เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 28, 2025, 09:31:14 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประเทศไทยทำปืนขาย  (อ่าน 16719 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #90 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2009, 10:33:52 PM »

ถ้าดวลกันระหว่างลูกซองไทยประดิษฐ์ กับ  COLT .45  ในระยะ ไม่เกิน 7 เมตร  ผมว่าคนที่ถูกลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงตายก่อนครับ  Cheesy

งง นิดๆ ตกลงใครตายก่อนกันแน่
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
USP40
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #91 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2009, 10:38:30 PM »

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
            แล้วจะอธิบายปรากฏการณ์ยิงกราดที่เพิ่มมากขึ้นใน อเมริกา ด้วยทฤษฎีใดครับ เพราะปืนส่วนใหญ่ที่ก่อเหตุเป็นปืนที่ซื้อในร้านขายปืนในสหรัฐ ซึ่งมีราคาถูก   และนโยบายของการป้องกันเหตุกับการจับกุมเป็นคนละเรื่องกันครับ
            สำหรับเรื่องอาวุธของกองทัพ บางทีการผลิตเองอาจได้ทักษะในการผลิตก็จริง แต่ทักษะที่กองทัพต้องการจริงๆคือทักษะการรบ หรือทักษะการใช้อาวุธมากกว่าน๊ะครับ อีกอย่างประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมน่าจะลงทุนด้านอุตสาหกรรมการเกษตร หากลงทุนผลิตอาวุธซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนักก็ต้องนำเข้าวัตถุดิบอยู่ดี จะคุ้มหรือเปล่าก็ตอบยาก ประเทศในกลุ่มเอเซียถ้าไม่ใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ยังไม่ผลิตเองเลยครับ
            สำหรับ ปัญหาราคาปืนในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนี้ กลไกตลาดจะเป็นตัวปรับราคา ถ้ามีร้านปืนที่ไม่เอาเปรียบ ขายราคาตามจริง เราอาจซื้อปืนได้ไม่ถูกนักแต่ได้ราคามาตรฐานน่าแก้ปัญหาราคาปืนได้ตรงจุดกว่าครับ
ขออนุญาตถามว่า  คนละเรื่องอย่างไรครับ
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #92 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2009, 10:57:41 PM »

ถ้าดวลกันระหว่างลูกซองไทยประดิษฐ์ กับ  COLT .45  ในระยะ ไม่เกิน 7 เมตร  ผมว่าคนที่ถูกลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงตายก่อนครับ  Cheesy

งง นิดๆ ตกลงใครตายก่อนกันแน่
พูดง่าย ๆ  คนที่ถือ .45 ตายก่อนแน่นอนครับ  Wink
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
dhirayut
Full Member
***

คะแนน 18
ออฟไลน์

กระทู้: 205



« ตอบ #93 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2009, 11:38:16 PM »

มองว่าถ้าเราทำขายทั้งหมดเลย คงจะต้นทุนสูงกว่าชาวบ้าน  เหล็กเกรดดีๆต้องนำเข้า มีดtool  jig fixture นำเข้าอีก เครื่องจักรนำเข้าอีก วัสดุสิ้นเปลืองนำเข้าอีก
บ้านเราไม่ได้เปนผู้ผลิตเหล็กต้นน้ำ ทำอะไรเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กลำบาก  ดูจากรถยนต์ ทำขายเขาเยอะ แต่ก้อนำเข้าวัตถุดิบเยอะมาก อันนี้ไม่นับ ต้องซื้อ know how ต่างหากอีก
กลัวว่า ทำแล้วจะขายสู้เขาไม่ได้ ไอ้เรื่องเหล็กเกรดดีๆนะ ไม่ต้องอะไรมาก ลองหา ท่อไม่มีตะเข็บขนาดโตนอก 1 นิ้ว หนา 1.65 มม. เชื่อไหมว่า หายากมาก
ประเทศที่ทำปืน เขาต้องผลิตเหล็กต้นน้ำเอง เครื่องจักรทำเอง tool engineer เต็มประเทศ  ทบ เคยผลิต hk แต่เวลามีด tool ชำรุด รอนำเข้าอย่างเดียว
jig fixture พัง รอนำเข้าเอย่างเดียว  วันนี้โลกแคบ การแข่งขันสูง ไม่ทำปืนขายดูจะดีกว่า
บันทึกการเข้า
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1646


จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง


« ตอบ #94 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 03:55:29 AM »

 ไหว้ ไหว้เข้าใจว่าไทยเคยผลิต อาวุธปืนใช้ในราชการสงครามเองนะครับ ในสมัยหนึ่ง ขออนุญาต คัดลอกบทความ เพื่อเป็นความรู้แก่พี่ๆ น้องล่ะกันนะครับ
กำเนิด 11 มม. ตัวแรกของไทย
เรื่องมันมีอยู่ว่าปืนพกประจำกายทหารไทยน่ะ มันไม่เคยมีพอแจกกันมาตั้งแต่สมัย ร.5 แล้ว สอบเป็นนายร้อยไทย
ได้คาดปืนพกมันโก้จะตาย จนถึงขนาดเกิดคดีขึ้นปี ร.ศ.127 นายร้อยตรีอะไรอย่าเอ่ยชื่อเลยจากกรมทหารมหาดเล็ก
โดนคาดโทษ เมื่อหลวงจ่ายปืนเบราว์นิ่งให้แล้วพวกเล่นถือกลับบ้านแล้วแกล้งบอกว่าทำหาย  จึงมีประกาศจาก
เสนาบดีกลาโหมสั่งว่าใครขืนทำหายอีกต้องซื้อใช้  พระพยอมท่านคงต้องบอกว่า "มานเปนอย่างนี้เรื่อยยยย.......ไป๋
ไม่สุดสิ้น" ถึงยุคจอมพล ป. พิบูลสงครามก็ได้ริเริ่มที่จะผลิตปืนพกใช้เองให้พอแก่ราชการ ปืนพกใหม่จึงเกิดขึ้นเรียกว่า
 "ปืนพกแบบ 80" หรือ "ปพ. 80" โดยใช้แบบปืนรุ่น M ของ บริษัทสตาร์ ประเทศสเปน
 
                 
ปพ. 80
จากหลักฐานของฝรั่งว่า ทบ.ไทยคงซื้อลิขสิทธิ์มาในปี ค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) และสั่งเครื่องจักรใหม่เพื่อเปิดสายการ
ผลิต เช่น แบบจับยึด (Jig and Fixtures) เครื่องเจาะ เครื่องกลึงต่างๆ ของบริษัท Greenwood & Batley จากประเทศ
อังกฤษ เครื่องมือชุดนี้สามารถผลิตปืนพกได้ 20 - 25 กระบอกต่อวัน โดยทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ราคาเครื่องจักรเป็น
เงิน 24,000 ปอนด์  โดยต้องส่งมอบเครื่องจักรทั้งหมดและตัวอย่างปืนจำนวนหนึ่งมาเพื่อพิสูจน์ว่าใช้ทำปืนได้จริง
ภายใน 117 สัปดาห์ (2 ปี 3 เดือน) ซึ่งตรงกับเดือนมีนาคม ค.ศ.1936 (พ.ศ.2479)

แต่แล้วแผนเกิดหยุดชะงักลงเมื่อปี ค.ศ.1936 - 39 เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในประเทศสเปน โรงงานสตาร์
ถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองคนงานหนีตายกันจ้าละหวั่น เอกสารหายสูญไปหมด แม้แต่ปืนต้นแบบในห้องเก็บก็ถูกปล้น
เอาออกไปรบ สตาร์จำต้องเลิกส่งคนมาช่วยติดตั้งเครื่องจักรและทดสอบการผลิตในกรุงเทพ 

ฝรั่งไปพบปืนตัวอย่างที่ผลิตจากอังกฤษ มีตราประทับชื่อบริษัท Greenwood & Batley ตรากงจักร และชื่อปืนพกแบบ
 80 ตอกอยู่ที่สไลด์ ด้วยเหตุนี้เองแม้แต่กรมสรรพาวุธของเราก็เข้าใจผิดหลงบันทึกในทะเบียนปืนเก่าว่ามีปืนพกทำจาก
เมืองผู้ดีเหลือคงคลังอีกหลายสิบกระบอก มิใช่มีสายเลือดกระทิงดุสเปนแต่อย่างใด ปืนที่พบในอเมริกายังมีประหลาด
อีกชนิดคือ ปืนพกกล ปพ.80 ซึ่งคงสร้างเพื่อทดลองตามแผนในใจของราชการไทย

ดูจากเหตุการณ์อันวุ่นวายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  จนทางการให้มีการย้ายเครื่องจักรบางส่วนไปหลบลูกระเบิดแล้ว
ต่อมาคงสั่งระงับการผลิตไปเลย และอาจทำให้มี ปพ. 80 อยู่ในโลกไม่เกิน 100 กระบอก
 
15 ปีผ่านไป - ปพ. 95 ผู้น้อง
ครั้นสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ปืนโคลท์ M1911A1 ขนาด 11 มม. จากอเมริกาในชื่อใหม่ว่า  ปพ.แบบ 86  ได้เป็นปืนพก
มาตราฐานของราชการไทย แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ ในปี พ.ศ.2498 ทบ. เกิดขาดแคลนปืนพกขึ้นอีกรอบ เดือด
ร้อนถึงเหล่าผู้สำเร็จการศึกษานายร้อย จปร. ไม่มีปืนพกประจำตัว กรมสรรพาวุธทหารบกจึงนำแบบปืนสตาร์ ปพ. 80
มาปัดฝุ่นขยายให้เป็นปืนขนาด 11 มม. ด้วยเครื่องจักรที่สั่งมาไว้เกือบ 20 ปีก่อน กลายเป็น "ปืนพกแบบ 95" (ปพ.95)
จ่าคาดว่าช่างไทยคงแอบลองทำไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2495 แล้วจึงมีชื่อรุ่นอย่างนี้

หนังสือฉลอง 90 ปี กรมสรรพาวุธว่าไว้มี ปพ.95 เพียง 300 กระบอก จำหน่ายแก่นายทหารที่จบในปี พ.ศ.2499 เดี๋ยว
นี้แต่ละท่านก็สิ้นสุดอายุราชการไปหมดแล้ว แต่ใครจะไปนึกว่ามีปืน 11 มม. ที่มียอดผลิตแค่ 300 กระบอกในโลกอยู่
ในมือ ปพ.95 รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นดั้งเดิมคือมีเข็มแทงชนวน ใช้แบบแท่งมีสลักล็อกท้ายของสตาร์ 

ปพ.95/03
ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 ทางกรมก็นำ ปพ.95 ที่ยังอยู่คงคลังกลับมาเปลี่ยนเข็มแทงชนวนให้เป็นแบบมีแป้นปิดท้าย
เหมือนโคลท์ที่แข็งแรงกว่าและถอดง่ายกว่าเพราะการถอดแบบของสตาร์นั้นต้องตอกศูนย์หลังออกก่อนด้วยจึงจะ
เอาเข็มแทงชะนวนออกมาได้ ซึ่งทางการต้องเปลี่ยนสไลด์ใหม่ทั้งหมดแล้วตั้งชื่อว่า "ปืนพกแบบ 95/03" (ปพ.95/03)
แปลว่าดัดแปลงใหม่ปี พ.ศ. 2503  การผลิตอีกแบบไม่ต่อเนื่องกระปิดกระปรอย ทราบว่าช่วงที่การปะทะกับ ผกค.
ยังรุนแรงคือ ปี พ.ศ. 2517-2520 ก็ยังมีการผลิตกันทีละชุดๆละ 120 - 200 กระบอก  ตามความทรงจำของช่างที่ทำ
คาดว่ามีเพิ่มอีกราว 1,500 กระบอกเท่านั้น ดังนั้นจึงพอนับว่า ปพ. 95/03 รุ่นปรับปรุงใหม่นี้เป็นของหาได้ยากอีกรุ่น
หนึ่ง  แต่ท่านเดายอดผลิตตามเลขประจำปืน (Serial Number) ไม่ได้นะครับเพราะทางกรมฯก็ผลิตปืนเลียนแบบ
M1911A1 หลังอ่อนที่เรียกว่า ปพ. แบบ 18 เรียงเลขพร้อมกันไปด้วยทำให้ ปพ.95/03 เช่นกระบอกที่นำมาทดสอบ
นี้มีเลขที่สูงถึง 10,400
การผลิต - มันเริ่มจากรู 2 รู     
จ่าขอสัมภาษณ์ผู้ที่เคยทำมันกับมือไว้เป็นประวัติศาสตร์ให้พอเข้าใจง่ายๆว่ากระบวนการทำปืนด้วยมือของ ทบ.
ในสมัยโน้นน่ะมันเป็นอย่างไรกัน ขั้นแรกเอาช่างแสงมาแบ่งงานออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. ทีมสร้างชี้นส่วน
       เป็นการทำชิ้นส่วนอย่างหยาบๆขึ้นมาก่อน และมีการวัดขนาดให้ถูกต้องด้วยแบบวัดผลิตชุดแรก ซึ่งใช้วัดให้
       แน่ใจว่าผลิตมาดีแล้ว สมัยนู้นเขาเรียกชิ้นส่วนนี้ว่า โกรน หรือ ของโกรน
     - โครงปืน เป็นชิ้นแรกสุดและทำยากที่สุด ช่างแสงจะเอาเหล็กท่อนสี่เหลี่ยมหนาเหมือนแผ่นกระดานมาตัดเป็นท่อนๆ
ให้ยาวเท่าโครงปืน แผ่นหนึ่งกว้างพอที่ช่างจะวาดโครงสำหรับปืน 2 กระบอก โดยวาดให้สลับหัวสลับหาง จากนั้นก็บรรจง
เลื่อยท่อนเหล็กตามรูปที่วาดออกมา จากนี้เอาแบบจับยึด (Jig and Fixtures) ซึ่งก็คือแผ่นเหล็กแม่แบบมีแกน 2 แกน
บอกตำแหน่งของโครงปืนมาวาง เพื่อแสดงตำแหน่งว่าจะต้องเจาะโครงปืนที่ตัดไว้ให้ทะลุและเสียบลงในรูเหล่านี้เท่านั้น
 รูมาตราฐาน นี้รูแรกคือรูใส่สลักยึดลำกล้องเหนือโกร่งไก อีกรูอยู่ที่ท้ายด้าม จากนี้ไปช่างจะไส...     เจาะ...กัด...เซาะ
เหล็ก จนเหลือเป็นโพรง  ในแต่ละส่วนเขาจะมีแบบวัดโกรนหรือแบบวัดผลิต นี้มีสารพัดขนาด (รูปร่างเหมือนปากกาปาก
ตาย) ตามสเป็ก ปืนชนิดเดียวช่างจะมีแบบวัดหนึ่งลังใหญ่ๆ 
   - สไลด์ นั้นใช้เหล็กแท่งมาสกัด เจาะช่องสอดลำกล้องแล้วกลึงผิวด้านบนจนโค้ง
   - ลำกล้อง เขาใช้เหล็กแท่งสี่เหลี่ยมชนิดเหนียวพิเศษมาเจาะรูลำกล้อง แล้วกลึงขึ้นรูป จากนั้นเข้าเครื่องกัดส่วน
ท้ายที่เป็นแท่นและห่วงข้อต่อต่างๆ จึงจะเอามาคว้านรังเพลิงครั้งที่ 1 โดยเราจะยังไม่ได้ตามขนาดกระสุนเป๊ะ ขั้นต่อ
ไปก็ค่อยไสร่องเกลียวทีละร่องด้วยใบมีดหล่อด้วยน้ำผสมน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ขั้นสุดท้ายจึงนำดอกคว้านตัวจบ
(Final Reamer)มาปรับรังเพลิงให้ได้ขนาดมาตราฐาน
     - แม็กกาซีน ช่างอีกกลุ่มเขาจะสาละวนนำเหล็กแผ่นมาพับเชื่อมเข้ารูปกับแบบทำแม็กกาซีน ซึ่งเป็นเหล็กแท่ง
กองเตรียมเอาไว้แม็กฯพวกนี้รอถูกปรับแต่งเข้ากับปืนที่เสร็จสมบูรณ์แต่ละตัวในภายหลัง ทำให้ ใช้สลับกับปืนกระบอก
อื่นไม่ได้ ปพ. 95 ตัวหนึ่งหลวงจะแจกแม็ก 3 อัน เป็นสำรอง
   - ชิ้นส่วนเล็กๆอื่นๆ ของปืน คนที่ทำต้องเป็นคนวัดเข้าแบบวัดเองห้ามช่วยกันมิฉะนั้นจะสับสน เจ้าชิ้นเล็กอย่าง
ไกปืนอย่าคิดว่าง่ายเพราะมีแบบวัดโกรนถึง 20 อันไว้กำกับ พอเสร็จก็แยกประเภทใส่ลังไว้ก่อน
 เดี๋ยวมาต่อครับ................. ไหว้
บันทึกการเข้า

"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1646


จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง


« ตอบ #95 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 04:02:32 AM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้ ต่อครับ พี่น้อง
2. ทีมชุดปรับและประกอบ มีประมาณ 20 คนแบ่งเป็นสองหมู่ๆละ 10 คนโดยแจกให้ทำคนละไม่เกิน 1 กระบอก
ต่องาน 1 ชุด และมีโครงปืนโกรนวางเรียงไว้พร้อมเบอร์กำกับบนโต๊ะ
   - การปรับแต่งขั้นต้นหรือปรับปืนขาว ชิ้นส่วนโกรนอื่นๆในกะบะจะนำมาปรับแต่งด้วยเครื่องขัดและมี แบบ
วัดแต่ง เป็นชุดที่ 2 ไว้เทียบกันอีกกระบุงใหญ่ เช่น ศูนย์หลังใช้แบบวัดแต่ง 5 อัน จากนั้นก็จะตีเบอร์กำกับเช่น สไลด์
 มีเบอร์เป็นทางการว่า พ.95/4 น่าสังเกตว่าเขาจะไม่ตีตราผู้ตรวจอย่างเมืองนอกลงบนปืนทุกชิ้นเหมือนช่างเยอรมัน
ประกอบปืนพาราเบลลั่ม แปลว่าผู้ทำเป็นคนให้ผ่านคิวซีเองก่อนไปชุบแข็งชิ้นส่วนต่างๆถูกปรับแต่งเเล้วยังเป็นเหล็ก
สีขาวหรือที่ช่างแสงรู้จักกันว่า ปืนขาว- การชุบเหล็ก ชุบด้วยความร้อนและให้เย็นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ชิ้นส่วนบางชิ้น
มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษกันมิให้บิ่นหรือหักง่าย ได้แก่ ขอรั้งปลอก แกนปุ่มปลดแม็กฯ เข็มแทงชะนวน เป็นต้น มี
พิเศษที่ปากแม็กฯหรือปากซองปืนชุบแข็งไว้ด้วยเพื่อรับแรงถอยหลังของสไลด์ดังนั้นพึงระวังไม่ควรทำแม็กฯหล่น
กระทบพื้น ลำกล้องนั้นชุบไม่ได้เดี๋ยวยิงแล้วระเบิด
   - การเขียนอักษร ส่งให้ช่างเขียนตราของกรมและชื่อแบบปืนลงบนข้างสไลด์ มิได้ทำการตอกลงไปกันชิ้นส่วน
ยุบตัวทั้งนี้ยังไม่ระบุเลขประจำปืน(Serial Number) ลงไปขอรอให้เสร็จจริงก่อน
     - ประกอบครั้งที่ 1 เทียบศูนย์ ตั้งไก คราวนี้ทีมช่างก็เริ่มประกอบปืนเสียที ตะไบคืออุปกรณ์สำคัญเพื่อปรับ
แต่งจนขึ้นลำและลั่นไกได้ครบ แล้วช่างจะเอาไปเทียบศูนย์ระยะ 25 หลา ด้วยกล้องที่มีแกนเสียบเข้ากับรูลำกล้อง
เล็งกับเป้าเทียมปรับแบบนั่งแท่น แล้วนำไปปรับไกปืนตั้งไว้ที่ 2.5-2.8 กก.พอลองยิงได้ 1 นัด จากนั้นก็ส่งไปเขียน
เลขประจำปืน(Serial Number)
   - ส่งรมดำ
     - ประกอบปืนดำ ช่างคนเดิมจะประกอบเข้าด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายเรียกว่า ปืนดำ แล้วยิ้มร่าหิ้ว ปพ.95 และ
กระเป๋าอุปกรณ์ไปยื่นส่งฝ่ายตรวจสอบคุณภาพยิงทดสอบให้ดูที่อุโมงค์ยิงรวม 2 ชุด

คุณค่าที่ถูกลืม
มีช่างปืนรุ่นใหม่กระแนะกระแหนกันให้ได้ยินบ้างว่า ปืนไทยทำเหล่านี้สู้ฝรั่งไม่ได้ เครื่องมือก็เก่า 20-30 ปี แล้วมานั่ง
ตะไบกันอย่างกับปืนเถื่อนแถวอุทัยธานี ในช่วงที่อเมริกันส่งอาวุธใหม่ๆมาช่วย แถมยกเครื่องสายการผลิตกระสุนปืน
เล็กยาวให้ทันสมัยผลิตลูก .30-06 (ปลยบ.88) นั้นเป็นธรรมดาอยู่เองที่ของใหม่และฟรีเป็นที่พอใจคนหมู่มาก แนวคิด
ที่จะทำเอง ออกแบบเอง ซึ่งปลูกฝังกันมาตั้งแต่สมัยดิ้นรนไม่ให้เป็นขี้ข้าฝรั่งเมื่อปลาย ร.5 มาจนสิ้นสงครามโลกจึงค่อย
จางหายไปอย่างน่าเสียดาย จนทุกวันนี้ช่างแสงแปลงจากช่างผลิตมาเป็นแค่ช่างซ่อม งานยากเริ่มขาดทักษะทำไม่เป็น
กันแล้ว แต่น่าพิลึกว่าทุกวันนี้มีฝรั่งที่จ่ารู้จักนั่งศึกษาหาความเป็นมาของปืนของไทยกันไม่ใช่น้อย ส่วนมากก็ไอ้พวกที่
เคยมาช่วย ทบ. เราสมัยก่อนนั่นละ เจอะผลงานช่างแสงไทยก็ติดตาติดใจ ขณะที่ไทยเรากลับลืมไปหมดไม่มานั่งบันทึก
กันไว้บ้าง

คุณค่าของ ปพ.95/03 มิได้ลดลงไปเพียงเหตุว่าเราใช้เครื่องหรือใช้วิธีแสนโบราณทำ ค่าของมันอยู่ที่ความอุตสาหะ
และประนีตในการสร้างซึ่งได้หายไปจากช่างแสงรุ่นไหม่แล้ว  กอรปกับจำนวนผลิตที่ต่ำมากอันเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของนักสะสม และผลการยิงที่เชื่อถือได้ต่างหาก ที่ทำให้จ่าชั้นผู้น้อยคนนี้พอใจ
 
ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความ และความรู้ ท่านที่ใช้นามแฝงว่า คุณค่าที่ถูกลืม
มีช่างปืนรุ่นใหม่กระแนะกระแหนกันให้ได้ยินบ้างว่า ปืนไทยทำเหล่านี้สู้ฝรั่งไม่ได้ เครื่องมือก็เก่า 20-30 ปี แล้วมานั่ง
ตะไบกันอย่างกับปืนเถื่อนแถวอุทัยธานี ในช่วงที่อเมริกันส่งอาวุธใหม่ๆมาช่วย แถมยกเครื่องสายการผลิตกระสุนปืน
เล็กยาวให้ทันสมัยผลิตลูก .30-06 (ปลยบ.88) นั้นเป็นธรรมดาอยู่เองที่ของใหม่และฟรีเป็นที่พอใจคนหมู่มาก แนวคิด
ที่จะทำเอง ออกแบบเอง ซึ่งปลูกฝังกันมาตั้งแต่สมัยดิ้นรนไม่ให้เป็นขี้ข้าฝรั่งเมื่อปลาย ร.5 มาจนสิ้นสงครามโลกจึงค่อย
จางหายไปอย่างน่าเสียดาย จนทุกวันนี้ช่างแสงแปลงจากช่างผลิตมาเป็นแค่ช่างซ่อม งานยากเริ่มขาดทักษะทำไม่เป็น
กันแล้ว แต่น่าพิลึกว่าทุกวันนี้มีฝรั่งที่จ่ารู้จักนั่งศึกษาหาความเป็นมาของปืนของไทยกันไม่ใช่น้อย ส่วนมากก็ไอ้พวกที่
เคยมาช่วย ทบ. เราสมัยก่อนนั่นละ เจอะผลงานช่างแสงไทยก็ติดตาติดใจ ขณะที่ไทยเรากลับลืมไปหมดไม่มานั่งบันทึก
กันไว้บ้าง

คุณค่าของ ปพ.95/03 มิได้ลดลงไปเพียงเหตุว่าเราใช้เครื่องหรือใช้วิธีแสนโบราณทำ ค่าของมันอยู่ที่ความอุตสาหะ
และประนีตในการสร้างซึ่งได้หายไปจากช่างแสงรุ่นไหม่แล้ว  กอรปกับจำนวนผลิตที่ต่ำมากอันเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของนักสะสม และผลการยิงที่เชื่อถือได้ต่างหาก ที่ทำให้จ่าชั้นผู้น้อยคนนี้พอใจ
 
ขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของบทความ แลเจ้าของความรู้บทนี้ ท่านผู้ใช้นามแฝงว่า  " จ่าน้อม ทหารหน้า" มา ณ. ที่นี้ครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
Nu007
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

กระทู้: 216


ในยามคับขัน อย่าลังเล


« ตอบ #96 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 04:38:43 AM »

คำตอบไม่ยาก แต่ปฏิบัติยากครับ คือ ก็ให้รัฐลงทุนร่วมกับเอกชล รัฐบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบ และควบคุมมาตรฐาน เอกชลบริหารจัดการเรื่อง การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการตลาดครับ
บันทึกการเข้า
kit ๖๗๖๗ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 122
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1484



« ตอบ #97 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 09:47:39 AM »

ไหว้ ไหว้ ไหว้ ต่อครับ พี่น้อง
2. ทีมชุดปรับและประกอบ มีประมาณ 20 คนแบ่งเป็นสองหมู่ๆละ 10 คนโดยแจกให้ทำคนละไม่เกิน 1 กระบอก
ต่องาน 1 ชุด และมีโครงปืนโกรนวางเรียงไว้พร้อมเบอร์กำกับบนโต๊ะ
   - การปรับแต่งขั้นต้นหรือปรับปืนขาว ชิ้นส่วนโกรนอื่นๆในกะบะจะนำมาปรับแต่งด้วยเครื่องขัดและมี แบบ
วัดแต่ง เป็นชุดที่ 2 ไว้เทียบกันอีกกระบุงใหญ่ เช่น ศูนย์หลังใช้แบบวัดแต่ง 5 อัน จากนั้นก็จะตีเบอร์กำกับเช่น สไลด์
 มีเบอร์เป็นทางการว่า พ.95/4 น่าสังเกตว่าเขาจะไม่ตีตราผู้ตรวจอย่างเมืองนอกลงบนปืนทุกชิ้นเหมือนช่างเยอรมัน
ประกอบปืนพาราเบลลั่ม แปลว่าผู้ทำเป็นคนให้ผ่านคิวซีเองก่อนไปชุบแข็งชิ้นส่วนต่างๆถูกปรับแต่งเเล้วยังเป็นเหล็ก
สีขาวหรือที่ช่างแสงรู้จักกันว่า ปืนขาว- การชุบเหล็ก ชุบด้วยความร้อนและให้เย็นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ชิ้นส่วนบางชิ้น
มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษกันมิให้บิ่นหรือหักง่าย ได้แก่ ขอรั้งปลอก แกนปุ่มปลดแม็กฯ เข็มแทงชะนวน เป็นต้น มี
พิเศษที่ปากแม็กฯหรือปากซองปืนชุบแข็งไว้ด้วยเพื่อรับแรงถอยหลังของสไลด์ดังนั้นพึงระวังไม่ควรทำแม็กฯหล่น
กระทบพื้น ลำกล้องนั้นชุบไม่ได้เดี๋ยวยิงแล้วระเบิด
   - การเขียนอักษร ส่งให้ช่างเขียนตราของกรมและชื่อแบบปืนลงบนข้างสไลด์ มิได้ทำการตอกลงไปกันชิ้นส่วน
ยุบตัวทั้งนี้ยังไม่ระบุเลขประจำปืน(Serial Number) ลงไปขอรอให้เสร็จจริงก่อน
     - ประกอบครั้งที่ 1 เทียบศูนย์ ตั้งไก คราวนี้ทีมช่างก็เริ่มประกอบปืนเสียที ตะไบคืออุปกรณ์สำคัญเพื่อปรับ
แต่งจนขึ้นลำและลั่นไกได้ครบ แล้วช่างจะเอาไปเทียบศูนย์ระยะ 25 หลา ด้วยกล้องที่มีแกนเสียบเข้ากับรูลำกล้อง
เล็งกับเป้าเทียมปรับแบบนั่งแท่น แล้วนำไปปรับไกปืนตั้งไว้ที่ 2.5-2.8 กก.พอลองยิงได้ 1 นัด จากนั้นก็ส่งไปเขียน
เลขประจำปืน(Serial Number)
   - ส่งรมดำ
     - ประกอบปืนดำ ช่างคนเดิมจะประกอบเข้าด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายเรียกว่า ปืนดำ แล้วยิ้มร่าหิ้ว ปพ.95 และ
กระเป๋าอุปกรณ์ไปยื่นส่งฝ่ายตรวจสอบคุณภาพยิงทดสอบให้ดูที่อุโมงค์ยิงรวม 2 ชุด

คุณค่าที่ถูกลืม
มีช่างปืนรุ่นใหม่กระแนะกระแหนกันให้ได้ยินบ้างว่า ปืนไทยทำเหล่านี้สู้ฝรั่งไม่ได้ เครื่องมือก็เก่า 20-30 ปี แล้วมานั่ง
ตะไบกันอย่างกับปืนเถื่อนแถวอุทัยธานี ในช่วงที่อเมริกันส่งอาวุธใหม่ๆมาช่วย แถมยกเครื่องสายการผลิตกระสุนปืน
เล็กยาวให้ทันสมัยผลิตลูก .30-06 (ปลยบ.88) นั้นเป็นธรรมดาอยู่เองที่ของใหม่และฟรีเป็นที่พอใจคนหมู่มาก แนวคิด
ที่จะทำเอง ออกแบบเอง ซึ่งปลูกฝังกันมาตั้งแต่สมัยดิ้นรนไม่ให้เป็นขี้ข้าฝรั่งเมื่อปลาย ร.5 มาจนสิ้นสงครามโลกจึงค่อย
จางหายไปอย่างน่าเสียดาย จนทุกวันนี้ช่างแสงแปลงจากช่างผลิตมาเป็นแค่ช่างซ่อม งานยากเริ่มขาดทักษะทำไม่เป็น
กันแล้ว แต่น่าพิลึกว่าทุกวันนี้มีฝรั่งที่จ่ารู้จักนั่งศึกษาหาความเป็นมาของปืนของไทยกันไม่ใช่น้อย ส่วนมากก็ไอ้พวกที่
เคยมาช่วย ทบ. เราสมัยก่อนนั่นละ เจอะผลงานช่างแสงไทยก็ติดตาติดใจ ขณะที่ไทยเรากลับลืมไปหมดไม่มานั่งบันทึก
กันไว้บ้าง

คุณค่าของ ปพ.95/03 มิได้ลดลงไปเพียงเหตุว่าเราใช้เครื่องหรือใช้วิธีแสนโบราณทำ ค่าของมันอยู่ที่ความอุตสาหะ
และประนีตในการสร้างซึ่งได้หายไปจากช่างแสงรุ่นไหม่แล้ว  กอรปกับจำนวนผลิตที่ต่ำมากอันเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของนักสะสม และผลการยิงที่เชื่อถือได้ต่างหาก ที่ทำให้จ่าชั้นผู้น้อยคนนี้พอใจ
 
ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความ และความรู้ ท่านที่ใช้นามแฝงว่า คุณค่าที่ถูกลืม
มีช่างปืนรุ่นใหม่กระแนะกระแหนกันให้ได้ยินบ้างว่า ปืนไทยทำเหล่านี้สู้ฝรั่งไม่ได้ เครื่องมือก็เก่า 20-30 ปี แล้วมานั่ง
ตะไบกันอย่างกับปืนเถื่อนแถวอุทัยธานี ในช่วงที่อเมริกันส่งอาวุธใหม่ๆมาช่วย แถมยกเครื่องสายการผลิตกระสุนปืน
เล็กยาวให้ทันสมัยผลิตลูก .30-06 (ปลยบ.88) นั้นเป็นธรรมดาอยู่เองที่ของใหม่และฟรีเป็นที่พอใจคนหมู่มาก แนวคิด
ที่จะทำเอง ออกแบบเอง ซึ่งปลูกฝังกันมาตั้งแต่สมัยดิ้นรนไม่ให้เป็นขี้ข้าฝรั่งเมื่อปลาย ร.5 มาจนสิ้นสงครามโลกจึงค่อย
จางหายไปอย่างน่าเสียดาย จนทุกวันนี้ช่างแสงแปลงจากช่างผลิตมาเป็นแค่ช่างซ่อม งานยากเริ่มขาดทักษะทำไม่เป็น
กันแล้ว แต่น่าพิลึกว่าทุกวันนี้มีฝรั่งที่จ่ารู้จักนั่งศึกษาหาความเป็นมาของปืนของไทยกันไม่ใช่น้อย ส่วนมากก็ไอ้พวกที่
เคยมาช่วย ทบ. เราสมัยก่อนนั่นละ เจอะผลงานช่างแสงไทยก็ติดตาติดใจ ขณะที่ไทยเรากลับลืมไปหมดไม่มานั่งบันทึก
กันไว้บ้าง

คุณค่าของ ปพ.95/03 มิได้ลดลงไปเพียงเหตุว่าเราใช้เครื่องหรือใช้วิธีแสนโบราณทำ ค่าของมันอยู่ที่ความอุตสาหะ
และประนีตในการสร้างซึ่งได้หายไปจากช่างแสงรุ่นไหม่แล้ว  กอรปกับจำนวนผลิตที่ต่ำมากอันเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของนักสะสม และผลการยิงที่เชื่อถือได้ต่างหาก ที่ทำให้จ่าชั้นผู้น้อยคนนี้พอใจ
 
ขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของบทความ แลเจ้าของความรู้บทนี้ ท่านผู้ใช้นามแฝงว่า  " จ่าน้อม ทหารหน้า" มา ณ. ที่นี้ครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้

+1  เป็นวิทยาทาน  เชื่อว่าหลายท่านก็ยังไม่ทราบเช่นกัน
บันทึกการเข้า

มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือความล้มเหลว
songchai_n
Sr. Member
****

คะแนน 34
ออฟไลน์

กระทู้: 501


« ตอบ #98 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 02:37:05 PM »

+1 สำหรับทุกท่านที่แสดงความเห็นครับ สังคมลูบหน้า ปะจมูกอย่างทุกวันนี้ ทุกคนในชาติคงจะต้องรอชาติหน้าบ่ายๆ บ้านเราเป็นเมืองพุทธ ไม่มีบริษัทขายเหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์เพราะจะไปตั้งแล้วมาประท้วงกันเต็มถนน แต่คนไทยเป็นนักดื่มติดอันดับโลก โดยเฉพาะเหล้านอกตราคนเดิน คาสิโนก็มีไม่ได้ แต่ไปดูของจริงที่ปอยเปต จะเห็นว่าเขาทำไว้ให้คนไทยเข้าไปเล่นโดยเฉพาะ ปืนก็มีไม่ได้ บ่มเพาะความรุนแรง เดี๋ยวเด็กเอาไปใช้ผิดๆ เดี๋ยวเอาไปปล้นจี้ แต่ประเทศนี้มีข่าวอาชญากรรมชนิดวันต่อวัน บนหน้าหนังสือพิมพ์ ผมไปอยู่อเมริกาที่ท่านว่า หนังสือพิมพ์ USA today ไม่มีข่าวแบบนี้เลยครับ นานๆจะโผล่มาที โผล่มาเป็นข่าวดังไปทั่วโลก อย่างที่ท่านได้ยิน เลยไม่รู้ว่า เอาแบบไหน อย่างที่มีเมล์ forward กันเลยว่า เพราะความอุดมสมบรณ์ไร้ข้อบกพร่องของประเทศนี้...พระเจ้าจึงสร้างคนไทยลงมาเกิด ฮาไม่ออกเลย เดินออกไปดูของจริง หาชาวไร่ ชาวนา สังคมต่างจังหวัด หรือในเมืองที่ท่านเรียกว่าสลัม หรือแหล่งเสื่อมโทรม ดูการใช้ชีวิตของคนสุจริตชน ที่ท่านไม่ได้เป็นอย่างเขา ถามตัวท่านเองว่าประเทศนี้ปลอดภัยจริงหรือ ราคาปืนขนาดนี้ ชาวบ้านจะทำอย่างไร เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ ลูกซองเดี่ยวไบคาลกระบอกละหกพัน ถ้าผมเป็นชาวไร่ ชาวนา ผมก็คงไม่ไปหาของเถื่อนมาเก็บให้มันเสี่ยงหรอกน่า ซื้อของไทยทำถูกๆ ดีๆ ใช้งานได้ วิธีการมีตั้งเยอะ ที่จะทำให้ถูกต้อง กำหนดโควต้าทำได้ปีละกี่กระบอกก็ยังไหว ให้ทหารทำก็ยังได้ รายได้เข้ารัฐ โอย จิปาถะ มีแต่ข้อดี แต่อย่างว่า เดี๋ยวมีคนมาประท้วงแบบ คาสิโน อีกล่ะ
บันทึกการเข้า
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 55
ออฟไลน์

กระทู้: 906


« ตอบ #99 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 03:12:24 PM »

ประเทศไทยมีหน่วยงาน BOI เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมการลงทุน แต่ละปีก็พยายามเรียกร้องเชิญชวนหามาตรการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีตัวเลขโชว์มากมายสร้างผลงานให้ BOI มาตลอด ผลงานดีมากเลยครับ นี่แหละครับส่งเสริมการลงทุน
บันทึกการเข้า
bignarak
Full Member
***

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 175



« ตอบ #100 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2009, 03:40:45 PM »

ทำด่วนอยากได้ปืนราคาถูกครับ
บันทึกการเข้า
~LeO~
Newbie
*

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4



« ตอบ #101 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 12:02:11 AM »

โรงงานผลิตปืน

http://dek-d.com/board/view.php?id=1417971
บันทึกการเข้า

31/112 ซ.ชินเขต 2/161 ถ.งามวงศ์วาน ทุ่งสองห้อง เขต หลักสี่ กทม.10210
โทร.0814312406
khwanphet_NAVY 39
Hero Member
*****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 2035


« ตอบ #102 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 08:41:54 AM »

................................จะรออุดหนุนครับ............................. ไหว้
บันทึกการเข้า
คนบ้านเดียวกัน
Guns is my life
Full Member
***

คะแนน 20
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 226



« ตอบ #103 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 09:11:54 AM »

มาสนับสนุนให้ผลิตด้วยคนครับ
บันทึกการเข้า
ช.ช้าง
Rifle Team
Sr. Member
****

คะแนน 32
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 826


หลงรสเหล้าเมาควันปืน


เว็บไซต์
« ตอบ #104 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 09:24:22 AM »

โคลงสี่มาตรฐาน (เอกเจ็ด โทสี่ ครบตามฉันทลักษณ์)

   ไทยทำทุกสิ่งได้   ดังใจ
ขายส่งออกแดนไกล  กล่นหล้า
อาหารเครื่องกลไก   ตลอดสิ่ง ทอเฮย
ยังแต่ปืนแปลกบ้า  สั่งห้าม ทำเอง

ผมว่าอีกไม่นานเราอาจจะได้ซื้อปืน ...Made in Vietnam... มาใช้กันครับ...
บันทึกการเข้า

เพราะชิวิตไม่สวยงามเหมือนความฝัน...การฆ่าฟันจึงยังคงอยู่
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.152 วินาที กับ 20 คำสั่ง