คนธรรมดาควรมีปืนหรือไม่? (จากเว็บฯ ผู้จัดการ)

คัดมาให้อ่านง่ายๆ ที่นี่ครับ...

คนธรรมดาควรมีปืนหรือไม่ ? คำถาม

เห็นมาตรการข้อ 6 ของกอส.ที่เสนอให้รัฐบาลห้ามไม่ให้ประชาชนทั่วไป (ยกเว้นตำรวจ, ทหาร) มีและใช้อาวุธปืนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งรัฐมนตรีหลายท่าน ไม่เห็นด้วยแล้ว ผมรู้สึกว่ากอส.จะมองโลกอย่างอุดมคติและสวยงามเกินไปนะครับ มันจะไม่เป็นการปลดอาวุธจากมือคนดีแล้วไปเพิ่มโอกาสให้คนไม่ดีหรือครับ อีกประการหนึ่งคนดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น “พลเมืองชั้น 2” หรืออย่างไรถึงได้ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพเช่นนี้

ดำเนินมาตรการอื่น ๆ ให้เห็นว่ารัฐปกป้องคุ้มครองคนบริสุทธิ์ได้เสียก่อน ค่อยดำริเรื่องนี้ ไม่ดีกว่าหรือ

ขอโทษนะครับ จู่ ๆ ครูไม่ได้อยากมีปืนหรอก แต่ตายกันโครม ๆ เห็นกันอยู่ทุกวัน อย่างน้อยหากได้มีปืนไว้ใช้โดยถูกต้องตามกฎหมายบ้าง มันก็พอให้อุ่นใจได้ แม้จะรู้ว่าในที่สุดแล้วถ้ามีการต่อสู้กันก็อาจจะสู้คนร้ายไม่ได้ เพราะขาดความชำนาญ

เห็นมาตรการนี้แล้ว พอดีได้ดูสารคดี 3 – 4 ตอนท้ายรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ของช่อง news 1 เรื่อง “บางระจัน" อดคิดไม่ได้ว่าคนดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนนี้ตกที่นั่งชาวบ้านบางระจันในอดีตเสียจริง ๆ แค่จะขอมีปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินและป้องกันประเทศ ก็จะมาถูกจำกัดเสียแล้ว

คนไทยอยากมีปืนติดบ้าน ก็เหมือนชาวบ้านบางระจันต้องการปืนใหญ่ไปต่อสู้กับพม่าครับ เพราะยกมือไหว้อ้อนวอนยังไงมันก็ไม่หยุดปล้นสะดมและรุกรานแผ่นดินหรอก เมื่อไม่ได้ปืน ก็หมดทางสู้อย่างที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้นั่นแหละครับ คนดีๆ ไม่มีอาวุธ ถ้าเป็นระดับบ้านหรือบุคคลก็ถูกข่มเหงรังแกเสียชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าถึงระดับชาติก็เสียเอกราชอธิปไตยครับ

ปฏิวัติ นราฯ 28 ก.ค. 48
คำตอบ

ปืนเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมหรือไม่ ?

การห้ามประชาชนทั่วไปมีและใช้อาวุธปืนอย่างเด็ดขาดเป็นวิถีทางลดอาชญากรรมและความรุนแรงในสังคมที่ได้ผลที่สุดหรือไม่ ?

เป็นปัญหา “คลาสสิค” ระดับโลกมานานแล้วครับ !

หลักคิดในมาตรการระยะสั้นข้อ 6 ของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติก็คือหลักคิดของนักสันติวิธี ที่เชื่อว่าปืนและอาวุธทุกชนิดคือสัญลักษณ์ของอำนาจนิยม มาตรการป้องกันความรุนแรงที่ได้ผลยั่งยืนไม่ใช่การตั้งรับหรือตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่เป็นมาตรการทางชุมชน ให้ชุมชนดูแลกันเอง

เป็นความเชื่อด้วยบริสุทธิ์ใจในระดับรากฐานทางปรัชญาทีเดียว

มาดูรายละเอียดมาตรการข้อ 6 กันเต็ม ๆ นะ

“ให้ถือว่าปืนทุกชนิดเป็นอาวุธผิดกฎหมายในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ให้อยู่ในครอบครองของของสาธารณชน เว้นแต่จะอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย คือ ทหาร และตำรวจของรัฐ เท่านั้น อันน่าจะลดความรุนแรงในพื้นที่ได้บ้าง อีกทั้งยังจะทำให้อาวุธอยู่แต่เฉพาะในมือของผู้ที่ต้องใช้อาวุธในกำกับของความรับผิดชอบตามกฎหมายเท่านั้น”

เฉพาะข้อนี้ข้อเดียว สะท้อนรากฐานทางปรัชญาในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกมาก

โดยเฉพาะการถอนกำลังทหารตำรวจออกมาจำนวนหนึ่ง

ผมไม่เห็นด้วยกับปรัชญานี้ทั้งหมด

จริงอยู่ ในสังคมที่สงบเรียบร้อยไม่จำเป็นต้องมีปืนและพกปืน เพราะควรสนับสนุนให้ทุกคนหาทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ผมเห็นด้วยแน่นอนในด้านนี้ แต่เรื่องที่จะบังคับให้ทุกคนไม่มีปืนไม่พกปืนนี้ ในทางปฏิบัติแล้วก็จะใช้บังคับได้แต่เฉพาะกับผู้เคารพกฎหมายเท่านั้น

คนร้ายไม่เคารพกฎหมายกับเราด้วย !

การออกใบอนุญาตมีอาวุธปืน (ป. 3) และใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป. 4) ให้ผู้ที่คุณสมบัติครบถ้วนนั้น ในอีกมุมมองหนึ่งผมเห็นว่าเป็นการเพิ่มอำนาจให้ผู้ที่เคารพกฎหมาย ถ้าคาดการณ์ได้ว่าผู้คนสาธารณะมีโอกาสที่จะมีและพกพาอาวุธปืนได้โดยที่มองไม่เห็น คนร้ายย่อมต้องคิดหนักก่อนจะลงมือกระทำการต่อใคร

ไม่เหมือนปัจจุบันที่ปืนส่วนใหญ่แม้จะมีแต่ก็ต้องเก็บไว้ที่บ้าน เพราะการออกใยอนุญาตพกพาอาวุธปืนเกิดขึ้นได้น้อยมาก เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพียงคนเดียว

คนร้ายมีปืนเพียงคนเดียวก็ย่อมฮึกเหิม เพราะเชื่อว่าตัวมีอำนาจ คือปืนอยู่ในมือ คนอื่นไม่มี

ในสหรัฐอเมริกาที่มักจะถูกยกตัวอย่างว่าเกิดความรุนแรงเพราะมีอาวุธปืนกันง่ายเกินไปนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจาก 50 รัฐ ขณะนี้ออกกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนพกพาปืนได้ 41 รัฐแล้ว และจากใบอนุญาตเป็นล้าน ๆ ใบนั้น ยังไม่เคยปรากฏว่ามีผู้ถือใบอนุญาตถูกต้องใช้ปืนยิงตำรวจแม้แต่รายเดียว

ที่เกิดเป็นคดีจำพวกลุแก่โทสะมีไม่ถึงหนึ่งในหมื่น

เอากันแค่ขจัดอาวุธสงครามและปืนเถื่อนทั้งหลายเสียก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ ?

ทุกวันนี้ไม่จะมีปืนอย่างถูกต้องตามกฎหมายกันง่าย ๆ อยู่แล้ว

ไม่ใช่มีสตางค์ก็เดินเข้าร้านปืนย่านวังบูรพาได้เลย

ถ้าใครต้องการมีและใช้อาวุธปืน ต้องขออนุญาตจากนายทะเบียนในแต่ละจังหวัด ได้แก่ นายอำเภอท้องที่ และการขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนนั้นต้องขอเพื่อ

1. ป้องกันตัวหรือทรัพย์สินของตน

2. สำหรับใช้ในการกีฬาหรือล่าสัตว์

ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 9 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง

และตามกฎหมายเมื่อมีแล้วก็ต้องเก็บไว้ที่บ้านสถานเดียว การพกพาต้องอาศัยใบอนุญาตที่เดี๋ยวนี้จะอนุมัติโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น ปีหนึ่ง ๆ เข้าใจว่าออกไม่ถึง 10 ใบ

อย่าคิดแบบคนไม่เคยจับปืนและเรียนรู้การใช้ปืนอย่างถูกต้องว่ามีปืนแล้วทำให้จิตใจฮึกเหิม ไม่ยั้งคิด เป็นบ่อเกิดความรุนแรง

ตรงกันข้ามครับ วิญญูชนที่มีปืนอย่างถูกต้องตามกฎหมายส่วนใหญ่ ใจเย็นลงมากเมื่อมีปืนอยู่ในมือ เพราะตระหนักดีว่ามันเป็นเสมือน “อำนาจที่มาควบคู่กับความรับผิดชอบมหาศาล” แม้จะใช้เพื่อป้องกันตัวกฎหมายก็วางกรอบไว้ละเอียดยิบ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ

สำคัญที่สุด – ต้องตระหนักว่าปัญหาอยู่ที่ “คน” และ “ระบบ” ไม่ใช่ “ปืน” !

ต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกเป็นปฐม

พายัพ วนาสุวรรณ 28 ก.ค. 48

อย่าลืมไปออกเสียงสนับสนุน นายสมชายไปตอบแล้วครับ...

คุณพายัพแกตอบได้ดี... ชอบใจอีตรงนี้ครับ

"อย่าคิดแบบคนไม่เคยจับปืนและเรียนรู้การใช้ปืนอย่างถูกต้องว่ามีปืนแล้วทำให้จิตใจฮึกเหิม ไม่ยั้งคิด เป็นบ่อเกิดความรุนแรง

ตรงกันข้ามครับ วิญญูชนที่มีปืนอย่างถูกต้องตามกฎหมายส่วนใหญ่ ใจเย็นลงมากเมื่อมีปืนอยู่ในมือ เพราะตระหนักดีว่ามันเป็นเสมือน “อำนาจที่มาควบคู่กับความรับผิดชอบมหาศาล” แม้จะใช้เพื่อป้องกันตัวกฎหมายก็วางกรอบไว้ละเอียดยิบ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ"

	ผู้เขียน	หัวข้อ: คนธรรมดาควรมีปืนหรือไม่? (จากเว็บฯ ผู้จัดการ) (อ่าน 4038 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้