เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 22, 2025, 03:42:35 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 12
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ)  (อ่าน 37857 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เรียว
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597



« ตอบ #90 เมื่อ: กันยายน 02, 2005, 07:15:32 PM »

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานในบ้านปัจจุบัน เวลา 3 ทุ่มตรง หลายปีมาแล้ว มีผู้หญิงเดินเข้ามา แต่งตัวแบบชุดไทยอย่างในวรรณคดี ผมอยากคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าหรืออะไรเทือกนั้น ไม่เห็นหน้า เหนือบ่า เลือนๆ เดินเข้ามาจากประตู ตรงมาหาผม แล้วเดินผ่านหน้าโต๊ะไปทางซ้าย แล้วหายไป ผมไม่ตกใจ หรือกลัว แต่แปลกใจ และพิศวง ผมไม่ได้ง่วง เป็นการเห็นที่ชัดที่สุด เขายังมาอีกครั้ง มายืนข้างๆ ผมกำลังอยู่กับ Keyboard ผมหันขวับก็หาย ผมเป็นพุทธที่เป็นแต่ชื่อ พูดได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย ภรรยาเป็น Catholic เคร่ง มีการ "เสก" บ้านตามธรรมเนียมของเขา ไม่มีการขึ้นบ้านใหม่เอาพระมาสวดแบบพุทธ หรือทำบุญ ไม่มีศาลพระภูมิ ผมเชื่อว่าพิธีกรรมต่างๆไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเป็นปรัชญาครองชีวิต พระพุทธเจ้าเป็นครู ไม่ใช่ God ผมไม่มีพระบูชาในบ้าน ไม่มีพระเครื่องห้อยคอ ผมจะ Post ลงมาในกระทู้นี้อีกครับ จะใช้วิธีลง Word แล้ว Paste เพราะผมพิมพ์ช้า และต้องไตร่ตรองพอสมควร
นับถือความคิดท่านครับ เยี่ยมจริง ๆ  Smiley
บันทึกการเข้า
JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #91 เมื่อ: กันยายน 02, 2005, 08:51:20 PM »

คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ

น้องโบว์ชมแล้ว...เป็นปลื้ม..เป็นปลื้ม.. Grin..
เดี๋ยวพิมพ์ให้อ่านตอนดึกๆ...จะสนุกกว่านี้.. ตกใจ

รีบไปนอนดีก่า
บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #92 เมื่อ: กันยายน 02, 2005, 09:24:48 PM »

Wink Wink Wink Shocked Shocked :Smiley Cool



จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น....

  อิ อิ คู่แข่ง ผมเคยเป็นพวก "ป่อ" นะครับ



คราวต่อไป...เจอกันเมื่อไหร่....

ฮึ่ม.....มีชนกันแน่ ๆ เอื๊อก!!!!!! คริ คริ...

เป้าหมาย ว.10 ดินแดง...รถ น. ทุกคัน ว.25 ว.4 ทางน้ำ เปลี่ยน.....






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2005, 09:26:26 PM โดย 51 » บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #93 เมื่อ: กันยายน 02, 2005, 09:29:31 PM »

คุณบ้านชายหาดเป็นอีกท่านนึงที่เขียนได้ดีนะเจ้าคะ

น้องโบว์ชมแล้ว...เป็นปลื้ม..เป็นปลื้ม.. Grin..
เดี๋ยวพิมพ์ให้อ่านตอนดึกๆ...จะสนุกกว่านี้.. ตกใจ

รีบไปนอนดีก่า


รีบ ปายยยย....นอน  ตั้งแต่...หัวค่ำ.....
เอาแรงไว้....

ดึก ดึก จะได้ตื่นขึ้นมาอ่าน.....

ช่ายยยย...ม้า.....ล่า......คริ คริ

จากนิ้ว...ที่ชอบจิ้ม....(ชอบบอกว่า เราเป็นงูกู้ภัย...คริ คริ)

อาววววว....คืน.....
บันทึกการเข้า
JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #94 เมื่อ: กันยายน 02, 2005, 09:39:27 PM »

ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า Cheesy
บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


บ้านชายหาด
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 284
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7435



« ตอบ #95 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 02:23:57 AM »

ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า Cheesy


กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก หลงรัก
บันทึกการเข้า
JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #96 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 09:02:27 AM »

ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า Cheesy
กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก หลงรัก

 Huh รู้ว่าอะไรเจ้าคะ Huh
บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


บ้านชายหาด
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 284
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7435



« ตอบ #97 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 09:47:54 AM »

ไม่หล่ะเจ้าค่ะ วันนี้ง่วงนอนเร็ว ไปนอนดีกว่า Cheesy
กลัวก็บอกดิ......อิอิ....รู้หรอก หลงรัก

 Huh รู้ว่าอะไรเจ้าคะ Huh


ก็น้องโบว์กลัวที่จะอ่านเรื่องพิศวงตอนดึกๆไง.... Grin
บันทึกการเข้า
dpd8159
Full Member
***

คะแนน 31
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 206


« ตอบ #98 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 10:09:57 AM »

ถ้าผมเห็นขนาดพี่ Sundance สงสัยชักปืนยิงบ้านพรุน ไม่ทราบว่าที่เมกาเจอเรื่องอย่างนี้หรือเปล่าครับ?

ผมขอเล่าแทนพี่ Sundance  ที่เมกาก็มีครับคุณต๊อก ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เพิ่งเจอครั้งเดียว ไม่แน่ใจว่าผมเจอจริง ๆ หรือว่าจิตผมหลอนไปเอง เมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอยู่ที่ San Antonio, Texas (อยู่ไต้ Dallas ไปประมาณ 200 กว่าไมล์.) เย็นวันหนึ่ง น้องสาวผมโทรศัพท์มาบอกว่าเพื่อนผมคนหนึ่งที่เมืองไทยได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกระทันหัน ผมร้อนใจมากเพราะผมสนิทกันมากกับเพื่อนคนนี้ กลับเมืองไทยไปครั้งก่อนเพื่อนผมคนนี้จะมาหาคุยกันทุกคืน สนิทกันทั้งครอบครัว ทั้งพ่อผม พ่อแม่เพื่อน แฟนเพื่อน แฟนผม ผมพยายามโทรศัพท์ไปที่บ้านเพื่อนทางเมืองไทย ทำอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ อยากทราบรายละเอียดการเสียชีวิต เพราะเพื่อนคนนี้เป็นนายตำรวจนักสืบที่มีฝีมือคนหนึ่งของนครบาล ถึงแม้จะจัดว่ามียศสูงแล้วก็ยังชอบที่จะลงสนามไปทำงานด้วยตนเอง ใจผมระแวงว่าอาจจะพลาดท่าถูกคนร้ายทำร้ายจนเสียชีวิต ได้แต่พยายามติดต่อทางเมืองไทยอยู่จนเหนื่อยใจ คิดถึงเพื่อนตอนที่เคยใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิดมาด้วยกันสมัยจบออกมารับราชการใหม่ ๆ  พอนอนหลับไปคืนนั้นมารู้สึกตัวตื่นกลางดึกเห็นเพื่อนผมมายืนอยู่ที่ปลายเตียง เหมือนกับเพื่อนพยายามจะบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วจู่ ๆ เพื่อนก็โถมตัวเข้ามาหาผม ผมตกใจนอนตัวแข็งอยู่ เกิดอาการอึกอักอึดอัดหายใจไม่ออกอยู่สักเสี้ยววินาทีเหมือนจะขาดใจ สักครู่ได้ยินเสียงรถพยาบาลวิ่งมา ผมเหลียวไปดูนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง แล้วเพื่อนก็หายไป  ผมรีบลุกขึ้นมาปลุกแฟน เราออกไปสนามหลังบ้านจุดธูปบอกพระภูมิเจ้าที่ว่าขออนุญาตให้เพื่อนผมมาหาผมได้ตลอดเวลา หากมีปัญหาจะให้ผมจัดการช่วยเหลืออย่างไรก็ให้เพื่อนมาบอก อย่าได้เกรงใจ  จากนั้นมาเกือบสัปดาห์ผมจึงติดต่อกับภรรยาของเพื่อนได้ ได้ความว่าเพื่อนไปเข้าเวรนายตำรวจราชสำนักที่วังไกลกังวล แล้วเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจวายขณะวิ่งออกกำลังกาย เวลาที่รถพยาบาลมารับเพื่อนตรงกับเวลาที่ผมได้ยินเสียงรถพยาบาลตอนที่เพื่อนมาปรากฎให้เห็น  นับตั้งแต่คืนนั้นมาเพื่อนก็ไม่ได้มาหาผมอีกเลย ..... แล้วเราคงได้พบกันอีกโต้งเพื่อนรัก
บันทึกการเข้า

If you fail to prepare, you prepare to fail.
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #99 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 12:31:48 PM »

           49 วันชีวิตหลังความตาย

มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่

1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ

2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว

3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท

- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)

- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย

- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ

- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก

เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?
ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่

วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ
1.ฆ่าพ่อ
2. ฆ่าแม่
3. ฆ่าพระอรหันต์
4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก
5. ทำร้ายพระพุทธเจ้าห้อเลือด

หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ

ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น

เจ็ดวันรอบแรก

วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบที่ สอง
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบที่ สาม
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด
เจ็ดวันรอบที่ สี่
เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์

เจ็ดวันรอบที่ ห้า
วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์

เจ็ดวันรอบที่ หก
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให้ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา

เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด
เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกินเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว.


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฎแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ...

  COPPY มาครับ  Grin
บันทึกการเข้า
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #100 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 12:36:53 PM »

                       เกิดจากกรรม

ทำดีเป็นการหนีกรรม กรรมไล่หลังเรามา เมื่อเราทำความดีก็เหมือนแรงบุญส่งผลให้เราไปข้างหน้ากรรมก็ตามไม่ทัน แต่กรรมก็ตามเราอยู่ เมื่อเราประมาทไม่ทำความดี กรรมก็ไล่ตามเรามาทันในที่สุด ต้องหมั่นทำความดีเข้าไว้ เป็นการเพิ่มบุญ ทำมากๆๆจนบุญแซงหน้าขาดตัว นั่นแหละกรรมจะกลายเป็นอโหสิกรรม
เน้นเรื่องทาน ศีล ภาวนา อย่าไปทำกรรมซ้ำที่เคยผิดพลาดมา กรรมกับคนใกล้ชิด ผู้มีพระคุณต้องระวังมาก เช่นพ่อแม่ มองพระสงฆ์ในแง่ร้าย

*บุญนะเราทำแทนใครไม่ได้ เราสร้างเราได้เอง เหมือนข้าวกินแทนกันไม่ได้ “

*เราอย่าคิดแทนคนอื่น” ให้เราเฉยเป็น ปล่อยวางได้ คิดไว้ว่าใครทำอย่างไร เดี๋ยวเขาก็ได้อย่างนั้น สอนให้รู้จักจับช่าง คือช่างมัน ช่างเขาบ้าง เมื่อรู้จักจับช่างก็ปล่อยวางขึ้นได้มาก

*สอนให้เป็นคนอยู่ง่าย รู้จักช่วยเหลือคน ให้ทาน “เรายิ่งให้ยิ่งได้ อยากให้ใครให้เรา เราต้องรู้จักให้เขาก่อน อยากได้รับอย่างไร ให้ไปอย่างนั้น เป็นกฏแห่งกรรมทั้งสิ้น เมื่อให้ไปแล้วมันกลับมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ไม่ว่าช้าหรือเร็วสิ่งที่เราให้ไปก็จะกลับมาหาเราเอง การทำทานไม่มีสูญต้องกลับมาหาแน่นอน”คิดเสมอเราจะไม่ฉวยโอกาสใคร ไม่ซ้ำเติมคน ทุกคนอยากมีเหมือนเรา แต่มันอยู่ที่โอกาส วันนี้อาจไม่ใช่โอกาสของเขา ไม่ใช่ว่าเราเก่งเราดี แต่เรามีโอกาสมากกว่าเขาเท่านั้น เงินใครก็อยากมี ความดีใครก้อยากทำ อยากทำดีกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่โอกาส “อย่าไปคิดว่าเราดี เราเก่งกว่าใคร ให้อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ ถ้าคนอื่นเขามีโอกาสบ้าง เขาก็ดีได้เหมือนเราเช่นกัน”
วันนี้เรามีเราก็ให้ ดูแลคนใกล้ตัวเราให้ดีที่สุด เช่นพ่อแม่ พี่น้อง

*คนที่มีกรรมสมัย ร.5 คนสมัยนั้นไม่พอใจการเลิกทาส กรรมส่งให้หน้าที่การงานทำให้ลูกน้องไม่ฟังเรา มีปัญหากับงาน อย่างใครต้องทำงานดึกๆ ก็เพราะชาติที่แล้วใช้แรงงานทาสจนดึกไม่มีเวลาให้เขาพักผ่อน ชาตินี้จึงต้องมาทำงานถึงเช้า คนที่ค้าขายต่างประเทศ เป็นเจ้าคนนายคน คุมลูกน้อง500-600คน คนที่เป็นหนี้เป็นสินเขา เป็นลูกจ้าง ควรพึ่งบารมีร.5ทั้งสิ้น คล้ององค์ร.5 จะทำให้ดูมีเกียรติศักดิ์ศรีบารมีขึ้นมาทันตาเห็น ลูกน้องจะรัก ปัญหาจะหมดไป การงานจะราบรื่นดี

*เรื่องเงินหายไป ท่านให้ไปจุดธูปกลางแจ้งอธิษฐานว่า “ถ้าเงินก้อนนั้นเป็นของเรา ให้กลับมาวิธีใดวิธีหนึ่ง”
อาจกลับมาไม่ใช่การได้มาตรงๆ แต่เงินก้อนนั้นก็ได้มาในที่สุด “เงินถ้ามันเป็นของเรา มันไม่ไปไหนไกล เดี๋ยวก็กลับมาหาเราเอง”

-น้องจ๊ะเอ๋ ตอนแม่ท้อง พ่อและแม่ทำบุญใหญ่อยู่หลายงาน ผลบุญจึงทำให้ลูกในท้องได้มีญาณทิพย์ติดตัวมา แต่เสื่อมลงได้ง่าย จะอยู่กับเด็กระยะหนึ่ง เมื่อโตขึ้น ดวงจิตแปดเปื้อนกิเลส จะค่อยเสื่อมและหมด การจะให้อยู่ได้นานให้น้องจ๊ะเอ๋ ฝึกปฏิบัติสมาธิ การปฏิบัติธรรมจะให้ผ่องใสมากขึ้น หากทำได้ญาณนี้จะอยู่กับน้องจ๊ะเอ๋ตลอดไป
เช่น น้องแกเคยทักลุงใกล้บ้าน บอกครั้งหนุ่งลุงเคยจับงูใหญ่กินดีงูสดๆๆที่เชื่อว่าเพิ่มพลัง จับงูกรีดท้องกรีดทั้งยังเป็นๆ เพื่อเอาดีสดมาผสมเหล้ากิน อาการดิ้นงอคล้ายกับอาการลุงบิดงอหน้าท้องทุรนทุรายทุกเช้า ให้ถวายสังฆทานและทำบุญหลายอย่าง

***เพียงแค่คิดก็เป็นกรรมเกิดขึ้น อย่างการกระทำทางกาย หากขาดเจตนาคือทำเพราะไม่รู้ ไม่ตั้งใจถือเป็นกรรมน้อย หรืออาจไม่ส่งผล แต่ถ้าทางใจตั้งใจทำแล้วไม่ว่าทำหรือไม่ทำ จะส่งผลให้กรรมเกิดขึ้นหนัก

****การให้ทาน ต้องทำด้วยใจบริสุทธ์ เอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ที่จะให้ ให้ไปแล้วอย่าเสียดายภายหลัง เพราะเสียดายเมื่อไหร่บุญจะพร่องทันทีเหมือนน้ำหก เขาจะเอาไปทำอะไรไม่ต้องคิด บุญเราสำเร็จที่เจตนาตรงนั้นทันที คิดอกุศลเมื่อใดความคิดเราเองแหละที่เป็นตัวทำลายบุญที่เราสร้าง
ไม่พร้อมอย่าทำเพราะจะเป็นการเบียดเบียนตนเอง เสียดายแล้วไม่ได้บุญด้วย เสียทั้งของเสียทั้งบุญเปล่าๆ

**การบวชหน้าไฟไม่ใช่บวชเพื่อพิธีกรรมอย่างเดียวเป็นกรรมทั้งสิ้นแม้แต่บวชพระบวชชี ต้องบวชด้วยใจ ศีล ทำกรรมฐาน เพื่อให้เกิดปัญญาหลุดพ้น จึงเกิดกระแสบุญอุทิศแก่เจ้ากรรมนายเวรได้ ชีวิตเราก็จะดีขึ้น ด้วยกระแสบุญ เพราะไม่งั้นกลายเป็นการจองเวรของดวงวิญญาณญาติที่ล่วงลับต่อผู้บวชให้ ยังคงเกาะไม่ไปไหน ญาติเคยป่วยเป็นอะไรตายก็จะป่วยเป็นโรคนั้น เขายังไม่ไปผุดไปเกิดรอส่วนบุญเรา

***ครอบครัวเดือนร้อนอย่าบวชหนีเอาตัวรอดคนเดียว ต้องขออนุญาตครอบครัวก่อน เมื่อเขาให้จึงบวช ไม่เช่นนั้นคนที่เราทิ้งมาเป็นหนี้กรรมเราอีก บวชแล้วก็ไม่ได้อานิสงส์เท่าที่ควร

***ฆ่าตัวตายบาปขนาดตัวของเราเองยังไม่รักเลย ฆ่าคนอื่นก็บาปแล้ว ฆ่าตัวเองยิ่งบาปกว่า
ฆ่าตัวตายไม่ใช่แก้ปัญหาแต่เป็นการหนีปัญหา จะแก้ปัญหาเรื่องกรรมต้องทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
คนที่ฆ่าตัวตายเกิดมาจะน้อยเนื้อต่ำใจวาสนาต่ำอาภัพ เพราะเกิดจากไม่รักตนเองในอดีต เกิดมาสายตาจะเศร้า ดูไม่มีความสุข เป็นคนอมทุกข์ ขี้ใจน้อย มักน้อยเนื้อต่ำใจตเองเสมอ บางคนร้ายกว่า เมื่อเกิดมาพ่อแม่ไม่รัก อยู่ในครรภ์ก็คิดจะเอาออก ซึ่งเป็นผลมาจากการฆ่าตัวตายทั้งสิ้น พอเริ่มโตช่วงอายุเคยฆ่าตัวตายเช่นอายุ30ปีพออายุ30ปีก็จะอยากตาย จะเป็นซ้ำอย่างนี้500ชาติ ได้เกิดก็ยาก เกิดแล้วอยู่บนโลกนี้ก็ยาก ถ้าต้องการให้หลุดพันบ่วงกรรมี้ ต้องอาศัยกรรมฐานเป็นเครื่องแก้ ทำจิตให้นิ่ง แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆจะพ้นได้

***การแผ่เมตตาแผ่ให้คนที่เรารัก เช่นแผ่ให้เพื่อนก็จะได้ไมตรีจิตการงานราบรื่น นอกจากนี้แผ่ให้สถานประกอบการงาน เป็นสถานที่มีคุณแก่เรา งานที่น่าเบื่อหน่ายก็เปลี่ยนไป ปัญหาลดลง

**อยากได้ดีต้องหมั่นทำความดี สิ่งดีๆจะเข้ามาในชีวิต สิ่งดีอาจไม่ใช่เงิน อย่ายึดติดกับวัตถุ ความดีคือความปิติใจจากการสร้างความดี ไม่ใช่ทำความดีแล้วต้องรวย เพราะของเหล่านั้นไม่จีรัง ไม่นานก็เสื่อม เป็นทุกข์ ยิ่งเราติดสุขจนลืมความดียิ่งเสื่อมไว

***ของหายตายแทนตัว ของหายอย่าเสียดาย เพราะบางครั้งคนเรามีกรรมต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งในชีวิต ถ้าไม่เสียของ อาจเสียอวัยวะ กรรมบางอย่างเมื่อมาถึงตัวอาจเสียของ ทำแตกร้าว ทำหาย อาจโดนขโมย ท่านว่าอย่าไปมัวเสียดายเลย

**จิตวิญญาณจำนวนมากรอคอยการอุทิศส่วนกุศล เป็นญาติใครก็ไปเกาะคนนั้น เมื่อวิญญาณที่ไปเกาะเป้นอะไรตาย คนโดนเกาะก็พลอยมีอาการตามไปด้วย ต้องอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วย

**การเวียนว่ายตายเกิดในแต่ละชาติ จะนำพานิสัยใจคอจากชาติเดิมๆติดมาด้วย

**การแพ้ท้อง เป็นอำนาจความต้องการของของวิญาณในครรภ์ มาจากภพภูมิไหน เช่น ถ้าเคยโกงกินแผ่นดิน แม่จะอยากกินดินกินทราย ชั้นพรหมแม่อยากกินดินหอม ภูมิสูงเช่นเทพแม่จะอยากกินผลไม้เป็นหลัก
จากภูมิดีเด็กจะยิ้มง่าย เพราะไม่ทุกข์ ภูมิไม่ดีจะร้องไห้บ่อย พอโตมาสัญญาเก่าจะชัดขึ้น เป้นเจ้ากรรมนายเวรกะพ่อแม่ ก็จะแสดงก้าวร้าวออกมาให้เห็น พูดจาไม่ดี เถียงคำไม่ตกฝาก ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจอยู่เรื่อย
สัญญาเก่าจะแสดงออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อได้เจอคนที่มีเชื้อกรรมต่อกัน ตอนที่แสดงจะไม่รู้เลยว่าแสดงเพราะเหตุผลใด อำนาจสัญญาความทรงจำมันเผยให้เห็นกิริยาอาการ
บางคนแสดงออกทางบุคลิก เช่นชอบไหว้พระสวดมนต์ เพราะชาติก่อนผูกพันกับศาสนาบางคนชอบยิงปืน ล้วนเป็นสัญญาเก่าผูกพันมา

***กรรมเป็นเผ่าพันธ์ พ่อแม่ทำตกถึงลุก เช่นพ่อเป็นนายพราน พอมีลูกหน้าเหมือนสัตวืที่ตนฆ่า”กรรมส่งต่อกันเป็นลูกโซ่”เหมือน”หากมีลูกเมื่อใดมันก็ทำกับเราเหมือนที่เราทำกับพ่อแม่นั้น”เช่นกัน

ประวัติ**แม่ชีทศพร แม่ชีอยู่วัดพิชยญาติการาม คลองสาน ธนบุรี แถวตรงข้าม ร.ร ศึกษานารี

หากใครสมาธิลึกขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเห็นเรื่องกรรมเวรชัดขึ้นไปอีก การทำสมาธิทำให้รู้เรื่องได้จริง รู้เบื้องต้นคือรู้กรรมตัวเอง นานวันแรงกล้าจะรู้เรื่องของคนอื่น จนชำนาญไม่ต้องกำหนดนั่งสมาธิก็รู้ได้อย่างแม่ชีทศพร เมื่อใครเดินมาหาท่านท่านก็ทราบความเป็นมา กรรมมันมากับตัว
แม่ชีได้อธิษฐานจิต ขออุทิศตนในการเผยแพร่ศาสนา ขอให้ท่านพูดแต่ในสิ่งธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าสิ่งใดไม่ใช่ขออย่าให้หลุดจากปากท่านเลย

**กรรมของใครที่เป็นพม่ามาเกิด พอเข้าสังคมจะไม่ได้รับการยอมรับเลย โดนกลั่นแกล้ง เข้ากับใครไม่ค่อยได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
คนที่เกิดในสมัยพระเจ้าตากสินมักมีเหตุมาที่วัดพิชยญา มาเจอกับตัวแม่ชี เพราะกระแสกรรมนั่นเอง ที่นำพาคนที่เคยเกิดร่วมชาติกันมาก่อนกลับมาเจอกันอีกในชาตินี้
ถ้าจำไม่ได้แต่สังเกตได้ เช่นตอนเด็กชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าตากสิน รู้สึกเคารพพระเจ้าตากสิน
แม่ชีบอกว่า ผู้ที่เป็นราชการ ทหาร ตำรวจ ค้าขาย ไปขอบารมีท่านตากสินจะมีชัยเหนือคนอื่น

**คาถาหลวงอิติสุคโต หลวงพ่อโอภาสี

“อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง”

กล่าวอย่างน้อย3ครั้ง หรือกล่าวเรื่อยไปขณะเดินทางยิ่งดี ค้าขายสวดทุกครั้งที่เปิดร้าน จุดธูปบอกเจ้าที่อธิษฐานให้ขายดีมีกำไร เดือดร้อนใจก็สวดอโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วย
แม่ชีใช้ประจำ ท่านว่าการบวงสรวงต่างๆ อธิฐานสิ่งใดเทวดาท่านจะอนุเคราะห์สุดความสามารถ เจ้ากรรมนานเวรได้ยินจะยอมอโหสิกรรมให้ จึงดีทางเมตตาและคุ้มครองภัย สวดประจำจะหมดทุกข์หมดโศก โรคภัยไข้เจ็บจะหาย ครอบครัวเป็นสุข เทวดาคุ้มครอง

  COPPY มาอีกตามเคย  Shocked
บันทึกการเข้า
Sundance
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 123
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2609



« ตอบ #101 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 02:58:52 PM »

โทรศัพท์จากผู้ที่ตายไปแล้ว ... หลังจากที่ลูกชายเสียไปแล้ว ผมยังทำงานอยู่ New York ผมเดินจากตึกผมไปอีกตึกหนึ่งซึ่งอยู่ติดกัน (ไม่ต้องออกถนน) เวลาเย็นแล้ว แต่ยังไม่ถึง 17:00 เลิกงาน   มีโทรศัพท์ดังที่โต๊ะของ Tom Cooney  “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”  Tom บอกว่าไม่รู้ใคร โทร.มาเรื่อย พูดไม่รู้เรื่อง  Why don’t you answer it and talk to him in Thai? ผมก็สนุกด้วย เสียงที่ได้ยินคือ  “พ่อ นี่โบ”( ลูกผมชื่อเล่นว่าโบ เขียนว่า Beau หรือ Bo) ผมตกใจมาก เปลี่ยนเป็นพูดอังกฤษ เสียงของเขาเหมือนเสียงของลูก ที่ไม่ชัด ฟังลำบาก เพราะมีก้อน Tumor อยู่เต็มปาก ฟังได้ว่าเขาต้องการพูดกับ Mrs. Low ผมบอกว่าไม่มี  เขาโทร.มาอีก 2 ครั้ง ผมก็บอกว่าที่นี่ Area Code 212 นะ ถ้า New Jersey ต้อง 201 ไม่กล้าพูดเล่นอีกแล้ว ลูกผมรู้จัก Tom

เรื่องนี้เพื่อนผมที่นั่งทางในเป็น  บอกว่าเป็นเรื่องจริง  เขาก็เพิ่งทราบว่า คนตายแล้วติดต่อมาได้ทางโทรศัพท์ ต่อมาผมไปเจอะหนังสือชื่อ Phone calls from the dead พูดถึงเรื่องนี้   Sylvia Browne ก็พูด ไฟฟ้าเป็นสื่อได้   เวลาที่ผู้อยู่ใน Afterlife ติดต่อกับเราได้ จะเป็นตี 3 ไป จนถึง 6:00 เพราะเริ่มมีน้ำค้างในอากาศ  และน้ำเป็นสื่อไฟฟ้า  ถ้าไฟฟ้าในห้องกระพริบติดๆกัน ก็เป็นเรื่องของเขาที่แสดงออกมาให้ทราบ

ตอนที่ผมไป Austin, Texas เพื่อไปเรียนต่อ คุณพ่อคุณแม่และภรรยา (คุ่หมั้น) ไปเยี่ยม  พักอยู่ที่โรงแรม ภรรยานอนกับคุณแม่ คุณแม่หลับแล้ว ภรรยานั่งเขียนจดหมายอยู่  โคมไฟบนโต๊ะกระพริบจนเขียนไม่ได้  ก็ลงนอนบ้าง กำลังหลับ กลางเตียงก็สูงขึ้นมาเหมือนถูกหนุนจากข้างใต้ จนไหลไปนอนริมเตียง แล้วเตียงก็ยุบลงเหมือนมีคนมาลงมานอนด้วย เธอนึกว่าคุณแม่มานอนกับเธอ หันไปที่เตียงคุณแม่ คุณแม่ยังอยู่ที่นั่น ก็ลุกขึ้น ไปหาคุณแม่  “คุณแม่ ใครไม่รู้มานอนกับหนู”  “งั้นเปลี่ยนเตียงกัน หนูนอนคนเดียวได้ไหมล่ะ”  คุณแม่กำลังจะหลับก็โดนบ้าง  มีคนมาเอามือท้าวปลายเตียงและข้างเตียง  คุณแม่จะถีบ แต่ยกเท้าไม่ขึ้น  ก็ต้องภาวนา “ฉันขอมานอนหน่อยนะ”  ไม่มีอะไรต่อมา

รุ่งขึ้น ก็เปลี่ยนห้องกัน ผมกับคุณพ่อไปนอนแทน  คุณพ่อถามว่าผมจะนอนเตียงไหน  ผมชี้อีกเตียง  คุณพ่อให้ผมลงไปซื้อเบียร์มาหนึ่ง  six-pack (6 กระป๋อง)  ดื่มกันคนละ 3  ไม่มีอะไรครับ

เราไป Austin โดยรถเมล์ Greyhound จาก Washington, D.C. (คุณพ่ออยากเห็นประเทศ  ผมเคยนั่งรถเมล์จาก D.C. ,มา Waco, Texas แล้ว ไม่อยากทรมารอีก  แต่ขัดท่านไม่ได้) แล้วบอก แท็กซี่ให้พาไปโรงแรม เขาก็พามาที่โรงแรมเก่าๆแห่งนี้ ชื่อ Texas


บันทึกการเข้า
Sundance
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 123
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2609



« ตอบ #102 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 03:00:28 PM »

ตอนอยู่ New York (Middle Village, Queens) คืนหนึ่งผมกลับดึก มา Subway ต่อ Bus ต้องเดินต่อ เปลี่ยว ไม่มีคน สภาพอย่างนี้   ผมจะเดินมันกลางถนนเลย   เพราะจะได้หนีคนที่ซุ่มตามประตูมืดๆได้ทัน ฟุตปาทก็ใกล้เกินไป (อเมริกาไม่ใช้คำว่า footpath ใช้ sidewalk  ใช้ apartment แทน flat) ผมเห็นเด็กหนุ่ม ใส่ ผ้ายีนส์สีฟ้าๆ  (กางเกงและแจ๊กเก้ท) วิ่งเข้ามาหาจากทางด้าน Long Island Expressway  ถึงตัวก็หายไป  ไม่กลัวครับ  จิตว่าง  เฉยๆ  จะกลัวต้องนึกว่าจะเจอ แล้วก็เจอเข้าจริงๆ  ซึ่งผมไม่เคย  อาจตาฝาดกระมังครับ
บันทึกการเข้า
Sundance
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 123
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2609



« ตอบ #103 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 03:02:07 PM »

ผมเห็นคนมาขณะกำลังหลับบ่อย ช่วงหนึ่งมากจนรำคาญ การเห็นนี้จะเห็นขณะหลับ ลืมตาก็จะหายไป ไม่ใช่ฝัน ไม่ใช่คนรู้จัก ไม่ซ้ำกัน ไม่มาหลอกหลอนหรือขู่เข็ญจะทำอันตราย   เคยเห็นประเภทน่ารังเกียจ น่ากลัว พอจะเรียกได้ว่าผี 3-4 ครั้ง แต่ผมจะหัวเราะใส่มัน ที่แปลกคือว่า ถ้ามาใกล้ผมจะเอาแขนปัด ชกได้ก็ชก เตะได้ก็เตะ มีบ้างที่ผมไม่ทำอะไรเขา   ครั้งหนึ่งเห็นใครไม่ทราบ   แต่ผมดีใจเหลือเกินที่เห็นเขา 

ที่ El Paso เห็นผู้หญิงเดินผ่านเตียง ใส่ชุดบางๆสีเหลืองๆ มีความรู้สึกว่าเป็นช่างเสริมสวย  (Best Western Airport)  ที่ New York เห็นเด็กปีนออกมาจากข้าง Air Conditioner Unit ข้างเตียง  (Pan American Motor Inn)

ช่วงเห็นเป็นระยะสั้นมาก  ฮยู่ระหว่างก่อนจะลืมตา  ลืมตาก็จะหายไป

เคยอ่านจากไหนไม่ทราบว่าช่วงนี้ เป็นช่วงที่อาจได้ความรู้  มีคนพยายามเข้าช่วงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  เพื่อจะเอาความรู้ที่อยู่นอกเหนือปัจจุบัน  มีใครเคยฝันถึง Technology อะไรสักอย่าง ที่ลืมเมื่อตื่นบ้างไหมครับ
สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นได้โด้โดยคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่กันคนละทวีป คิดได้พร้อมๆกัน

 
บันทึกการเข้า
JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #104 เมื่อ: กันยายน 03, 2005, 09:57:03 PM »

อ้างถึง
เคยเห็นประเภทน่ารังเกียจ น่ากลัว พอจะเรียกได้ว่าผี 3-4 ครั้ง แต่ผมจะหัวเราะใส่มัน


ถ้ามาเละๆ เทะๆ เป็นข้าน้อยคงร้องไห้แทนเจ้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2005, 10:02:09 PM โดย JarengkaBOW » บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.11 วินาที กับ 20 คำสั่ง