางเกงยีนขายาวสีดำ สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาล สวมหมวกไหมพรมสีดำปิดใบหน้า สวมถุงมือสีน้ำตาล มือขวากำปืนกลอูซี่ไว้แน่น ส่วนมือซ้ายกำสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองยาวที่กลางใบหน้า 1 นัด
สอบสวนนางมณฑกานต์ บุญทอง อายุ 35 ปี เจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุให้การว่า ขณะนั่งในร้านกับ น.ส.ทิพย์วิมล แสงนิล อายุ 27 ปี ญาติที่มาช่วยขายทอง ระหว่างนั้นได้มีคนร้าย 4 คน ขับรถปิกอัพมาจอดหน้าร้าน โดย 2 คนถือปืนบุกเข้ามาในร้าน 1 คนยืนคุมเชิงอยู่หน้าร้าน และอีก 1 คนเป็นคนขับติดเครื่องเตรียมพร้อมอยู่ในรถ ด้วยความตกใจกลัวตนและ น.ส. ทิพย์วิมลรีบวิ่งหนีออกทางประตูด้านข้างเข้าไปในร้านมาดีเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นร้านของนายวัฒนชัย วงศ์ประภัย อายุ 52 ปี พี่ชาย พร้อมทั้งกดสวิตช์ไฟฟ้าปิดล็อกประตูกระจกหน้าร้านทอง ทำให้คนร้ายทั้ง 2 คนออกไปไม่ได้ ระหว่างนั้นนายยงค์ วงศ์ประภัย อายุ 56 ปี พี่ชายคนโต ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ รีบวิ่งเข้าไปหยิบปืนลูกซองยาว 5 นัด ในห้องนอนหลังร้านออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายวิ่งสวนออกมาทางประตูข้างเข้ามาในร้านเฟอร์นิเจอร์ นายยงค์จึงลั่นไกยิงใส่ 1 นัดล้มทรุดตายคาที่ เพื่อนอีกคนที่ถูกขังอยู่ในร้านเห็นท่าไม่ดี ใช้ด้ามปืนทุบกระจกหน้าร้านแตกกระจายแล้ววิ่งหนีออกไปด้วยความรีบร้อนจนอาวุธปืนหลุดมือ กระโดดขึ้นรถปิกอัพที่เพื่อน 2 คนรออยู่ขับพาเผ่นหนี นายยงค์ยังตามออกไปใช้ปืนยิงไล่หลังรถปิกอัพของคนร้าย กระสุนถูกล้อหลังด้านซ้ายจนแตก แต่ยังขับหนีไปได้
ต่อมา พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.หน.ศสส.ภาค 8 นำกำลังออกตามล่าแก๊งโจรปล้นทอง จนกระทั่งพบรถปิกอัพโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ปง 4283 กรุงเทพมหานคร ของคนร้าย มีป้ายทะเบียนปลอม หมายเลข ปง 8409 สุราษฎร์ธานี ปิดทับไว้ จอดทิ้งอยู่ริมถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด สายกระบี่-กาญจนดิษฐ์ บ้านท่าเรือ หมู่ 3 ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กม. ถูกยิงล้อหลังซ้ายแตก และมีรอยกระสุนที่กระจกหลังทะลุกระจกหน้า และท้ายกระบะ ที่พื้นข้างรถพบถุงมือสีน้ำตาล 1 คู่ และหมวกไหมพรม 1 ใบ ที่ถูกถอดทิ้งไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมกระจายกำลังออกตามล่าแต่ยังไม่พบตัว
พ.ต.อ.รณพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าแก๊งคนร้ายเป็นคนในพื้นที่ อ.บ้านนาเดิม มีการวางแผนปล้นมาเป็นอย่างดี โดยสวมถุงมือและใช้ทะเบียนรถปลอมเพื่ออำพรางตำรวจ คาดว่าน่าจะมีอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไม่ ต่ำกว่า 3 กระบอก จากการตรวจสอบจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ร้านทองสามารถบันทึกภาพคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุไว้ได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติเพื่อติดตามจับกุมต่อไป มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมแก๊งคนร้ายที่เหลือได้ในเร็วๆนี้ ขณะเดียวกันจะได้ตรวจสอบประวัตินายธวัช ผู้ตาย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมอื่นๆอีกหรือไม่
งานนี้เจ้าของร้านเยี่ยมครับ......
ราคาทองพุ่งพรวดๆ แบบนี้ ล่อตาล่อใจโจรจริงๆ.............