
คำว่า นรก ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังที่เร่าร้อนทรมาน เพราะทำบาปเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังร้องไห้เพราะเสียใจมาก)
คำว่า สวรรค์ ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังมีความสุขใจ หรืออิ่มเอมใจอย่างยิ่ง เพราะได้ทำความดีเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังยิ้มร่าเพราะสุขใจมาก)
- ส่วนนรกที่อยู่ใต้ดิน และสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า ที่จะไปถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วตามที่เราเคยได้ยินมานั้น ไม่ใช่ของพุทธศาสนา แต่เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ที่ปะปนเข้าอยู่ในพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จนทำให้ชาวพุทธหลงเข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ตายแล้วไปไหน?
- ตามหลักพุทธศาสนาแล้วไม่สอนว่าตายแล้วไปไหน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่จะสอนให้คิดว่า เมื่อเทียนดับ แสงสว่างหายไปไหน? คือร่างกายก็เหมือนแท่งเทียน จิตใจก็เหมือนแสว่างที่เกิดจากการเปลวเทียนที่ลุกไหม้ เมื่อเปลวไฟเทียนดับ แสงสว่างก็จะดับหายตามไปด้วย เมื่อจุดไฟใหม่ แสงสว่างก็กลับมามีอีก ซึ่งนี่เป็นการคิดตามหลักวิทยาศาสตร์
ไขปัญหาพระนิพพาน (พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร ปธ.๔ วัดท่าซุง อุทัยธานี)
ผู้ถาม : เกิดมาแล้วทำไมจึงต้องตายครับ
?
หลวงพ่อ : เพราะอยากตาย ไอ้คนอยากเกิดก็อยากตายด้วยใช่ไหม
เกิดแล้วมันก็ต้องตาย เพราะธรรมดาเราฝืนมันไม่ได้
ทีนี้ถ้าเราไม่ต้องการตายเราก็ไม่ต้องเกิด
ผู้ถาม : ที่นิพพานไม่มีการเกิดใช่ไหมครับ จึงไม่มีการตาย
?
หลวงพ่อ : อันนี้เคยมีพระหรือพราหมณ์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานจะไม่มีการเกิดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะว่าไม่เกิด แต่สภาวะมันมีอยู่ ตอนแรกฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยย่องไปถามท่าน ฉะนั้นนิพพานควรเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าควรจะเรียก "ทิพย์พิเศษ" ที่ไม่มีการเคลื่อน เทวดาหรือพรหมยังมีการเคลื่อน ที่เรียกว่า "จุติ" จุติ แปลว่า เคลื่อน ไอ้ศัพท์ที่ว่าตายนี่ พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียก ท่านเรียก กาลัง กัตวา ถึงวาระแล้ว ถึงกาลเวลาแล้ว ท่านไม่เรียกว่าตาย ตาย นี่ มรณะ ตามศัพท์ของบาลีไม่มีคำว่ามรณะ ท่านเรียกว่า กาลัง กัตวา แปลว่าถึงวาระที่จะต้องไปจากร่างกายนี้ ร่างกายนี้มันพังมันไม่ยอมทำงาน
ผู้ถาม : ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายเรื่องนิพพาน ให้ผมเข้าใจด้วยครับ
หลวงพ่อ : คำว่า นิพพาน เหรอ
คุณต้องการรู้เรื่องนิพพานไปทำไม
?
ผู้ถาม : (หัวเราะ) เอาไว้ประดับความรู้ครับ
หลวงพ่อ : เอาไว้ประดับความรู้
.ดี คำว่า นิพพานเป็นของง่ายเป็นของไม่ยาก นิพพานนี่เขาแปลว่า ดับ นะคุณนะ
ถ้าจะถามว่าดับอะไร ก็ขอตอบว่า ดับความชั่ว คนที่จะถึงนิพพานได้ต้องไม่มีความชั่ว ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ชั่วทางกาย
๒. ไม่ชั่วทางวาจา
๓. ไม่ชั่วทางใจ
ถ้าทุกคนดับความชั่วได้หมด บุคคลนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
ผู้ถาม : แต่ผมเคยได้ยินมาว่า นิพพาน แปลว่า ดับไปเลย ไม่เหลืออะไรเลยนี่ครับ
หลวงพ่อ : ความจริงคุณจะต้องรู้ว่าอะไรดับ คำว่านิพพานแปลว่าดับ ดับทีแรกคือดับกิเลส ดับที่สองคือดับขันธ์ ๕ แต่ว่าตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า จิตดับ
ปัญหาของคุณที่ถามนี่ เหมือนกับปัญหาของพระที่ถามพระพุทธเจ้าเคยถามมาแล้ว คือ ท่านผู้นี้มีนามว่า พระโมกขราช ท่านถามพระพุทธเจ้าว่า"นิพพานมีสภาพสูญ ใช่ไหม
พระพุทธเจ้าข้า" หมายความว่า เมื่อถึงนิพพานแล้วก็ดับสูญ มีสภาพคล้ายกับควันไฟที่ลอยไปในอากาศ ไม่มีที่เกาะ ไม่มีที่อยู่ อย่างนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า "โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับทีนี้ถ้าหากว่าคุณจะศึกษาเรื่องนิพพาน ถ้าเราจะพูดกันไปกี่ร้อยปี มันก็ไม่จบ ฉะนั้น ถ้าต้องการจะรู้เรื่องพระนิพพานจริงๆ คุณจะต้อง
- เป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ เป็นอันดับแรก
- เป็นผู้ทรงฌานสมาบัติ
- ในขณะที่ทรงฌานสมาบัติได้แล้ว คุณจะต้องทำจิตของตนให้เข้าถึงวิปัสสนาญาณ ที่เรียกกันว่าสังขารุเปกขาญาณ
เมื่อจิตเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ก็ต้องชำระกิเลสด้วยการตัดสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
๑. ทำลายสักกายทิฏฐิ
๒. ทำลายวิจิกิจฉา คือ ความสงสัยให้หมดไป
๓. สีลัพพตปรามาส ทรงศีลให้บริสุทธิ์
๔. มีอารมณ์จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ที่เราเรียกกันว่า โครตภูญาณ
ถ้ากำลังใจของคุณทำได้อย่างนี้ เมื่อจิตเข้าถึงโครตภูญาณ คุณจะทราบว่า คำว่าดับของนิพพานนั้นก็คือ
๑. ดับกิเลส ในขณะที่มีชีวิตอยู่
๒. ดับขันธ์ ๕ หรือขันธ์ ๕ ดับ
๓. อารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ไม่ได้ดับไปด้วย
คำว่าพระนิพพาน ยังมีจุดที่เป็นอยู่อันหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าเป็นทิพย์พิเศษ พ้นจากอำนาจของวัฏฏะ