เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 11, 2025, 05:07:52 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซฟทีคัท  (อ่าน 19523 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
J
Sr. Member
****

คะแนน 185
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 834



« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 07:35:32 PM »

กระทู้นี้ได้อ่านง่ายได้ความรู้จริงๆครับ ขอบคุณทุกท่านครับ ไหว้
ขออนุญาตจขกท.ถามคุณenola gayครับว่าground rodจำเป็นต้องวางแนวดิ่งหรือไม่ครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าground ของเราใช้ได้หรือไม่ครับผมเคยถามผู้รับเหมาว่าจะรู้ได้ไงเขาบอกว่าต้องใช้เครื่องวัดพิเศษต้องไปขอยืมจากไฟฟ้าจังหวัดจริงหรือครับ  Undecidedอืม......หรือว่าให้ภรรยาลองเอานิ้วเปียกๆแหย่ปลั๊กไฟดู ถ้าไม่ตายแสดงว่าผู้รับเหมาเป็นคนซื่อสัตย์ ยิ้มีเลศนัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2009, 07:39:02 PM โดย J » บันทึกการเข้า
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 08:01:11 PM »

กระทู้นี้ได้อ่านง่ายได้ความรู้จริงๆครับ ขอบคุณทุกท่านครับ ไหว้
ขออนุญาตจขกท.ถามคุณenola gayครับว่าground rodจำเป็นต้องวางแนวดิ่งหรือไม่ครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าground ของเราใช้ได้หรือไม่ครับผมเคยถามผู้รับเหมาว่าจะรู้ได้ไงเขาบอกว่าต้องใช้เครื่องวัดพิเศษต้องไปขอยืมจากไฟฟ้าจังหวัดจริงหรือครับ  Undecidedอืม......หรือว่าให้ภรรยาลองเอานิ้วเปียกๆแหย่ปลั๊กไฟดู ถ้าไม่ตายแสดงว่าผู้รับเหมาเป็นคนซื่อสัตย์ ยิ้มีเลศนัย

ต้องปักแนวดิ่งครับ  การตรวจความสมบูรณ์ของ Ground rod ทางกายภาพก็ดูว่ามันฝังแน่นมั๊ย สายที่ต่อยังแน่นอยู่มั๊ย  แต่ที่สำคัญคือในทางไฟฟ้าครับ  เครื่องวัดที่ว่าเรียก Ground Tester หรือ Earth Resistance Tester ครับ  ในชุดของอุปกรณ์มีแท่งโลหะตัวนำมา 2 แท่ง  นำไปปักห่างจาก Ground rod ระยะ 5- 10 ม. จะมีสายไฟจากเครื่อง 3 เส้น ต่อไปยังแท่งโลหะที่ว่าทั้งสองแท่ง และที่ Ground rod เพื่อให้เครื่องอ่านค่าครับ  ดูจะยุ่งยากสำหรับบ้านเรือนทั่วไป ยิ่งห้องแถวยิ่งไม่รู้จะไปปักอีก  2 แท่งที่ไหน  ส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้กับโครงการพวกโรงงาน อาคารสูงครับ  ถ้าไม่มีเจ้าตัวนี้  อาจใช้วิธีนี้ครับ

1) ใช้มิเตอร์ ตั้งการวัด OHM  ขั้วนึงจับที่ Ground อีกขั้วจับที่แป๊บน้ำ ค่ายิ่งใกล้ศูนย์ยิ่งดีครับ  แต่ถ้ามันไม่กระดิกเลยแสดงว่ากราวน์หลุดแล้วครับ  หรือ

2) ใช้มิเตอร์ ตั้งการวัด Volt  ปลดสาย N ออกจาก Ground ซึ่งมักถูกต่อกันที่ตู้จ่ายไฟ ( Load Center, Panel board ) ซึ่งอาจจะยุ่งยากอีกนิด  ขั้วนึงต่อที่ L อีกขั้วต่อที่ Ground  ถ้าอ่านค่าแรงดันได้ 220 V ก็อนุมานได้ว่า Ground ยังดีอยู่ครับ  ( ห้ามสัมผัสจับโดนขั้วใดขั้วหนึ่งนะครับ จะโดนดูดเอาครับ  แต่ข้อแรกสัมผัสได้ไม่อันตรายครับ )

เป็นเรื่องเล่าขานกันอย่างติดตลก(ร้าย)ว่า  บางงานหากวิศวกรผู้ตรวจรับงานไม่เท่าทันผู้รับเหมา  ก่อนที่จะทำการตรวจค่ากราวน์  ผู้รับเหมาจะหาสารละลายกรดอ่อนๆเทแถวๆรอบๆแท่งกราวน์ เพื่อให้ได้ค่าที่ดีขึ้น ทดสอบผ่านฉลุย  แต่นานๆเข้ามันก็แย่ลง  น่าเกลียดมากครับพวกนี้  Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2009, 08:03:42 PM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13943


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 09:49:13 PM »

อุปกรณ์พวกนี้ไม่น่าใช้ครับ   ผมต้องขับรถไปบ้านญาติเพื่อเปิดสวิชท์บ่อยๆ   มันอาจดีเกินไปฟ้าผ่าใกล้ๆก็ตัดไฟรั่วนิดหน่อยก็ตัด    ถ้าเรารีเซ็ทเป็นก็ไม่เป็นไรครับ   แต่มันกวนใจจังอีตอนไม่รู้ทำไมมันตัด
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 01:30:57 AM »

อุปกรณ์พวกนี้ไม่น่าใช้ครับ   ผมต้องขับรถไปบ้านญาติเพื่อเปิดสวิชท์บ่อยๆ   มันอาจดีเกินไปฟ้าผ่าใกล้ๆก็ตัดไฟรั่วนิดหน่อยก็ตัด    ถ้าเรารีเซ็ทเป็นก็ไม่เป็นไรครับ   แต่มันกวนใจจังอีตอนไม่รู้ทำไมมันตัด

ขอบคุณคุณ lek มากเลยครับที่เล่าประสบการณ์นี้มา ทำให้ผมนึกเรื่องนึงออก และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆด้วยครับ

เรื่องมีอยู่ว่า อุปกรณ์ตัดเมื่อไฟดูดพวกนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท  เรียกว่า  Class  มี Class AC  และ Class A

กรณีที่คุณ lek ประสบพบมามีความเป็นไปได้สูงว่าเป็น Class AC ครับ  จึงเกิด Nuisance Trip ( ตัดทั้งๆที่ไม่ได้เกิดปัญหาขนาดเท่าที่ควรจะตัด หรือ ตัดไวเกินไป )  ซึ่งอุปกรณ์ Class AC จะราคาถูกกว่า Class A  ดังนั้น เพื่อความเที่ยงตรงกว่า จึงแนะนำให้เลือก Class A ครับ  นอกจากตัวอักษรที่ระบุ Class แล้ว  ดูได้จากสัญลักษณ์ดังนี้ครับ










ทีนี้มาเพิ่มเติมอีกหน่อยเรื่อง Earth Leak Protection Device

อุปกรณ์พวกนี้ก็จะมีหน้าตาคล้าย CB ( Circuit Breaker ) ครับ  แต่จะมีข้อสังเกตนิดนึงที่แตกต่างคือ มักจะมีปุ่มสีเหลืองเพิ่มขึ้นมา  ไว้สำหรับ Test ทดสอบว่ายังตัดได้ไหม  เวลาเรากดปุ่มเหลืองนี้ ตัวอุปกรณ์จะจำลองสถานการณ์ไฟรั่วให้ตัวเอง หากตัวมันทำงานเรียบร้อยดี มันก็จะตัด ( Trip ) ให้เราเห็นทันทีครับ  ในทางกลับกัน  หากกดแล้วมันเฉย  อันตรายแล้วครับ  สมควรเปลี่ยนตัวใหม่ให้เร็วที่สุด  ที่พูดมานี้ ท่านที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นคงพอจะคุ้นๆว่า เครื่องของเราก็มีปุ่มให้กด Test เหมือนกันนี่  ใช่ครับ  ทำงานเหมือนกัน มีหน้าที่เหมือนกันกับที่ผมเพิ่งเล่ามาเลยครับ

อุปกรณ์พวก CB หรือ Earth Leak Protection ในขนาดหรือระดับที่ใช้ตามบ้าน แบ่งตามกายภาพหรือรูปลักษณ์จะมี 2 แบบอีก คือแบบ Plug-in และแบบ Din rail

ในตามบ้านทั่วไปผมเชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 80-90 % เป็นแบบ Plug-in ครับ  ท่านลองดูตู้ไฟในบ้าน ถ้าเป็นยี่ห้อ Square-D นั่นฟันธงไปเลยว่าเป็นแบบ Plug-in    คือตัว CB หรือ Earth Leak จับกดลงไปในฐานได้เลย     แต่แบบ Din rail จะคล้องตัวมันกับรางที่เรียกว่าราง DIN Rail แล้วเดินสายกันอีกที ส่วนตัวผมชอบ DIN ครับ เพราะถ้าเราขันสกรูให้แน่น มันค่อนข้างแน่นอน แต่แบบ Plug-in มันเสียบลงไปแล้วอาศัยแรงสปริงหนีบไว้ ใช้ไปนานๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นมีผลครับ  แรงกดหายไป เกิดการอาร์ค เสียหายได้เหมือนกัน  ก่อนเกิดเหตุร้ายแรงอาจส่งเสียงหึ่งๆแบบเสียงฮัมให้ได้ยินก่อน  เมื่อมีโอกาสเข้า Home Pro หรือร้านไฟฟ้าลองขอเค้าดูก็จะพอเข้าใจครับ


เลยไปโน่น  กลับมาที่ Earth Leak ดีกว่านะครับ  อุปกรณ์นี้แบ่งได้อีกครับ คือ แบบที่มี CB ในตัว กับ ไม่มี CB ในตัว

จำได้นะครับว่า CB ทำหน้าที่อะไร  ... ตัดเมื่อกระแสเกิน ( Overload และ Short circuit )  ดังนั้น Earth Leak ที่มี CB ในตัวก็จะครอบคลุม 3 หน้าที่เลย คือ ตัดเมื่อ

1) กระแสเกินอันเนื่องมาจาก Overload
2) กระแสเกินอันเนื่องมาจาก Short Circuit
3) ไฟรั่ว

อันนี้มีชื่อเรียกกันได้หลายแบบ เช่น RCBO ( Residual Current Operated Circuit Breaker ) หรือ ELCB ( Earth Leak Circuit Breaker )  จะเห็นได้ว่ามักจะมีคำว่า Circuit Breaker ปนอยู่ด้วยเพราะตัวมันรวมเอา CB เข้าไว้ด้วยกัน  และแน่นอน ต้องแพงกว่าแบบที่ไม่มี CB ในตัว


ส่วน Earth Leak ที่ไม่รวม CB ไว้ในตัวก็จะตัดต่อเมื่อ ไฟรั่ว  เท่านั้นครับ มักจะถูกเรียกว่า RCD ( Residual Current Device )


แล้วจะเลือกใช้อย่างไร  ?

นึกภาพตู้ไฟของท่านนะครับ  สมมติว่าท่านไม่เคยใช้ RCD หรือ ELCB มาก่อนเลย  เจ้า CB ทั้งหลายในตู้ไฟของท่านก็จะทำหน้าที่ตัดเมื่อกระแสเกินให้อยู่แล้ว ( ภาวนาขอให้ช่างใส่ให้ถูกขนาดก็แล้วกัน อิอิ )  ตัดประเด็นหน้าที่ของ CB ไปก่อนเพราะมีอยู่แล้ว     มองย่อยลงไปในสาขา หรือ วงจร หรือ Branch circuit ... สมมติว่าตัวที่จ่ายไฟไปยังปลั๊กไฟทั้งบ้าน ( บางบ้านอาจจะแบ่งเป็นวงจร 1 = ปลั๊กชั้นล่าง,   วงจร 2 = ปลั๊กชั้นบน  ด้วยจุดประสงค์ว่า หากไฟช็อตชั้นล่างก็ให้ตัดแต่ชั้นล่าง  ช็อตชั้นบนก็ตัดแต่ชั้นบน จะได้ไม่วูบไปพร้อมๆกันทั้งหลัง แถมยังรู้ได้ด้วยว่าต้นเหตุที่ช็อตอยู่ชั้นไหน )  หากเราต้องการจะเพิ่มความสามารถในการ "ตัดเมื่อไฟรั่ว" เราก็เพิ่มแต่ RCD โดยต่อหลัง CB ก็ได้แล้วครับ  ( ต้องรื้อตู้ไฟกันหน่อย )

หรืออย่างเครื่องทำน้ำร้อนแบบก๊อกผสม เช่นของ SIEMENS หรือ Stiebel Eltron มักจะไม่มี RCD มาให้เหมือนเครื่องทำน้ำอุ่นของ Panasonic ...ฯลฯ  เราก็อาจจะซื้อเจ้า RCB ไปติดดักหน้าก่อนไฟฟ้าจ่ายเข้าเครื่องฯก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องไปรื้อตู้ไฟ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่เพื่อนๆแนะมาว่าไม่น่าติด RCD ไว้คุมทีเดียวทั้งบ้าน เพราะอุปกรณ์แต่ละตัว แต่ละจุด อาจจะรั่วได้จุดละเล็กละน้อย พอรวมๆกัน 15 mA อาจจะไม่อยู่ ตัดเรื่อย เราก็ต้องเพิ่มขึ้นไป หรือหงุดหงิดเข้าตั้งที่ Direct แย่เลย ไม่ตัดเลย ถึงคราวเคราะห์ก็สอบชิงทุนไปนอกโลกเลย ( ขอยืมใช้นะครับ อิอิ )

เมื่อเราแยก RCD จุดละตัว โชนละตัว เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นละตัว ทำให้เราเลือกค่ากระแสรั่วให้ตัดได้ต่ำ อันนำมาซึ่งความปลอดภัยสูงสุด หาซื้อต่ำได้เท่าไหร่ยิ่งดีครับ ตลาดบ้านเราหาได้ต่ำถึง 6 หรือ 10 mA ครับ  รอให้รั่ว 30 mA ผมว่าไม่ตายเพราะไฟดูดก็อาจจะตายเพราะกระตุกจนหัวฟาดพื้นครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2009, 02:13:11 AM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 06:05:30 AM »


ขอบคุณทุกความรู้ โดยเฉพาะคุณENOLA GAYครับ
อยากรู้ว่าการกระเพื่อมของแรงดันไฟฟ้ามีผลให้Earth Leak Circuit Breakerทำงานผิดปกติด้วยหรือไม่ครับ
เมื่อสองเดือนก่อนผมมีปัญหาตัดบ่อยจนต้องปรับเป็นDirectไว้ ว่าจะรอวันว่างมาตรวจสอบ
พอการไฟฟ้ามาเปลี่ยนยกหม้อแปลงใหม่ในหมู่บ้าน(แทนตัวเดิมที่เข้าใจว่ารวน) ปัญหาผมหมดไป ใช้งานได้เป็นปกติ
เกือบได้รื้อสายไฟทั้งบ้านแล้ว  โดนชก

บันทึกการเข้า
หลวงริน - รักในหลวง
ถ้าวันนี้ทำดี...เรื่องพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกังวล
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 688
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8829


อยู่คนเดียวให้ระวังความคิดอยู่กับมิตรให้ระวังวาจา


« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 06:32:09 AM »

ได้ความรู้มากเลยสำหรับคนกำลังปลูกบ้านเช่นผม

บวก 1 ให้ทุกคำถามและทุกคำตอบทุกท่านครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
กบ
ลุย
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 15
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 156



« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 07:56:04 AM »

ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ในตอนเช้าของวันที่ 18 มีนาคม 07.30 น.ก่อนเข้าทำงาน
บันทึกการเข้า
cups
ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 98
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 532


ความสวยเราสร้างได้


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 09:08:17 AM »

บ้านผมเดินสามสาย มีเซอกิตเบรคเกอร์แยกเป็นโซนๆ และติดเซฟทีคัทด้วย ปัญหาก็คือถ้าฝนตกหนักๆเซฟทีคัทจะตัดเอง ต้องเปลี่ยนเป็นต่อตรงจนกว่าฝนจะหยุดตกจึงเปลี่ยนกลับ น่ารำคราญพอควร แต่ก็ปลอดภัยดี
บันทึกการเข้า
Footballmania
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 31
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1603


รักในหลวง


« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 11:35:18 AM »

groung rod มีการวางหลายแบบครับ ทั้งแบบแนวดิ่ง แนวนอน และ แบบวงแหวน

ส่วนระบบไฟที่หน้าบ้าน เป็นแบบ 2 เส้น กับ ระบบสายดิน(3 เส้น) ไม่เกี่ยวกันครับ

เพราะสายดิน(สายที่ 3) จะแยกที่ตู้ Load Center ในบ้านเรา
บันทึกการเข้า

jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #24 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 02:26:36 PM »

บ้านผมเดินสามสาย มีเซอกิตเบรคเกอร์แยกเป็นโซนๆ และติดเซฟทีคัทด้วย ปัญหาก็คือถ้าฝนตกหนักๆเซฟทีคัทจะตัดเอง ต้องเปลี่ยนเป็นต่อตรงจนกว่าฝนจะหยุดตกจึงเปลี่ยนกลับ น่ารำคราญพอควร แต่ก็ปลอดภัยดี

บ้านผมก็เป็นเหมือนกันครับ และยังหาไม่พบว่าชื้นตรงไหน ....

ผมเคยจับสายไฟเปลือย ๆ เพราะคิดว่าได้ยกเซอร์กิตเบรคเกอร์แล้วครับ (กระตุกแรงดี หัวใจเกือบหยุดเต้นเหมือนกัน ดีที่มีเซฟ-ที-คัท ตัวที่เกือบเผาบ้านผมนั่นล่ะ ช่วยไว้) ... เรื่องของเรื่องคือปลั๊กที่จะซ่อมมันไม่ได้ใช้เซอร์กิตเบรคเกอร์เดียวกับไฟเพดานครับ .... ตรงนั้นเป็นห้องที่ต่อเพิ่ม ช่างจั๊มไฟมาจากคนละที่  Undecided ....
บันทึกการเข้า

yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #25 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 02:37:17 PM »

ครับ..........
ถ้า มีเวลา ก็ จั้ม ดักไว้ครับ
หา ไลต์ ดีดี ก่อนตัดต่อ นะครับ
บ้านใหม่ ยังไม่ใคร่มีปัญหา
บ้านเก่า บางที ต่อมั่ว
ดึงเส้นนั้นเส้นนี้ มาใช้
ประมาณว่า ใกล้ๆไหน เอานั้น
เล่นเอาปวดหัว เหมือนกัน
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #26 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 04:36:01 PM »

groung rod มีการวางหลายแบบครับ ทั้งแบบแนวดิ่ง แนวนอน และ แบบวงแหวน

ส่วนระบบไฟที่หน้าบ้าน เป็นแบบ 2 เส้น กับ ระบบสายดิน(3 เส้น) ไม่เกี่ยวกันครับ

เพราะสายดิน(สายที่ 3) จะแยกที่ตู้ Load Center ในบ้านเรา

ขอบคุณครับ คุณ ART@GUN เลยได้เคาะสนิมไปด้วย ขออนุญาตขยายความเพิ่มเติมให้เพื่อนๆไปด้วยเลยนะครับ

โดยคัดจากบทความของ ผศ. ประสิทธิ์ พิทยพัฒน์ ครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลักดินแบบต่างๆมีหลายแบบ ที่นิยมใช้มี 4 แบบคือ

1) หลักดินแบบแนวดิ่งหรือแท่งดิน  ( Ground Rod )

     เป็นหลักดินที่ใช้แท่งตัวนำตอกลงไปในดิน  นิยมใช้มากที่สุด  เพราะราคาถูกและติดตั้งง่าย  แท่งดินต้องมีคุณสมบัติดังนี้

     -  ยาวไม่น้อยกว่า 2.4 m.
     -  เส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า  16 mm.




2) หลักดินแบบรัศมี   ( Radial Electrode )

    เป็นหลักดินที่ตัวนำวางในแนวราบ  ฝังใต้ดิน และต้องการคุณสมบัติดังนี้

    -  ฝังอยู่ในดินลึกประมาณ  0.5 - 1.0 m.
    -  ตัวนำทองแดงยาวไม่น้อยกว่า  6  m.
    -  ตัวนำทองแดงขนาดไม่น้อยกว่า  35  sq.mm.




3) หลักดินแบบวงแหวน  ( Ring Electrode )

    หลักดินแบบนี้จะฝังอยู่รอบอาคารและต้องมีคุณสมบัติเหมือนหลักดินแบบรัศมีคือ

    -  ฝังอยู่ในดินลึกประมาณ  0.5 - 1.0 m.
    -  ตัวนำทองแดงยาวไม่น้อยกว่า  6  m.
    -  ตัวนำทองแดงขนาดไม่น้อยกว่า  35  sq.mm.





4) หลักดินแบบฐานราก หรือ หลักดินที่หุ้มด้วยคอนกรีต  ( Foundation Electrode or Concrete Encased Electrode )

    หลักดินแบบนี้ใช้ตัวนำฝังอยู่ในฐานรากคอนกรีตของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีเหล็กเสริม( Reinforcing Bar )อยู่ด้วย  หลักดินแบบนี้ต้องการคุณสมบัติดังนี้

    -  ตัวนำต้องหุ้มด้วยคอนกรีตหนาไม่น้อยกว่า 50 mm. ใกล้ส่วนล่างของฐานรากซึ่งสัมผัสอย่างดีกับดิน





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บันทึกการเข้า
J
Sr. Member
****

คะแนน 185
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 834



« ตอบ #27 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 07:41:26 PM »

+1ครับคุณEnola gay  เยี่ยม
บันทึกการเข้า
ENOLA GAY
Hope for the Best, Prepare for the Worst
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 140
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1191



« ตอบ #28 เมื่อ: มีนาคม 19, 2009, 01:30:53 AM »

+1ครับคุณEnola gay  เยี่ยม


ขอบคุณครับ ขอบคุณท่าน จขกท.และทุกๆท่านที่มีส่วนช่วยให้ผมได้เคาะสนิมด้วยครับ   Cheesy




กระทู้นี้ได้อ่านง่ายได้ความรู้จริงๆครับ ขอบคุณทุกท่านครับ ไหว้
ขออนุญาตจขกท.ถามคุณenola gayครับว่าground rodจำเป็นต้องวางแนวดิ่งหรือไม่ครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าground ของเราใช้ได้หรือไม่ครับผมเคยถามผู้รับเหมาว่าจะรู้ได้ไงเขาบอกว่าต้องใช้เครื่องวัดพิเศษต้องไปขอยืมจากไฟฟ้าจังหวัดจริงหรือครับ  Undecidedอืม......หรือว่าให้ภรรยาลองเอานิ้วเปียกๆแหย่ปลั๊กไฟดู ถ้าไม่ตายแสดงว่าผู้รับเหมาเป็นคนซื่อสัตย์ ยิ้มีเลศนัย

สงสารคนเอานิ้วแหย่ครับ  อย่าเลยครับ   ตายแน่ๆ  ลองดูที่คุณ  birdwhistle  เขียนไว้สิครับ

ไม่น่าเรียกว่า เซฟทีคัตนะครับ....เหมือนเราเรียกผงซักฟอกว่า "แฟ้บ"

หรือเรียกการถ่ายเอกสารว่า "ซีร็อกซ์"

เซฟทีคัต เป็นชื่อยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น

ไอ้เจ้าตัวนี้มันมีชื่อเต็มว่า Ground Fault Interrupter Switch หรือเรียกสั้น ๆ ว่า F.I. Switch หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Earth Leakage Switch  หมายถึง สวิตช์ที่ตัดวงจรออกเมื่อมีการรั่วลงดิน  เพื่อป้องกันอันตรายอันเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน

มันจะตัดเมื่อมีกระแส "รั่วลงดิน" เท่านั้นนะครับ

ถ้าท่าน เท้าแห้ง มือแห้ง ยืนบนยางรถยนต์แห้ง ๆ ที่เป็นฉนวน อย่างดี แต่ "ดันทะลึ่ง" ดันเอามือ 2 ข้าง ไปจับสายไฟ 220 โวลต์ ข้างละเส้น กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวท่านจนท่าน "สอบชิงทุนไปนอกโลก" โดยที่เจ้า F.I. Switch ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ก็ตาม จะไม่ตัดวงจรเลย

มันจะตัดวงจรเมื่อกระแสไหลผ่านตัวท่านลงดินจนมีค่ามากพอที่มันจะทำงานเท่านั้น เราเรียกค่านั้นว่า ค่ากระแสรั่ว  ซึ่งมักมีค่าระหว่าง 5-30 mA 

บางยี่ห้อนำเซอร์กิตเบรคเกอร์ชนิดมีปุ่มหรือกระเดื่อง "Test" อยู่ด้านล่าง มาเป็นตัวตัดวงจรเมื่อกระแสรั่ว มันจึงทำหน้าที่ได้ 2 อย่างคือ ตัดเมื่อไฟรั่วลงดิน กับ ตัดเมื่อใช้กระแสเกินพิกัด ซึ่งยี่ห้อ "เซฟทีคัต"ก็เป็นยี่ห้อหนึ่งในหลาย ๆ ๆ  ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้



ขอบคุณทุกความรู้ โดยเฉพาะคุณENOLA GAYครับ
อยากรู้ว่าการกระเพื่อมของแรงดันไฟฟ้ามีผลให้Earth Leak Circuit Breakerทำงานผิดปกติด้วยหรือไม่ครับ
เมื่อสองเดือนก่อนผมมีปัญหาตัดบ่อยจนต้องปรับเป็นDirectไว้ ว่าจะรอวันว่างมาตรวจสอบ
พอการไฟฟ้ามาเปลี่ยนยกหม้อแปลงใหม่ในหมู่บ้าน(แทนตัวเดิมที่เข้าใจว่ารวน) ปัญหาผมหมดไป ใช้งานได้เป็นปกติ
เกือบได้รื้อสายไฟทั้งบ้านแล้ว  โดนชก


ขออภัยที่ตกหล่นครับ   ถ้าการกระเพื่อมที่หมายความว่า ค่าแรงดันขึ้นๆลงๆ  ถ้าไม่ขึ้นมากจนเกินไปก็ไม่มีผลหรอกครับ  แต่ในทางปฏิบัติในยุคนี้แล้ว  มันมีอะไรบางอย่างที่มารบกวนให้การทำงานผิดเพี้ยนครับ  จึงมี Class A ขึ้นมาช่วยให้เที่ยงขึ้นไงครับ

รูปแบบของคลื่นไฟฟ้า ( Wave form ) ที่เดิมๆ(ถูกผลิตหรือปั่นออกมาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า)ที่ควรจะเป็นก็คือคลื่นแบบ Sine wave ครับ  ใช่แล้วครับ รูป Sine สวยๆค่อยๆโค้งขึ้นไปทางค่าบวกแล้วค่อยๆโค้งลงไปค่าลบ กลับไปกลับมา  คลื่น Sine อย่างที่เราเรียนตรีโกณในสมัยมัธยมนั่นแหละครับ  แต่พอกระแสไฟฟ้าถูกจ่ายออกมา  มันต้องเดินทางไปไกล  ผ่านถนนหนทางไปจนเข้าบ้านท่าน  วันดีคืนร้าย  ฝนฟ้าคะนอง ฟ้าลงใกล้ไกล อาจมีผลทำให้รูปคลื่นผิดเพี้ยนไปในห้วงสั้นๆ  ตรงนี้ก็ทำให้การทำงานของอุปกรณ์ตัดไฟรั่ว(หรือแม้แต่เครื่องเสียงแพงๆ อุปกรณ์เครื่องใช้อิเลคทรอนิคส์)ผิดเพี้ยนไปได้   พอถึงบ้านเข้าไปจ่ายพลังงานให้อุปกรณ์ต่างๆในบ้าน  เดี๋ยวนี้ทุกแห่งหนก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์ดิจิตอล ซึ่งมักจะมีภาคจ่ายไฟแบบที่ภาษาวิศวกรรมเรียก Switching Power Supply ( แบบเดียวกับในคอมพ์หรือเครื่องชาร์จมือถือ สังเกตมั๊ยครับว่า มันรับไฟได้ตั้งแต่ 100 V ไปจนถึง 240 V โดยไม่ต้องพึ่งหม้อแปลงเหมือนสมัยก่อน )  อุปกรณ์พวก Switching นี้ก็สร้างของอย่างนึงที่เรียกว่า Harmonic ออกมา ทำให้คลื่น Sine สวยๆของเราผิดเพี้ยนไปได้อีก  มากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของการรบกวนเหล่านี้ ซึ่งเรียกกันว่า Transient ครับ  พูดไปก็คล้ายๆกับน้ำใสๆโดนตะกอนทำให้ขุ่น  การมองผ่านลงไปในน้ำก็ผิดเพี้ยนไป  อุปกรณ์ตัดไฟรั่วก็เช่นกันครับ  ทำงานผิดพลาดได้  จึงแนะนำให้ใช้ Class A ครับ   ซึ่งนอกจากความเป็น Class A แล้ว  บางยี่ห้อยังคุยถึงคุณสมบัติในการปกป้องตนเองจากการรบกวนต่างๆได้มากกว่าคนอื่นก็มีครับ 

กรณีทำงานผิดพลาดจาก Transient นี้อาจจะเป็นคนละกรณีกับที่เพื่อนๆบอกว่า ชอบตัดตอนฝนตก  กล่าวคือ  หากช่วงที่ฝนตก อุปกรณ์ไม่ได้ตัดเพราะการเกิด Transient   ก็แสดงว่าความชื้นในจุดใดจุดหนึ่งของสายไฟฟ้าเกิดความชื้นจนไฟรั่วจริงๆ  อุปกรณ์ก็ต้องตัดครับ  ซึ่งถือว่าเค้าทำงานถูกต้อง แต่สายไฟหรือเครื่องไฟฟ้าของเราต่างหากที่ผิด

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า " ตรงไหน? "

ถ้าท่านมี RCD แยกหรือซอยเป็นส่วนๆ  ตัวไหนตัด ก็วงจรหรือส่วนนั้นแหละครับ  ซึ่งความที่เราซอยหรือแยกโซนไว้ จะทำให้เหลือที่ให้หาไม่กว้างเกินไป  แต่ที่หงุดหงิดกันจนต้องปรับไปที่ Direct จนเสียของก็เพราะเราใช้ตัวเดียวคุมทั้งบ้าน แค่จุดไหนจุดเดียวรั่ว ตัวนี้ตัดก็ดับทั้งบ้าน  ใครรวยบ้านใหญ่ก็หากันเหนื่อยกว่าคนจนบ้านเล็ก  วิธีหาก็คือ

ให้ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งบ้าน(ทั้งถอดปลั๊ก ทั้งปิดสวิชท์)ให้หมดก่อน  แล้วสับ RCD หรือ Safe-T-Cut ขึ้น  ทีนี้ก็ค่อยๆไล่เปิดทีละดวง ทีละตัว  ทันทีที่ท่านไปเปิดถูกเจ้าตัวแสบเข้าเมื่อไหร่ RCD ก็จะตัด  เป็นอันรู้กันแล้วว่า ใครแสบ !

กรณีนี้ใช้ได้ผล หาเจอกันได้ง่ายเมื่อมีตัวแสบตัวเดียว  เป็นตัวการตัวเดียวเลยที่ทำให้ไฟรั่วเกิน 5, 10, หรือ 15 mA ตามที่เราตั้งไว้  แต่ถ้ามีตัวแสบหลายตัว เช่น เราตั้งไว้ 15 mA. แล้วมี 3 แสบ รั่วกันตัวละ 5 mA.  อย่างนี้ก็เหนื่อยหน่อยครับ ก็เอาแบบนี้ครับ  ปรับให้เหลือน้อยสุด เช่น เอาแค่ 5 mA เลย  แล้วใช้วิธีเดิม  ทีนี้เจอตัวไหนรั่ว 5 mA มันก็จะตัดเลยครับ

ภาพข้างล่างนี้เป็น RCD ที่ผมติดตั้งคั่นก่อนจ่ายไฟเข้าเครื่องทำน้ำร้อนครับ  ตัวนี้ที่มีปุ่มสีเหลืองๆเป็นแค่ RCD  ผมไม่จำเป็นต้องใช้ ELCB เนื่องจากที่ต้นทางก่อนสายไฟมาถึงห้องน้ำนี้ (ที่ตู้ Load Center) ผมมี CB ไว้แล้วครับ  ท่านอาจจะใช้วิธีเดียวกันนี้ก็ได้นะครับ  กลัวตัวไหนจะแสบ(รั่ว) ก็เอา RCD ไปติดตั้งดักไว้อย่างนี้ อย่าลืมนะครับ หา mA น้อยๆเข้าไว้เป็นปลอดภัยที่สุด  อ้อ ! ดูดีๆผมมีสาย Ground ด้วยนะครับ  2 ชั้นเลย ทั้งสายกราวน์ทั้ง RCD


 

หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 19, 2009, 02:24:48 AM โดย ENOLA GAY » บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #29 เมื่อ: มีนาคม 19, 2009, 05:41:25 AM »

ขอบคุณคุณENOLA GAYครับ  Grin
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 20 คำสั่ง