ขออนุญาตชื่นชม จขกท ด้วยอีก 1 เสียงครับ
ส่วนตัวเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มา 3-4 ครั้งครับ ส่วนใหญ่ใช้วิธีเดียวกับที่พี่ Ro@d แนะนำครับ แล้วก็ต่อด้วยการแผ่เมตตา
แต่มีอยู่ครั้งนึงอารมณ์ไม่ค่อยดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดนมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าครับ ตะโกนต่อมันลั่นรถเลยครับ ไอ้คนซ้อนท้ายหันมาเห็นผมทำปากพะงาบพะงาบ มันสะกิดบอกเพื่อนแล้วหายเข้าซอยไป ซักพักกลับออกมาพร้อมไม้หน้า 3 ยาวร่วมศอก
ผมเหลือบไปเห็นทางกระจกหลังใจหายวาบ ไปคนเดียวมือเปล่าๆ ยังไม่มีปืนครับตอนนั้น ไม่รู้เจตนาว่ามันจะเทียบข้างแล้วตีรถเรา หรือจะเขวี้ยงใส่เราแน่ จังหวะพอดีรถติดไฟแดงครับ และการจราจรหนาแน่นพอสมควร เนื่องจากเวลาเพิ่งจะประมาณ 2 ทุ่ม มันก็หายไป มองรอบๆแล้วไม่รู้ว่าไปแอบอยู่ตรงไหน
แต่พอไฟเขียวเท่านั้น มันมาจากไหนไม่รู้แซงหน้าผมขึ้นไปแล้ว มันเลือกที่จะเขวี้ยงไม้ใส่รถผม
จังหวะพอดีกับที่ผมเร่งเครื่องคิกดาวน์ เพื่อจะไล่มันครับ เพราะแน่ใจแล้วว่ามันเอาผมแน่ ยังไงๆ ชนให้มันล้มไว้ก่อนแล้วค่อยคุยกัน มันก็เขวี้ยงไม้ใส่ผม ไม้ลอยละล่อง แต่คุณพระคุณเจ้าช่วย มันโดนบริเวณที่กระจกรถต่อกับหลังคาพอดี แล้วเลยไปตกด้านหลัง ไม่โดนรถเลยครับ
หลังจากไม้ลอยผ่านหน้าไปแค่กระจกกั้น สิ่งที่ผมรู้ตัวอีกทีคือ กดคันเร่งมิด ไล่บี้มันครับ ได้ซักอึดใจเดียวที่มันลนลานหนีผม ประจวบเหมาะกับมีซอยแคบแถวนั้นพอดี มันได้โอกาสเลี้ยวเข้าซอย ส่วนผมขับเลยไป
หลังจากนั้นซัก 10 นาที มาคิดทบทวนดู เหตุเกิดเพราะเราปากไว แล้วมันดันตาดีด้วย โทษอะไรใครได้ครับ นอกจากตัวเองและกรรมที่เคยทำมา แต่มาคิดๆดูก็น่าจะหายกัน เพราะผลัดกันตกใจคนละที

หลังเหตุการณ์ผ่านไปได้มีโอกาสเล่าให้ผู้ใหญ่ท่านนึงฟัง ท่านแนะนำว่า ไม่ควรลงจากรถ เพราะถ้าเราไม่มีอาวุธไว้ป้องกันตัว รถที่เรานั่งนี่ล่ะ จะเป็นทั้งอาวุธและสิ่งป้องกันเราเบื้องต้น ถ้าไม่ใช่กรณีเฉียวชน ปาดหน้า ที่คู่กรณีท่าทางโมโห ฉุนเฉียว ดูแล้วมีอารมณ์รุนแรง มีแนวโน้มว่าจะทำร้ายเรา ให้ล้อคประตู แง้มกระจกคุยไว้ก่อนครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซอยเปลี่ยวครับ เนื่องจากอาจลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งได้ "พบศพชายนิรนามถูกแทงตาย ชิงรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน"
ด้วยความเคารพครับ หลายๆสถานการณ์ หนีดีกว่าสู้ ครับผม