ปี 2535 ผมยังจำวลีที่ว่า พาคนไปตาย ได้เสมอ ผลการกระทำครั้งนี้ไม่ว่าจะออกข้างไหน คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ นักการเมือง ส่วน คุณ กะ ผม ไม่แตกต่างกัน ก็แค่ เบี้ย ตัวหนึ่งเท่านั้น
ใช่ครับ ผมก็จำได้ "จำลองพาคนไปตาย"
ถ้าแกไม่พาไป ป่านนี้บ้านเมืองเราคงเจริญรุ่งเรืองกว่านี้เย๊อะ
ไม่รู้นายกฯจะชื่อบิ๊กอะไรน๊อ
แล้วคนเป็นแสนเค้าคิดยังไงกันนะ ดันให้คุณจำลองพาไปตายได้แสดงว่าคนนั้นเค้าต้องมีจุดยืนอะไรสักอย่าง
หยุดสักนิด ดูให้ดีก่อนว่า คำว่า "จำลองพาคนไปตาย" ใครเป็นคนเริ่ม .....
ผมได้รับฟังเรื่องราวยุคนั้นจากผู้ที่เชื่อถือได้ และนั่งอยู่ในวงนั้นพร้อม ๆ กับคุณจำลอง .... นั่งกันเฉย ๆ นอกวงมันยิงกันจนเลิก ก็ยังไม่เลิกนั่ง .... เช้ามาตำรวจจึงมาเชิญตัวคุณจำลองได้โดยไม่ลำบาก
ข่าว ... ของคนที่มีสื่อ แล้วนำเสนอด้านใดด้านหนึ่ง ... ไม่ว่าจะมุมมองแบบรายการ "ความจริงวันนี้" หรือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ... ในฐานะคนที่ไม่รู้อะไร (เพราะสมองน้อยคิดตามโลกของแต่ละฝ่ายไม่ทัน) ก็ไม่อยากจะลาดเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากนัก ....
สติปัญญาน้อย ๆ อย่างผม นั่งมองเงาตัวเองในถ้ำ และมองท้องฟ้านอกถ้ำ แล้วมาเทียบกับทั้งคนคุม และคนหลุดไปนอกถ้ำ พูดให้ฟัง ... ก็คิดได้เพียงว่า ..... ..... ...

กล้วยทอด ลืมไปแล้ว

คุณ jakrit ครับ
ผมจำได้เต็มหัวใจเลยครับว่า "จำลองพาคนไปตาย" น่ะ ฝั่งไหนเป็นคนพูด
จำได้ว่าจส.100 รายงานว่า ขบวนเสด็จจะผ่านบริเวณถนนราชดำเนิน กลุ่มผู้ชุมนุมกีดขวางทางเสด็จ
จำได้ว่า หลังจากพาคนไปตายแล้ว คุณจำลองแกก็กลับไปปลูกผักตั้งโรงเรียนผู้นำของแก ไม่ได้มาเสวยสุขรับตำแหน่งบริหารบ้านเมืองใดๆทั้งสิ้น
จำได้ว่า ข่าวของบ้านไร่ของบิ๊ก รสช คนหนึ่ง มีหัวรถจักรรถไฟพร้อมโบกี้จาก รฟท. นี่แหละ ไปวิ่งอยู่บนรางที่วางไว้รอบบริเวณไร่ในจ.ชลบุรี เพื่อให้ท่านเจ้าของบ้านท่านได้นั่งรถไฟพร้อมสังสรรค์กับมิตรสหาย วิ่งไปรอบๆไร่ที่กว้างขวางแห่งนั้น สุขสันต์กันขนาดนั้น พอมีข่าวแพร่ออกไปก็ต้องมีการไปขนหัวรถจักรกลับคืนกันกลางดึกเพื่อหลีกสายตานักข่าว
จำได้ถึงคนเป็นแสน ที่เลิกงานก็ไปนั่งชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน หากทำเพื่อพวกพ้อง
จำได้ถึงเย็นวันนั้น วันที่ได้ยินแม่คนหนึ่งพูดกับลูกสาวอายุสัก 10 ขวบ ท่ามกลางกลุ่มผุ้ชุมนุมในเดือนพฤษภาคมปีนั้น ลูกแสดงความกลัวความไม่แน่ใจออกมา แม่ปลอบว่า "ไม่ต้องกลัว บ้านเมืองเป็นของเราเหมือนกัน"
จำได้ถึงวีรชนที่ถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครจำชื่อได้อีกแล้ว คนที่ทอดร่างลงบนถนนราชดำเนิน
จำได้แม้กระทั่งวลีที่ว่า "มาด้วยใจ ไม่มีใครจัดตั้ง"
วงล้อประวัติศาสตร์มันหมุนกลับมาจุดเดิมเสมอแหละครับ
ขอจบด้วยบทกวีของคุณเนาวรัตน์
"และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ
เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว
มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว
แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน......
.......
......
พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า
ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน
พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล
ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย"