.45 จะไม่มีวันตาย .40 ก็จะไม่มีวันตายตามไปด้วย เนื่องเพราะทั้ง .45 .40 ต่างรับทำหน้าที่นั้นไว้เอง

ตามฎีกา นั้น จำเลยถูกกฎหมายปิดปาก ไม่อาจต่อสู้คดี เหตุเพราะเป็นปืนผิดมือ ที่จำเลยไม่ใช่ผู้ได้รับอนุญาต
ข้อห้าม เรื่องซองกระสุน อยู่ใน (12) ของกฎกระทรวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2491 ได้แก้ตามกฎกระทรวง
(ฉบับที่ 8 ) ลงวันที่ 24 มกราคม 2512 มิใช่มีมาแต่เดิมเมื่อปี 2491 ครับ
ตามกฎกระทรวง เป็นเรื่องของการห้าม ออกใบอนุญาตให้ ทำ หรือสั่ง หรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน สำหรับอาวุธปืนดังต่อไปนี้ เพื่อการค้า หรือเพื่อใช่ส่วนตัว คือ
(1). ...
(2). ...
(12). ซองกระสุึนที่สามารถบรรจุได้เกิน สิบนัด เว้นแต่ซองกระสุนที่ใช้กับปืนลูกกรดขนาด .22
..........................
โดยข้อเท็จจริง ซองกระสุน คือชิ้นส่วนที่สำคัญที่ถือเป็นอาวุธปืน แต่เป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์
ที่ไม่อาจมีใบอนุญาตเฉพาะ ถ้ามิเช่นนั้น ซองกระสุนจะต้องมีเลขกำกับไว้ด้วย.
เมื่อเป็นอุปกรณ์ จะต้องดูที่ตัวอาวุธปืนเป็นหลักว่าได้รับอนุญาต ไว้โดยถูกต้องหรือไม่ และซองกระสุนเป็น
อุปกรณ์ที่ผลิตจากโรงงาน ไม่ใช่มาดัดแปลงกันในภายหลังให้ผิดไปจาก ที่โรงงานผลิตออกมา
กฎหมายห้ามสั่ง นำเข้า แต่ไม่ได้กล่าวรวมถึงการห้ามมี มีอยู่ไว้ในความครอบครอง ผู้ถูกจับกุมยังมีข้อต่อสู้ ไม่ใช่จะถูกมัดมือชก จนไร้ทางต่อสู้
โทษทางอาญาจะต้องมีกฎหมายที่ ห้ามกระทำ ต้องมีบทลงโทษระบุไว้อย่างชัดแจ้ง จะอาศัยการตีความให้เป็นผลร้ายไม่ได้ครับ
ตั้งแ่ต่ปีื พ.ศ.2512 ทำไมจึงเพิ่งจะถูกดำเนินคดี กันในยุคของ ระบอบทักษิณ ครองเมือง ระยะเวลา 30 กว่าปี ก่อนหน้านั้น หายไปไหนแล้ว
เมื่อกฎหมายระบุข้อความไว้ชัดแจ้ง โปรดอย่าไปตีความอีก. ห้ามสั่งนำเข้า ไม่ได้หมายรวมถึงการมี การครอบครอง เมื่อกฎหมายไม่เปิดช่องให้มีใบอนุญาตเป็นการเฉพาะได้ และไม่ระบุว่าเป็นความผิด ท่านจะต้องนำจุดนี้ไปโต้แย้ง คัดค้าน
ขออนุญาตให้ความเห็นในเรื่องนี้สักนิดนะครับ
น่าจะเป็นความคลาดเคลื่อนในความเข้าใจในฎีกาและตัวกฎหมายนะครับ
จริง ๆ ดูฎีกาที่เพื่อนสมาชิกนำมาให้พิจารณา ไม่ใช่เรื่องปิดปากมิให้จำเลยต่อสู้ เพราะจำเลยมิใช่ผู้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนกระบอกนั้น แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายลงไปเลยว่า ซองกระสุนที่เจ้าพนักงานสอบสวนนำมาเป็นของกลาง เป็นอาวุธปืนที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายโดยสภาพของทรัพย์สิ่งนั้น จึงต้องห้ามครอบครองไปด้วย ทั้งข้อเท็จจริงในคดี ไม่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงในเรื่องข้อต่อสู้ว่า ซองกระสุนดังกล่าว เป็นส่วนควบของอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาโดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่การนำเข้าซึ่งซองกระสุนที่สามารถบรรจุฯได้เกิน 10 นัด เข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว ที่ต้องห้ามมิให้นำเข้ามาตามกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว เพราะกฎกระทรวงดังกล่าว ไม่ได้ห้ามถึงการนำเข้าซึ่งตัวอาวุธปืนที่สามารถใส่ซองกระสุนที่บรรจุเกิน 10 นัด มิฉะนั้น ตำรวจ อัยการ ก็จะขอให้ริบปืนกระบอกนั้น และศาลฎีกาก็คงจะสั่งริบไปตามขอ
เมื่อฎีกาวินิจฉัยในข้อกฎหมายแล้วว่า เฉพาะตัวซองกระสุนที่สามารถบรรจุได้เกิน 10 นัด เป็นสิงผิดกฎหมาย เชื่อว่า ผู้ที่มีซองกระสุนเช่นว่านั้น ก็ต้องจำยอมรับคำวินนิจฉัย ส่วนจะมีผลกระทบต่อซองกระสุนที่นำเข้ามาพร้อมกับปืนและขายกันในเชิงพาณิชย์ทั่วไปจนถึงปัจจุบันนี้ หรือไม่ ต้องลุ้นกันอีกครา เพราะขณะนี้ยังไม่มีการวินิจฉัยให้ชัดเจนลงไปว่า ซองกระสุนที่ต้องห้ามตามกฎกระทรวงดังกล่าว รวมถึงซองกระสุนที่นำเข้ามาพร้อมปืนที่นำเข้ามาและอนุญาตโดยชอบด้วยหรือไม่ ก็จำต้องรอฟังผลในข้อนี้อีกทีหนึ่ง อย่าด่วนโยนทิ้ง งานนี้ นักกฎหมายที่นิยมอาวุธปืน เขาไม่ยอมกันง่าย ๆ แน่ ต้องหาทางต่อสู้กันอีกหลายยก
เมื่อครั้งมีการตั้งกระทู้นี้ในเวปบอร์ด ก็มีการถกเถียงและให้เหตุผลคาดเดาไปต่าง ๆ นานา พอเริ่มมีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยออกมา ก็พอจับแนวทางไปแล้วว่า พึงระวังการนำอาวุธปืนที่มีซองกระสุน เกิน 10 นัด ออกไปยั่วโทสะเจ้าหน้าที่ จนกว่าจะมีแนวทางที่จะปลอดภัยต่อการนำไปใช้ ซึ่งก็น่าจะเป็นการใช้ข้อมูลการนำเข้าซึ่งอาวุธปืนชนิดลูกดกทั้งหลายว่ามีมาอย่างไร เริ่มตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.ใด จำนวนที่จำหน่ายและอยู่ในความครอบครองของประชาชนที่ไม่รู้ข้อกำหนดข้อห้ามดังกล่าวว่ามีมากเท่าใด ชนิดใดบ้าง เพื่อนำไปสู่เหตุผลของการแก้ไขข้อกำหนด หรือวิธีเยียวยาให้กับกระชาชนผู้เป็นเหยื่อของระบบ ระเบียบอันซับซ้อนที่ว่านี้
ประการสุดท้าย เรื่องประกาศกระทรวงที่ห้ามนี้ มีมาตั้งแต่ปี 2491 ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตปืนลูกดก น่าจะมีอยู่มาก่อนหรือในสมัยดังกล่าวด้วย จึงมีการออกข้อกำหนดห้ามเอาไว้ ด้วยความรู้ส่วนตัวอันน้อยนิด เชื่อว่า ในขณะนั้น ประเทศไทย รัฐมีกำลังจัดหาอาวุธปืนให้กับเจ้าหน้าที่ได้อย่างจำกัด และอาจไม่ทันสมัยตามโลกอาวุธในยุคนั้น จึงต้องจำกัดให้อาวุธปืนที่มีอยู่ในมือประชาชนทั่วไป ไม่ให้มีศักยภาพมากกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงตรากฎกระทรวงออกมาเช่นนั้น แต่ความเก่าแก่และล้าสมัยของกฎหมาย ทำให้เกิดการละเลย(ไม่ว่าโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ) ที่จะไปดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ควบคุมการนำเข้าอาวุธปืนในระยะหลังที่ปืนลูกดกเป็นที่นิยม จึงมีการหลุดลอดให้นำเข้า สั่ง และจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวเป็นการแพร่หลาย จนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยความเข้าอกเข้าใจของผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย และประชาชนผู้บริโภคซืออาวุธปืนดังกล่าว หรือด้วยความหลงลืมไปว่ามีกฎหมายเช่นนั้น จึงไม่ได้นำมาสู่ประเด็นข้อขัดแย้ง จนกระทั่งมีคนต้องหาว่ากระทำความผิดตามกฏหมายดังกล่าว การจะโทษว่าเหตุใดจึงต้องถูกดำเนินคดีกันในยุคของระบอบทักษิณครองเมือง ดูจะเป็นความคิดที่คับแคบและไม่เหมาะสมกับเหตุผล
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเสียประโยชน์จากการนำเรื่องซองกระสุน เกิน 10 นัด มาเป็นเรื่องความผิด เพราะมีไว้ในครอบครองเช่นเพื่อนสมาชิกคนอื่น ๆ อีกหลายท่าน ก็พึงระมัดระวังและต่อสู้ไปตามสิทธิ และการให้ความเห็นข้างต้น ก็ไม่พึงให้เพื่อนสมาชิกเชื่อตามโดยขาดการพิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน เพราะอาจมีเหตุและผลอื่นใดที่ยากแก่การรับทราบมาเป็นข้อคิด ก็คิดไปตามเหตุและผลที่มีปรากฏและรับทราบมาเท่านั้น ผิดถูกอย่างไร ย่อมต้องช่วยกันแก้ไขกันต่อไป
สุดท้ายนี้ ขอสวัสดีปีใหม่ และโชคดีในปี 2552 กันทุกท่าน ทุกคนด้วย
