เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 25, 2025, 05:26:24 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 กันยายน โลกใกล้ถึงจุดจบหรือเปล่า เซิร์น เดินเครื่องสร้างหลุมดำ ?  (อ่าน 7658 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
☆ *~PLOY~* ☆
Hero Member
*****

คะแนน 62
ออฟไลน์

กระทู้: 4190



« ตอบ #45 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 09:55:31 PM »

                นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้มีการนำเรื่องนี้ไปเปิดประเด็นถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนมีนิยาย หนังสือ รวมไปถึงภาพยนตร์ที่มี ไทม์ แมชชีนเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่มากมายเลยครับ มันเป็นความฝันสำหรับนักวิทยาศาตร์ และ ความอยากรู้อยากเห็นของบรรดาผู้อยากที่จะรู้อดีต ทำนายอนาคต เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ยังคงรอการพิสูจน์-
และทำให้มันเป็นจริงขึ้นมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน … กับ เครื่องจักรพิศวง ไทม์ แมชชีน

       บรรดานักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ของโลกที่กำลังทุ่มเทการวิจัยเรื่องนี้กันอย่างหนัก ก็เริ่มมีเค้าของความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นมากสำหรับเรื่อง ไทม์ แมชชีนหรือการท่องเวลา
ออกมากันบ้างแล้ว โดยบรรดานักวิจัยจากแคลิฟอร์เนียและกรุงมอสโควเค้าประกาศออกมาแล้วว่า การท่องเวลา (Time Travel) นั้น มีความเป็นไปได้อยู่ทีเดียว !! ซึ่งพวก
เค้าได้สร้างห้องแล็ปที่เรียกว่า TARDIS ขึ้นมา และเริ่มทดลองโดยนำพื้นฐานมาจากสมการของนักฟิสิกส์เอกของโลก อัลเบิร์ท ไอนสไตน์ (Albert Einstein) นักวิทยา-ศาสตร์กลุ่มนี้กล่าวว่ามันอาจยากมากในการวิจัยและทดลองให้มันเป็นจริงหรือใกล้ความจริง แต่ก็มีความเป็นไปได้มากทีเดียว



        บางทีอาจจะดูเหมือนเป็นการฝืนกฎของธรรมชาติ ที่บัญญัติเอาไว้ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องดำเนินครรลองไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำตัวเหนือธรรมชาติ-
อย่างนี้ แน่นอนว่าธรรมชาตินั้นมีสิทธิ์ขาดในการดูแลจัดสรรปันส่วนทุกอย่างบนโลกนี้ได้อย่างลงตัวและถูกต้องมากที่สุดแล้ว กระนั้นมนุษย์เราก็ยังอาจหาญที่จะฝืนธรรม -
ชาติในกฎเกณฑ์หลายๆอย่าง เช่น การตัดต่อพันธุกรรมซึ่งกระทำตนประดุจเป็นพระเจ้า เริ่มจะสร้างเครื่องข้ามเวลาและการคิดค้นยาอายุวัฒนะ ซึ่งเป็นกฎเหล็กของธรรม
ชาติที่มนุษย์เราไม่ควรฝ่าฝืน การท่องเวลานั้นบางทีฟังดูเหมือนว่ามันจะเป็น สิ่งที่ขัดแย้งกันเอง (Paradoxes) อยู่ในหลายๆด้าน คุณลองจินตนาการดูว่าวันหนึ่งเรานั้น
สามารถที่จะประดิษฐ์เครื่องไทม์ แมชชีนได้สำเร็จและเดินทางย้อนไปยังอดีต และเกิดนึกสนุกขึ้นมาทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเราไม่ได้พบกัน และทำให้เราไม่ได้เกิดขึ้นมา -
และพอเรากลับมายังอนาคต ซึ่งเราก็ยังเป็นตัวเราอยู่ ?? ดูแล้วมันออกจะแปลกๆ ในเมื่อเราในอดีตไม่ได้เกิดมา แล้วตัวเราในอนาคตหรือในขณะนี้นั้นเป็นใคร ?? เป็นไปได้
หรือไม่ว่า อาจจะมีอนาคตของหลายๆ มิติอนาคต ซึ่งจะแยกย่อยออกไปตามเหตุการณ์ที่เจอหรือเกิดขึ้นตามแต่ละมิติเวลาในช่วงนั้น

        จากความคิดตรงนี้ละครับที่ทำให้มันดูเหมือนว่า การย้อนเวลาขัดแย้งกันเองด้วยกฎของธรรมชาติ อย่างที่ว่าไป ถ้าคิดในอีกแง่หนึ่งก็คือ อดีต เป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้
เราไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้แล้ว อาจจะคิดได้ในแง่ว่าช่วงเวลาของอดีตหรือของอนาคตที่มีนั้นมีอยู่เพียงมิติเดียว แต่ถ้ามีอยู่หลายมิติเวลาล่ะก็เป็นอีกเรื่องนึง
 !!! ส่วนที่กล่าวไปก็คือ กลุ่มที่มีข้อโต้เถียงเรื่องที่ว่าการท่องเวลานั้นเป็นไปไม่ได้นั่นเอง

        สมการทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity) ของไอน์สไตน์นั้น Roger Penrose นักวิทยาศาสตร์วิจัยจาก Oxford University เคยได้เสนอทฤษฎี-
ของเขาเรื่องที่ว่า เมื่อมวลวัตถุถูกดูดเข้าไปนั้นจะไปอยู่ยังใจกลางของหลุมดำด้วยแรงดึงดูด ซึ่งตรงนั้นเรียกว่า Singularity และ เจ้ามวลวัตถุชิ้นนั้นก็จะถูกบดขยี้เป็นโจ๊ก
เละไป เป็นทฤษฎีที่มีมา 30 ปีแล้ว แต่ในปี 1960 นักคณิตศาสตร์ชาวนิวซีแลนด์ Roy Kerr ได้พบว่าหลุมดำนั้นมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เขาพบว่าช่วงที่เราเรียกว่า Singularity นั้นมีการขยับหรือขยายตัวเป็นวงแหวน ตรงนี้และครับที่ Roy คิดว่าถ้าสามารถที่จะผ่านรูตรง Singularity และออกมาได้ ก็อาจจะไปโผล่เอาที่หรือเวลา
อื่นได้ เขาตั้งทฤษฎีนี้ว่า Roy Solution แต่กว่าจะเป็นที่ยอมรับให้ความสนใจและศึกษากันต่อก็มาเอาในอีก 10 ปี ให้หลัง ในปี 1970 นั่นเอง

        หลังจากที่ค้นพบว่า มีหลุมดำอยู่ในแกแล็คซี่ทางช้างเผือกของเรา และในใจกลางของแกแล็คซี่อื่นๆ อีก ทำให้เริ่มมีการสนใจ ศึกษาและค้นคว้ากันอย่างจริงจังเพิ่มมาก
ขึ้น ต่อมาในปี 1980 Rip Thorne หัวหน้าของ CalTech ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพของโลกได้ทำการพิสูจน์ และได้บทสรุปว่า ทฤษฎีสัมพัทธ -
ภาพของไอน์สไตน์เรื่องท่องเวลาน่ะ ไม่น่าจะเป็นจริงได้ แต่ถ้ามีเทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่พอจะสามารถจับหรือควบคุมหลุมดำเอาไว้แล้วศึกษาให้ดีก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งตรง
จุดนี้ก็ไปตรงกับข้อสันนิษฐานของทฤษฎี Kerr Solution และอีกข้อสันนิษฐานอีกข้อหนึ่งของ Kerr Solution ก็กล่าวว่าบางทีหลุมดำอาจจะไม่ได้มีเพียงชนิดเดียว หรือ
ก็คืออาจจะมีหลุมดำที่เป็น "ประตู" อยู่ หรือที่เรียกประตูนี้ว่า หลุมหนอน (Wormhole) เจ้าหลุมดำชนิดนี้ที่ว่ามันเป็นประตูสู่กาลเวลา เป็นตัวเชื่อมระหว่างหลุมดำในมิติ
หรือจักรวาลอื่น หรือที่เรียกได้ว่าเป็น Multiverse โดยใช้หลักการที่เรียกว่าการ Warp ซึ่งต่อมาภายหลังจากหนัง Sci-Fi เราจะเห็นลักษณะของการ Warp เป็นไปใน
รูปของการเดินทางข้ามจักรวาลอย่างเร็วแบบเข้าสู่ Hyper Space ซึ่งก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ผ่านกาลเวลา

        อย่างที่ทราบกันละครับว่าเรื่องของเวลาและเกี่ยวกับการท่องเวลานั้นเริ่มต้นมาจากความรู้ในด้านสาขาวิทยาศาสตร์ หรือถ้าจะเจาะจงลงลึกไปมากกว่านั้นก็คือสาขาฟิ
สิกส์นั่นเอง โดยริเริ่มมาจาก อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์เอกของโลกและต่อมาก็ได้มีผู้สืบสานงานต่อจากเขาอีกมากมาย แตกแขนงออกมาเป็นอีกหลายทฤษฎี มีทั้งผู้ที่เชื่อ
ว่าด้วยกฎฟิสิกส์นั้นเป็นไปได้กับการสร้าง ไทม์ แมชชีนขึ้นมาแต่ ณ เวลานี้ยังทำไม่ได้ และ พวกที่เชื่อว่าไม่น่าทำได้ สรุปก็คือมีเชื่อกับไม่เชื่อนั่นเอง



        ดังที่กล่าวมาแล้วว่ามีสิ่งที่จะช่วยสนับสนุนทฤษฎีการท่องเวลาให้เป็นจริงได้ ก็คือ หลุมหนอน (Wormhole) หรือ คือจุดเชี่อมระหว่างมิตินั่นเอง ว่ากันว่าโดยข้อสัน
นิษฐานของทฤษฎี Kerr Solution ได้กล่าวเอาไว้ว่าเจ้าหลุมหนอนเนี่ยก็เป็นหลุมดำชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากหลุมดำอื่นๆ ซึ่งจะดูดกลืนทุกสรรพสิ่งเข้าไปในตัว ด้วยแรง
ดึงดูดที่มหาศาลจนแม้กระทั่งแสงก็ไม่อาจหนีจากมันได้ จากนั้นก็จะโดนบดขยี้แหลกเหลวด้วยแรงกดอันมหาศาล แต่ว่าเจ้าหลุมดำหรือหลุมหนอนของนาย Kerr เนี่ย มัน-
ไม่ได้ดูดกลืนอย่างเดียว แต่มันจะ "พ่น" สิ่งที่ดูดกลืน จากฟากหนึ่งของตัวมันมาออกยังอีกจุดหนึ่งด้วย หรือทำหน้าที่คล้ายๆ "ปาก" นั่นเอง

        ได้มีการสันนิษฐานกันว่า มันน่าจะเป็นประตูเชื่อมกันระหว่างจักรวาลกับจักรวาล เวลากับเวลาและมิติกับมิติ ซึ่งตรงกลางภายในรอยต่อเชื่อมนี้หรือโพรงนี้อาจจะมีการ
บิดเบี้ยวของบรรยากาศเกิดซึ่งเกิดจากบางสิ่ง หรือก็คือ Singularity ที่ได้กล่าวไปนั่นเอง ซึ่งตรงนี้เองอาจจะทำให้เกิดรอยต่อของมิติขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของทางออก และ -
อาจทำให้เกิดการ วาร์ป (Warp) ผ่านจักรวาล และเวลาได้ แต่หลุมดำไหนล่ะที่จะเป็นประตูมิติเวลา และ หลุมดำไหนล่ะที่จะเป็นสุสานของจักรวาล ?? คำถามนี้ก็ต้องรอคำตอบกันไปก่อน ส่วนถ้าคิดต่อไปอีก ก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่า แล้วเราจะ "ควบคุม" หลุมหรือช่วงเวลาหรือการบิดเบี้ยวของช่องมิติได้ยังไง ?? หรือจะให้ไปโผล่ยังจุดที่ต้องการได้ยังไงล่ะ ?? คำตอบน่ะเหรอครับ ก็คงต้อง"รอ" กันไปก่อน
                                 จากเว็ปไซด์ http://www.thamwebsite.com/cty/tiplearn/old/pages/timema.htm
บันทึกการเข้า

[URL=h
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #46 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 09:57:19 PM »

นายสมชายสรุปแบบอ่านง่ายๆ ให้ฟังดีกว่าครับ...

คือเขาสร้างหลุมดำด้วยการเร่งอนุภาคด้วยสนามพลังแม่เหล็กให้วิ่งชนกัน... เมื่อชนกันแลวมันจะแปะติดกันได้ ถึงแม้ประจุจะเหมือนกันก็ไม่ผลักกัน... โดยได้แนวคิดนี้มาจากในนิวเคลียส มีนิวตรอนและอนุภาคอื่นกับโปรตอนรวมกันได้โดยไม่แยกจากกัน...

เมื่อรวมอนุภาคเข้าด้วยกันจนกันได้ ก็จะเอาวัสดุอื่นยิงเข้าไปอีก... ผลที่ได้คือวัตถุขนาดเล็กมาก แต่มีมวลมหาศาล ตัวอย่างเช่นวัตถุขนาดไม่กี่ไมครอน (10 ยกกำลัง - 6) แต่มวลหนักหลายพันเมตตริกตัน...

พอถึงจุดนี้... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะมีน้ำหนักมหาศาล ไม่มีภาชนะอะไรรองรับได้ จะต้องอาศัยสนามพลังเข้มข้นสูงมากยึดเหนี่ยวมันเอาไว้...

ทีนี้เกิดข้อผิดพลาดนิดเดียว หากสนามพลังรั่ว... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ ก็จะถูกแรงดึงดูดโลกดูดให้หล่นลงพื้น...

พอไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่หล่นลงพื้น... มันไม่นอนอยู่บนพื้นโลก แต่จากน้ำหนักมหาศาลของมัน จะมุดดินมุดซีเม็นต์ทะลุลงไปในแก่นโลก โดยที่ไม่มีอะไรขวางมันได้อีกต่อไป...

ทำไมไม่มีอะไรขวางไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่... เกิดจากทฤษฎีของนิวตั้น ที่ว่ามวลจะดึงดูดมวล...

ดังนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่มีมวลมหาศาล... แล้วมันวิ่งผ่านอะไร ก็จะดึงดูดมวลของสิ่งที่มันผ่าน แบบเดียวกับเราเอาเหล็กร้อนๆ จิ้มเข้ากับโฟมก้อนกระทงสีขาวๆ... คือไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่จะละลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน และดึงดูดมวลที่ว่านั้นรวมเข้ากับตัวมัน...

ทุกเมื่อที่วิ่งผ่านอะไร จะแรงยิ่งขึ้น เพราะมวลของมันจะมากขึ้น... แต่ขนาดไม่โตขึ้น ยิ่งมา ยิ่งมาก็มวลยิ่งมากขึ้น...

จากนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะวิ่งทะลุโลกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ทะลุซ้ายที ทะลุขวาที แผ่นหินเปลือกโลกก็ต้านไม่อยู่... จนในที่สุดโลกพรุนหมด สิ่งมีชีวิตก็ไม่เหลือ... สุดท้ายโลกเองจะถูกไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่รวมเอาไว้ข้างใน...

พอถึงตอนนั้น... ทั้งโลกอาจเหลือแค่หัวเข็มหมุดครับ...

ระยะเริ่มต้น อาจเกิดปรากฏการณ์... รถถังเกราะหนาๆ จอดอยู่ดีๆ มีเสียงวิ๊ด สั้น แว่บเดียว แล้วรถถังทั้งคันร้อนแดงไฟลุกท่วม พร้อมมีรูเจาะทะลุจากท้องรถถังทะลุหลังคาป้อมปืน...

เพราะไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ทะลุโลกทั้งใบมากจากอีกซีกโลกหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามครับ... ทะลุโลกทั้งใบแล้วมาโผล่พอดีรถถังจอดอยู่...
 
กึ๋ยส์...

ถ้าโลกเหลือเท่าหัวเข็มหมุดแล้วแบบนี้มันจะไม่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่า....สสารย่อมไม่สูญหายไปไหน...หรือครับ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
powerboy
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 52
ออฟไลน์

กระทู้: 412


« ตอบ #47 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 10:47:35 PM »

นายสมชายสรุปแบบอ่านง่ายๆ ให้ฟังดีกว่าครับ...

คือเขาสร้างหลุมดำด้วยการเร่งอนุภาคด้วยสนามพลังแม่เหล็กให้วิ่งชนกัน... เมื่อชนกันแลวมันจะแปะติดกันได้ ถึงแม้ประจุจะเหมือนกันก็ไม่ผลักกัน... โดยได้แนวคิดนี้มาจากในนิวเคลียส มีนิวตรอนและอนุภาคอื่นกับโปรตอนรวมกันได้โดยไม่แยกจากกัน...

เมื่อรวมอนุภาคเข้าด้วยกันจนกันได้ ก็จะเอาวัสดุอื่นยิงเข้าไปอีก... ผลที่ได้คือวัตถุขนาดเล็กมาก แต่มีมวลมหาศาล ตัวอย่างเช่นวัตถุขนาดไม่กี่ไมครอน (10 ยกกำลัง - 6) แต่มวลหนักหลายพันเมตตริกตัน...

พอถึงจุดนี้... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะมีน้ำหนักมหาศาล ไม่มีภาชนะอะไรรองรับได้ จะต้องอาศัยสนามพลังเข้มข้นสูงมากยึดเหนี่ยวมันเอาไว้...

ทีนี้เกิดข้อผิดพลาดนิดเดียว หากสนามพลังรั่ว... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ ก็จะถูกแรงดึงดูดโลกดูดให้หล่นลงพื้น...

พอไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่หล่นลงพื้น... มันไม่นอนอยู่บนพื้นโลก แต่จากน้ำหนักมหาศาลของมัน จะมุดดินมุดซีเม็นต์ทะลุลงไปในแก่นโลก โดยที่ไม่มีอะไรขวางมันได้อีกต่อไป...

ทำไมไม่มีอะไรขวางไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่... เกิดจากทฤษฎีของนิวตั้น ที่ว่ามวลจะดึงดูดมวล...

ดังนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่มีมวลมหาศาล... แล้วมันวิ่งผ่านอะไร ก็จะดึงดูดมวลของสิ่งที่มันผ่าน แบบเดียวกับเราเอาเหล็กร้อนๆ จิ้มเข้ากับโฟมก้อนกระทงสีขาวๆ... คือไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่จะละลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน และดึงดูดมวลที่ว่านั้นรวมเข้ากับตัวมัน...

ทุกเมื่อที่วิ่งผ่านอะไร จะแรงยิ่งขึ้น เพราะมวลของมันจะมากขึ้น... แต่ขนาดไม่โตขึ้น ยิ่งมา ยิ่งมาก็มวลยิ่งมากขึ้น...

จากนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะวิ่งทะลุโลกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ทะลุซ้ายที ทะลุขวาที แผ่นหินเปลือกโลกก็ต้านไม่อยู่... จนในที่สุดโลกพรุนหมด สิ่งมีชีวิตก็ไม่เหลือ... สุดท้ายโลกเองจะถูกไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่รวมเอาไว้ข้างใน...

พอถึงตอนนั้น... ทั้งโลกอาจเหลือแค่หัวเข็มหมุดครับ...

ระยะเริ่มต้น อาจเกิดปรากฏการณ์... รถถังเกราะหนาๆ จอดอยู่ดีๆ มีเสียงวิ๊ด สั้น แว่บเดียว แล้วรถถังทั้งคันร้อนแดงไฟลุกท่วม พร้อมมีรูเจาะทะลุจากท้องรถถังทะลุหลังคาป้อมปืน...

เพราะไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ทะลุโลกทั้งใบมากจากอีกซีกโลกหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามครับ... ทะลุโลกทั้งใบแล้วมาโผล่พอดีรถถังจอดอยู่...
 
กึ๋ยส์...

ถ้าโลกเหลือเท่าหัวเข็มหมุดแล้วแบบนี้มันจะไม่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่า....สสารย่อมไม่สูญหายไปไหน...หรือครับ

ไม่ได้หายไปไหนครับ เพียงแค่ถูกบีบอัดให้เหลือขนาดเท่าหัวเข็มหมุดครับ
เหมือนกับทฤษฏีของหลุมดำครับ ถูกดูดกลืนและบีบอัดให้เล็กลงจนเกินกว่าจะจินตนาการครับ
บันทึกการเข้า
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #48 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 06:45:55 AM »

ถ้าเกิดหลุมดำจริงๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอก เพราะเดี๋ยวเอาพี่แฝดขนานมา มีตั้งสองรูใหญ่ๆ สู้ไม่ได้ให้รู้ไป



Logo ท่าน ทำเอาปวดใจจริง ๆ..... มิน่า ว่าทำไมน้องเค้าจึงไม่ยอมรับสาย
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 08:14:56 AM »

ถ้าโลกเหลือเท่าหัวเข็มหมุดแล้วแบบนี้มันจะไม่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่า....สสารย่อมไม่สูญหายไปไหน...หรือครับ

ที่ถูกต้องถามเจ้าของทฤษฎีครับ... แฮ่ๆ

แต่อยากถามนายสมชาย ก็ตอบด้ายยย...

ในฐานะลูกเลือสำรอง...
ตอบว่าสสารทั้งหลายต่างมีช่องว่างข้างในครับ คือโมเลกุลของธาตุทุกตัวล้วนแต่มีองค์ประกอบเหมือนกันหมด คือโปรตอน นิวตรอนและอิเลกตรอน... สิ่งที่แตกต่างกันคือสัดส่วนจำนวนโปรตรอนกับนิวตรอนที่นิวเคลียส คือเลขอะตอม ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของธาตุแต่ละชนิด ตามตารางธาตุ... ธาตุตัวที่เล็กสุดเกิดแล้วสลายในห้องทดลอง... ส่วนธาตุตัวที่ใหญ่ๆ เกิดแล้วไม่เสถียร ปล่อยพลังงานออกมา กลายเป็นกัมมันตรังสี...

แล้วอะตอมของทุกธาตุก็มีช่องว่างให้อิเลกตรอนวิ่งวนเวียนๆ ทุกอะตอมต่างมีช่องว่างทั้งสิ้น... แล้วอะตอมธาตุแต่ละตัวก็ไปรวมกันเป็นสารประกอบใหม่ เกิดวัสดุใหม่ไปเรื่อยๆ เกิดสิ่งไม่มีชีวิต...

ทีนี้ธาตุแค่ไม่กี่ตัวเกิดไปรวมตัวกันเป็นกรดอะมิโนสี่ชนิด เรียงสลับไปสลับมาเป็นรูปบันไดเวียน... สลับไปสลับมา เกิดสาย DNA ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของสิ่งมีชีวิต... เลยกลายเป็นหมู หมา กา ไก่ ลิง แมว ช้างน้ำ และไดโนเสาร์ ฯลฯ... ฮา

ที่พูดมาทั้งหมด... คืออยากบอกว่าหลุมดำมันก็แยกเอาโปรตอนทั้งหมดไปรวมกัน แยกเอานิวตรอนทั้งหมดไปรวมกันตรงกลาง... ช่องว่างของทุกอะตอมก็เลยไม่มีเหลืออีกแล้ว จากนั้นมันก็ให้อิเลกตรอนทั้งหมดวิ่งวนลูกนิวเคลียสลูกเบ้อเร่อ...

นี่คือคำตอบว่าทำไมหลุมดำ มันถึงได้ดูดทุกอย่างแม้แต่แสง... เพราะการเคลื่อนที่ของอิเลกตรอนมันเคลื่อนที่เป็นคลื่น เป็นวงหยึกหยัก ไม่ได้เป็นวงเรียบๆ... ความยาวช่วงคลื่นของอิเลกตรอนมันคือความยาวช่วงคลื่นของแสง ไม่สะท้อนกลับออกมา

แต่อะไรเข้าใกล้ในรัศมีของมัน... จะโดนพายุประจุมหาศาลของทั้งอิเลกตรอนและโปรตอนจัดการแยกองค์ประกอบ กลายเป็นอนุภาคเล็กๆ เข้าไปรวมตรงกลาง เหลืออิเลกตรอนวิ่งวนต่อไป... ฮา...

โลกทั้งใบเลยเหลือแค่หัวเข็มหมุด(มวลใหญ่แต่ขนาดเล็ก) เพราะมันยุบช่องว่างของทุกอะตอมไปหมด... ปล่อยให้อิเลกตรองกับบรรดาประจุทั้งหลายแหล่อยู่ข้างนอกคอยแยกองค์ประกอบสิ่งที่ถูกดูดเข้ามาด้วยทฤษฎีมวลใหญ่ดูดมวลเล็กของนิวตั้น...

นายสมชายโม้นะครับ...
อย่าเพิ่งเชื่อ... เพราะเขาสงสัยว่าหลุมดำมันเป็นอย่างไร ถึงได้เกิดเรื่องไงครับ...

อ้อ... ตามคลิปใน uTube นั่นคือหลุมดำขนาดใหญ่มาก แต่ที่กำลังทดลองอยู่นี่เขาพยายามทำหลุมดำตัวเล็กๆ เพื่อให้ควบคุมได้ครับ...

อย่าเพิ่งเชื่อลูกเสือสำรอง... จ๊ากซ์
บันทึกการเข้า
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #50 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 08:21:31 AM »

        ในเวลา 09.30 น. หรือ 14.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ลำโปรตอนลำแรกได้ถูกยิงเข้าสู่เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด ซับซ้อนที่สุด และมีมูลค่ามากที่สุดในโลก โดยใช้เวลาสร้างนานถึง 20 ปี กว่าจะได้เดินหน้ายิงลำแสงแรกในวันนี้

       เมื่อยิงลำโปรตอนไปแล้ว ต้องรอประมาณ 5 วินาที จึงจะได้ข้อมูลการเดินทางของลำแสง เพื่อวิเคราะห์ต่อไป
      
       อย่างไรก็ดี ในวันแรกของการเปิดใช้เครื่องเร่งอนุภาค หรือ เฟิร์สต์บีมเดย์ (LHC First Beam Day) ครั้งนี้ จะยังไม่มีการชนกันของลำโปรตอนแต่อย่างใด เป็นแค่เพียงการยิงลำแสง 1 ลำเพื่อตรวจสอบดูว่า ลำโปรตอนสามารถเดินทางได้รอบท่อตามที่คำณวนไว้หรือไม่
      
       ส่วนการทดลองยิงลำโปรตอนเพื่อชนกันของอนุภาคครั้งแรกนั้น ทางเซิร์นเปิดเผยว่า คงจะอีกหลายสัปดาห์ถัดจากนี้.
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000107329


ยังไม่ถึงเวลาเสียว..
  คิก คิก
กลายเป็นเสียวต่ออีกหลายวัน Tongue Tongue Tongue
บันทึกการเข้า

a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #51 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 08:21:52 AM »

ถ้าโลกเหลือเท่าหัวเข็มหมุดแล้วแบบนี้มันจะไม่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่า....สสารย่อมไม่สูญหายไปไหน...หรือครับ

ที่ถูกต้องถามเจ้าของทฤษฎีครับ... แฮ่ๆ

แต่อยากถามนายสมชาย ก็ตอบด้ายยย...

ในฐานะลูกเลือสำรอง...
ตอบว่าสสารทั้งหลายต่างมีช่องว่างข้างในครับ คือโมเลกุลของธาตุทุกตัวล้วนแต่มีองค์ประกอบเหมือนกันหมด คือโปรตอน นิวตรอนและอิเลกตรอน... สิ่งที่แตกต่างกันคือสัดส่วนจำนวนโปรตรอนกับนิวตรอนที่นิวเคลียส คือเลขอะตอม ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของธาตุแต่ละชนิด ตามตารางธาตุ... ธาตุตัวที่เล็กสุดเกิดแล้วสลายในห้องทดลอง... ส่วนธาตุตัวที่ใหญ่ๆ เกิดแล้วไม่เสถียร ปล่อยพลังงานออกมา กลายเป็นกัมมันตรังสี...

แล้วอะตอมของทุกธาตุก็มีช่องว่างให้อิเลกตรอนวิ่งวนเวียนๆ ทุกอะตอมต่างมีช่องว่างทั้งสิ้น... แล้วอะตอมธาตุแต่ละตัวก็ไปรวมกันเป็นสารประกอบใหม่ เกิดวัสดุใหม่ไปเรื่อยๆ เกิดสิ่งไม่มีชีวิต...

ทีนี้ธาตุแค่ไม่กี่ตัวเกิดไปรวมตัวกันเป็นกรดอะมิโนสี่ชนิด เรียงสลับไปสลับมาเป็นรูปบันไดเวียน... สลับไปสลับมา เกิดสาย DNA ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของสิ่งมีชีวิต... เลยกลายเป็นหมู หมา กา ไก่ ลิง แมว ช้างน้ำ และไดโนเสาร์ ฯลฯ... ฮา

ที่พูดมาทั้งหมด... คืออยากบอกว่าหลุมดำมันก็แยกเอาโปรตอนทั้งหมดไปรวมกัน แยกเอานิวตรอนทั้งหมดไปรวมกันตรงกลาง... ช่องว่างของทุกอะตอมก็เลยไม่มีเหลืออีกแล้ว จากนั้นมันก็ให้อิเลกตรอนทั้งหมดวิ่งวนลูกนิวเคลียสลูกเบ้อเร่อ...

นี่คือคำตอบว่าทำไมหลุมดำ มันถึงได้ดูดทุกอย่างแม้แต่แสง... เพราะการเคลื่อนที่ของอิเลกตรอนมันเคลื่อนที่เป็นคลื่น เป็นวงหยึกหยัก ไม่ได้เป็นวงเรียบๆ... ความยาวช่วงคลื่นของอิเลกตรอนมันคือความยาวช่วงคลื่นของแสง ไม่สะท้อนกลับออกมา

แต่อะไรเข้าใกล้ในรัศมีของมัน... จะโดนพายุประจุมหาศาลของทั้งอิเลกตรอนและโปรตอนจัดการแยกองค์ประกอบ กลายเป็นอนุภาคเล็กๆ เข้าไปรวมตรงกลาง เหลืออิเลกตรอนวิ่งวนต่อไป... ฮา...

โลกทั้งใบเลยเหลือแค่หัวเข็มหมุด(มวลใหญ่แต่ขนาดเล็ก) เพราะมันยุบช่องว่างของทุกอะตอมไปหมด... ปล่อยให้อิเลกตรองกับบรรดาประจุทั้งหลายแหล่อยู่ข้างนอกคอยแยกองค์ประกอบสิ่งที่ถูกดูดเข้ามาด้วยทฤษฎีมวลใหญ่ดูดมวลเล็กของนิวตั้น...

นายสมชายโม้นะครับ...
อย่าเพิ่งเชื่อ... เพราะเขาสงสัยว่าหลุมดำมันเป็นอย่างไร ถึงได้เกิดเรื่องไงครับ...

อ้อ... ตามคลิปใน uTube นั่นคือหลุมดำขนาดใหญ่มาก แต่ที่กำลังทดลองอยู่นี่เขาพยายามทำหลุมดำตัวเล็กๆ เพื่อให้ควบคุมได้ครับ...

อย่าเพิ่งเชื่อลูกเสือสำรอง... จ๊ากซ์
พี่นายสมชาย (ฮา) ครับ
ลูกเสือสำรองสมัยที่พี่เรียนนี่ เขาสอนวิชาย่อความ ด้วยหรือครับ
เขาสอนเก๊งเก่งนะพี่
ย่อความแล้วยังอ่านได้เข้าใจเห็นภาพทะลุปรุโปร่ง
ขอบคุณครับพี่ Cheesy
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #52 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 09:37:36 AM »

สมมุติฐานผลกระทบกับโลกเรา หากโครงการนี้ผิดพลาดล้มเหลวครับ

http://www.youtube.com/watch?v=twOlUWno7YE


ขอบคุณสำหรับอนิเมชั่น ... สวยงามดีครับ Grin Grin

ถ้าโลกเหลือเท่าหัวเข็มหมุดแล้วแบบนี้มันจะไม่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่ว่า....สสารย่อมไม่สูญหายไปไหน...หรือครับ

 คิก คิก คิก คิก คิก คิก เอาความคิดเก่า มาเขย่ารวมกับความคิดใหม่  คิก คิก คิก คิก คิก คิก

กฏของนิวตัน อธิบายกลศาสตร์ควอนตัมไม่ได้ครับ .... จะโทษนิวตันก็ไม่ได้ สุดยอดศาสตรจารย์ลูคาเชียนท่านนี้ ปูพื้นการศึกษาวิทยาศาสตร์ให้รุ่นหลัง ๆ สร้างทฤษฎีควอนตัมขึ้นมา ....

เหมือนกับที่นักวิทยาศาสตร์ของ CERN กำลังทำอยู่ครับ ....

เท่าที่ผมทราบ (และเข้าใจ) ... หลุมดำไม่ได้เป็นท่อดูดอย่างที่ภาพในการ์ตูนอุลตร้าแมนวาดไว้ แค่เป็นดาวที่มีมวล (เนื้อ) ม๊ากมาก แรงดึงดูดมหาศ๊าลมหาศาล .... แรงดึงดูดมากพอที่จะไม่ยอมให้แสง ลอดผ่านออกมาได้ .... เมื่อไม่มีแสงสะท้อนออกมา มันก็มองไม่เห็น สังเกตุไม่ได้  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ผมไม่แน่ใจว่านักดาราศาสตร์หาหลุมดำในธรรมชาติพบหรือยัง  Grin Grin


บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #53 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 09:57:01 AM »

มีบทความเรื่องหลุมดำมาให้อ่านครับ ยาวมาก...

http://en.wikipedia.org/wiki/Black_hole#Black_hole_types

อ่านแล้วสรุปจะได้อย่างที่ลูกเลือสำรองสรุปครับ...

สำหรับประเด็นหลายประเด็นที่ลูกเลือสำรองสรุปฯ ตัวอย่างเช่นหลุมดำมี Gravity สูงมากจนไม่ยอมให้แสงผ่าน... และผิวนอกของหลุมดำคืออะไร จะอยู่ด้านล่างท้ายบทความครับ... ลูกเลือสำรองสรุปเอามา หากต้องการทราบข้อมูลทางวิชาการเบื้องหลัง ต้องอ่านในเนื้อบทความเองครับ... เพราะสำหรับผู้สนใจ จะคุ้มค่าเสียเวลาครับ...
บันทึกการเข้า
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #54 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 09:58:02 AM »

ดีนะครับที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ฝั่งยุโรบเป็นคนทดลอง.....หากเป็นนักวิทยาศาสตร์อิหร่านทำการทดลอง....แค่คิดจะเปิดเครื่องก็คงเกิดสงครามโลกครั้งที่สามแล้วละครับ Tongue Tongue Tongue
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
cobra-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 86
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 557


36003


« ตอบ #55 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 10:04:27 AM »

โปรดติดตามตอนต่อไป (เสียวต่อไป) ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า



Uploaded with ImageShack.us
แมวบ้า(น)
Sky is the limit, so do with it what you can
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 84
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15900


เช้าไดร์ฟ บ่ายชิพท์ เย็นพัตท์ สักวันเราจะเป็นโปร


« ตอบ #56 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 10:08:03 AM »

งานนี้ ทอมขุย ไม่ออกมาประท้วงหรอครับ  คิก คิก เดี๊ยวเกิดรูนอนขึ้นมาต่างด่าวยึดโลกหมดเลยยยย  คิก คิก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2008, 10:15:14 AM โดย แมวบ้า » บันทึกการเข้า

CrazyCat CrazyGlock CrazyDog ^v^
แมว 084-128-9257

V for Vendetta
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #57 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 10:23:40 AM »

หากเกิด...ก็ดีเหมือนกันครับ ประเทศไทยเราจะได้เลิกวุ่นวายเสียที

ฝรั่งมันเก่ง........แต่ก็ใช่ทุกเรื่อง

บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #58 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 10:25:40 AM »

เอาที่น่ากลัวแน่นอนตอนนี้ มันกำลังจะแย่งกันเดินเรือผ่านขั้วโลกเหนือเป็นคนแรกกันอยู่ เพราะน้ำแข็งแตกละลายจะวิ่งเรือผ่านได้อยู่แล้ว ช่วยกันหาข้อมูล มาชมกันครับ ผมเพียงทราบข้อความมาคร่าวๆ เท็จจริงขนาดใหน ยังไม่ทราบละเอียด
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #59 เมื่อ: กันยายน 11, 2008, 10:33:47 AM »

เอาที่น่ากลัวแน่นอนตอนนี้ มันกำลังจะแย่งกันเดินเรือผ่านขั้วโลกเหนือเป็นคนแรกกันอยู่ เพราะน้ำแข็งแตกละลายจะวิ่งเรือผ่านได้อยู่แล้ว ช่วยกันหาข้อมูล มาชมกันครับ ผมเพียงทราบข้อความมาคร่าวๆ เท็จจริงขนาดใหน ยังไม่ทราบละเอียด


งั้นไทยเราต้องเอาเรือหางยาวไปจ่อที่รอยแตกของน้ำแข็งไว้แต่เนิ่น ๆ เลยครับ อิ อิ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 21 คำสั่ง