เรื่องของฟุกุ จริงๆ ต้องท่านอนิกิ
ปลาปักเป้า
(puffer fish, globe fish, Fugu)
พบทั้งในน้ำจืดและน้ำทะเล มีประมาณ 100 ชนิด แต่ที่ทำให้เกิดพิษมีประมาณ 50 ชนิด และพบในประเทศไทยประมาณ 20 ชนิด
เนื้อของปลาปักเป้าไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อย พิษมีมากที่ไข่ ตับ กระเพาะ ลำไส้ ผิวหนัง และพิษของปลาจะเพิ่มมากขึ้นในฤดูปลาวางไข่
ปลาปักเป้าตามทฤษฎีจะเริ่มสะสม Toxin จากสาหร่ายอื่น ๆ ตัวมันไม่ได้ผลิตเอง เพราะฉะนั้นจึงมีรายงานว่าบางชนิดมีพิษ
บางชนิดไม่มีพิษ แต่บางทฤษฎีบอกว่าตอนปลามีไข่อ่อนจะผลิตได้บ้าง
ตัวปลาปักเป้าไม่มี Receptor ที่ Sodium channel จึงไม่ Sensitive กับ Toxin
สารพิษ
สารที่แยกได้จากปลาปักเป้ามี 2 ชนิด คือ Tetrodonine และ Tetrodonic acid ซึ่งเมื่อผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ แล้วได้สาร
Tetrodotoxin อาการพิษจากสาร Tetrodotoxin จะเกิดขึ้นหลังรับประทานปลาปักเป้าประมาณ 30 นาที ถึงหลายชั่วโมง
แล้วแต่ปริมาณที่รับประทาน อาการที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 4 ขั้น คือ
ขั้นแรก ชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ วิงเวียน อาเจียน กระสับกระส่าย
ขั้นที่สอง ชามากขึ้น อาเจียนมาก อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง ยืนและเดินไม่ได้
ขั้นที่สาม เคลื่อนไหวแขนขาไม่ได้ พูดลำบากจนถึงพูดไม่ได้ เนื่องจากสายกล่องเสียงเป็นอัมพาต ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว
ขั้นที่สี่ กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตทั่วไป หายใจลำบาก เขียวคล้ำ หมดสติ รูม่านตาโตเต็มที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง ถ้าไม่ได้รับการ
รักษาที่ถูกต้องผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว
อาการอาจแรงขึ้นจากขั้นแรกถึงขั้นที่สี่ในเวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
การรักษา
เนื่องจากยังไม่มียาแก้พิษจึงรักษาตามอาการ และเนื่องจากพิษจะถูกขับทางปัสสาวะ การให้ยาขับปัสสาวะจะช่วยให้พิษถูก
ขจัดออกได้เร็วขึ้น
ยาเสตียรอยด์มีประโยชน์ในการลดอาการบวมของสมอง
คุณสมบัติของสาร Tetrodotoxin
ชื่ออื่น ๆ TTX, maculotoxin, sheroidine, tarichatoxin, fugu poison
สูตรโครงสร้าง C
11H
17O8N
3น้ำหนักโมเลกุล 319.28
สารพิษนี้ทนต่อความร้อนสูงกว่า 200° C การต้ม, ทอด, ย่าง ไม่สามารถทำลายสารนี้ได้ ในสภาพ pH เป็นกรด พิษจะอยู่ได้นานแต่จะสลายตัวได้เร็วใน pH ที่เป็นด่าง
ค่าความเป็นพิษ LD50 i.p. in mice 8-10 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม อัตราการตายจากคนที่กินแล้วเกิดอาการ 60%
ศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา