ข้อ ๑ ยังไม่อยากให้ปฏิวัติครับ
ข้อ ๒ ถ้าถามถึงระหว่าง พธม./รัฐบาล/นปช. ...ฝ่าย พธม. อาจได้รับประโยชน์มากกว่า เพราะจุดประสงค์ของพธม.ก็คือไม่ต้องการให้รัฐบาลหุ่นเชิด (นอมินี) บริหารประเทศต่อไปอีก
แต่ผลพวงคือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ อาจได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมและประชาชนเชื่อมั่นยอมรับมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ก็อาจส่งผลให้ประเทศชาติดีขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ ที่แน่ๆที่จะเห้นเป็นรูปธรรมชัดเจนคือ เหตุการณ์ความไม่สงบที่เป็นอยู่ก็จะหายไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ก็ต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ..คือความสงบของบ้านเมืองในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติ ถ้าสำเร็จ กฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศก็จะต้องถูกฉีกทิ้ง
และจะต้องมีการ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็อาจจะมีการคงเนื้อหาฉบับเดิมที่เป็นหลักใหญ่ที่สำคัญอยู่บ้าง
แต่อาจจะมีรายละเอียดในประเด็นอื่นๆที่อาจจะถูกยกเลิก แก้ไขใหม่ได้ มาถึงตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจว่า ฝ่ายใดจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม
จากการถูกยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิม แล้วร่างใหม่ หรือไม่อย่างไร เกี่ยวกับคดีความ กฎหมายย้อนหลัง นิรโทษกรรม พวกนี้จะมีการร่างขึ้นมาใหม่
แก้ไขกันมาใหม่ แล้วมีผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไปด้วยหรือไม่ คงต้องรบกวนให้ผู้รู้มากกว่าผม มาช่วยวิเคราะห์อีกที
แต่สำหรับผม ยังมองว่า ปัญหาบ้านเมืองมาถึงตรงนี้ วุ่นวายมากเกินไปแล้ว เอากันไม่อยู่แล้ว ต้องใช้กำลังสลายกลุ่มชุมนุมเท่านั้น
ซึ่งเมื่อใช้กำลังแล้วจะเห็นผลหรือไม่ ก็ยังไม่อาจคาดเดาได้ แต่ไม่ว่าผลการสลายการชุมนุมจะออกมาอย่างไรก็ตาม
เราอาจต้องเห็นความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ของคนไทยที่รักชาติ และสถาบันพระมหากษัตริ์ด้วยกันเอง
ผมยังเชื่อว่า ทหารถ้าจะปฏิวัติ คงมีความสามารถที่จะทำได้ แต่สาเหตุที่ไม่ทำ ก็คงคำนึงถึงประเด็นการสูญเสียและความเสียหายเป็นหลัก
ดังจะเห็นได้จาก ที่ท่าน ผบ.ทบ. เรียกประชุมหารือผู้นำแต่ละหน่วยงานราชการและเอกชนนั่นเอง ด้วยการขอเสียง ขอความเห็น
ว่าจะแก้ปัญหาด้วยประการใด แต่นักวิชาการ ผู้นำ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทางไม่อยากให้ปฏิวัติ
เพราะบ้านเมืองจะบอบช้ำไปกว่าเดิมเข้าอีก ท่านผบ.ทบ. ท่านจึงได้เลือกทางนั้น และให้กลับมาเป็นความรับผิดชอบของ
ท่านนายก. ฯ ในฐานะเป็นผู้นำประเทศ
ผมยังมองอีกว่า .. ๑.) การบริหารประเทศนั้น ต้องบริหารประเทศ ไปท่ามกลางความสงบสุข เรียบร้อยและสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
การบริหารประเทศไปท่ามกลางกระแสกดดันอย่างนี้ หรือว่า ๒.) หากรัฐบาลชนะในการสลายผู้ชุมนุมที่มีการสูญเสียเกิดขึ้น
ก็ต้องบอกว่า บริหารประเทศไปท่ามกลางกองเลือดของคนไทยด้วยกันอย่างนี้ ทั้ง ๒ อย่างรัฐบาลยังจะมีความภูมิใจอีกหรือ???
อย่าลืมว่า เป็น นายกฯ ต้องเป็นนายกของคนไทยทั้งประเทศ ท่านเป็นนายกได้เพราะมีคนเขาเลือกท่านมา
ส่วนคนที่ไม่เลือกท่านก็มี พอท่านบริหารประเทศไป ฝ่ายเลือกท่านมาแน่นอน เขาคงสนับสนุน
แต่ฝ่ายที่เขาไม่ได้เลือกท่าน เขานิ่งเฉย เขาสงบ นั่นหมายความว่า เขายอมรับท่านโดยปริยายแล้วว่าให้บริหารประเทศได้
และก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร ซึ่งที่ผ่านมาในหลายรัฐบาลก็เป็นเช่นนั้น
แต่ถ้าต่อมา เขาแม้จะเป็นฝ่ายไม่ได้เลือก หากเขาเกิดโต้แย้งคัดค้านขึ้นมา ท่านจะตัดสิทธิตัดรอนว่าเขาไม่ได้เลือกท่านมาแล้วมาโต้แย้งได้อย่างไร อย่างนั้นหรือ
ก็ในเมื่อท่านเป็นนายกฯของเขา ของคนทั้งประเทศ ท่านต้องรับฟังเขาและแคร์เขา
พลเมืองของประเทศที่เห็นต่างกันทางการเมือง จะมาตายกันด้วยเรื่องของท่าน ..ไม่ได้ ( เพราะไม่ใช่โจรผู้ร้ายทั่วไปหรือผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน )
ผมจึงเเห็นว่า ๑) ถ้าสลายการชุมนุมได้สำเร็จแล้วเกิดการตายสูญเสียชีวิต
หรือ ๒) สลายการชุมนุม ไม่สำเร็จ
ทั้ง ๒ อย่าง ท่านนายก สมชาย ต้องแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบ ในฐานะผู้นำประเทศ
ด้วยการ ยุบสภา หรือ ลาออก ก็แล้วแต่..
เพราะไม่สามารถ ที่จะบริหารประเทศ ให้เป็นไปโดยสงบสุขเเละราบรื่น ด้วยปรองดองความสมานฉันท์ของคนในชาติได้อีกต่อไป..
และถ้าท่าน เสียสละได้.. ก็จะถือว่า ท่านได้เเสดงสปิริต ในความเป็นผู้นำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว ..
ผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำของประเทศไทย ( สยามเมืองยิ้ม ) จะต้องเป็นผู้ที่บริหารประเทศไปโดยทำให้คนในชาติมีความสุข สงบเรียร้อย
สามัคคีและสมานฉันท์ปรองดองกันได้ด้วยครับ ...ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ผู้นำประเทศและนายกรัฐมนตรี ของเราได้
ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่อย่างนี้........
ด้วยความเคารพครับ..
