เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 26, 2025, 05:26:58 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** 4 อ า ชี พ ที่ เ สี่ ย ง น ร ก *** ตายแล้วฟื้น ตื่นมาเล่า ราคา 120 B2S  (อ่าน 16506 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 12:14:47 PM »

หลงรัก
ครับ
ได้อ่านพบในหนังสือของ......ดร.........ว่าผู้ที่เสี่ยงกับการรับโทษ(ตกนรก)มากมี 4 อาชีพ
1.ตำรวจ
2.อัยการ
3.ทนายความ
4.ผู้พิพากษา
อ่านแล้ววิเคราะห์ดู พบว่า การทำเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ เมื่อก่อทุกข์ให้เขา ผลที่ตามมาเป็นกรรม ตกใจ
 หลงรัก
คดี "เชอรี่ แอน" น่าจะเทียบเคียงได้............
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง
สัตว์ โลก เดิน ไป ตาม แรง กรรม ดี ชั่ว อยู่ ที่ ใจ ตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6399


มี ศัตรู เป็น บัณฑิต ดีกว่ามี มิตร เป็น ค น พ า ล


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 12:17:56 PM »


    ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามไว้ 5 อย่างดังนี้ครับ

     1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons

     2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings
    
      3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh;
     อรรถกถาแก้ว่า เลี้ยงสัตว์ไว้ขาย — trade in animals for meat

     4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits

     5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

    ตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นรวยเอา รวยเอา ....  Grin

นั่นนะซิ.... Grin   ตัวอย่างเช่น......

          1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons ---> ร้านปืน อินเดีย ไท........
          
           2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings ---> ชูวี๊ด กามนวิสิด.........
            
           3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh; ---> เครือเจริญโขกภัณฑ์........
            
           4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits ---> เบียร์ลิง และ เบียร์ค่าง......
          
           5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison ---> มอนซาโต้และกระทรวงผักกระเสด        

                     คิก คิก คิก คิก
          
          


ครับ   2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings ---> ชูวี๊ด กามนวิสิด.........


รายนี้แฟนผม กับแฟนเขาเป็นเพื่อนกันครับ
ผมรู้เรื่องมากมาย แต่..............

.....ไม่กล้าแอบไปเที่ยว  Grin


ครับ
กลัวจริงๆครับ
เดี๋ยวหูยาน ครับ
จริงๆแล้ว ผมกลัวผิดศีล กาเมครับ
เคยได้ยินคนเขาพูดว่า ก้อเราเสียเงินแล้ว เจ้าตัวก้อยินยอม
แต่ผิดครับ พ่อ แม่ เขาอาจไม่รู้ไม่ยินยอม
สามีที่บ้าน ลูกที่บ้าน ไม่รับรู้เรื่องแบบนี้
นี่ครับ
ความละเอียดของศีล
บันทึกการเข้า

S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 12:26:16 PM »


    ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามไว้ 5 อย่างดังนี้ครับ

     1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons

     2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings

     3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh;
     อรรถกถาแก้ว่า เลี้ยงสัตว์ไว้ขาย — trade in animals for meat

     4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits

     5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

    ตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นรวยเอา รวยเอา ....  Grin


อ้างอิงจากพระไตรปิฎกเล่มไหนครับ


    พระไตรปิฎกเล่มไหนไม่ทราบครับ...( เรียนไม่ถึง ยังไม่เคยเปิดอ่าน )

    อ้างอิงจากในหนังสือนวโกวาท ตอนเรียนนักธรรมตรี สมัยบวชพระครับ..

   
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 12:28:16 PM »


    ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามไว้ 5 อย่างดังนี้ครับ

     1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons

     2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings

     3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh;
     อรรถกถาแก้ว่า เลี้ยงสัตว์ไว้ขาย — trade in animals for meat

     4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits

     5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

    ตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นรวยเอา รวยเอา ....  Grin




  ตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นรวยเอา รวยเอา ....  Grin

คนรวยก็มีทุกข์ เห็นอยู่ท่าน 1 ตอนนี้ท่านอยู่ต่างปท. ผมเดาว่าครอบครัวท่านก้อทุกข์ลึกๆๆๆครับ

หลายท่านก้อยังเสวยบุญเก่าอยู่

อย่างไปเห็นด้วยเลยครับ

ชีวิตหลังความตาย ถ้าทุกคนรู้ คงไม่เรื่องให้ปวดใจทุกข์กันทั่วหน้า


  ครับพี่.. ไหว้ Grin   

 ผมยิ้มเอาขำอย่างเดียวครับ  อากาศร้อน ไม่อยากเครียด.. Grin
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 12:32:58 PM »


    ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามไว้ 5 อย่างดังนี้ครับ

     1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons

     2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings
    
      3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh;
     อรรถกถาแก้ว่า เลี้ยงสัตว์ไว้ขาย — trade in animals for meat

     4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits

     5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

    ตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นรวยเอา รวยเอา ....  Grin

นั่นนะซิ.... Grin   ตัวอย่างเช่น......

          1. สัตถวณิชชา [ ค้าขายอาวุธ > — trade in weapons ---> ร้านปืน อินเดีย ไท........
          
           2. สัตตวณิชชา [ ค้าขายมนุษย์ > — trade in human beings ---> ชูวี๊ด กามนวิสิด.........
            
           3. มังสวณิชชา [ ค้าขายเนื้อสัตว์ > — trade in flesh; ---> เครือเจริญโขกภัณฑ์........
            
           4. มัชชวณิชชา [ ค้าขายน้ำเมา > — trade in spirits ---> เบียร์ลิง และ เบียร์ค่าง......
          
           5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison ---> มอนซาโต้และกระทรวงผักกระเสด        

                     คิก คิก คิก คิก
          
          


    เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยพี่... คิก คิก Grin
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
..GlockGlack..
ทำดีไว้ไม่ขาดทุน..... ขาว อวบ. อิอิอิ
Hero Member
*****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3569


ใช้ปืนดี มีพระคุ้มครอง


« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 01:05:08 PM »

คำว่า "เสี่ยง" โดยนัยคือ มีความเป็นไปได้มาก

แต่อาจจะไม่เป็นก็ได้ครับ
บันทึกการเข้า

ขอสักกระทู้ที่ไม่เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน จนเสียคุณค่าเนื้อความในกระทู้นะครับ Cheesy
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 01:20:05 PM »

5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

โดนเต็มๆ เพราะเป็นกิจการที่บ้าน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 01:32:06 PM »

5. วิสวณิชชา [ ค้าขายยาพิษ > — trade in poison

โดนเต็มๆ เพราะเป็นกิจการที่บ้าน หัวเราะร่าน้ำตาริน


        เจตนามันต่างกันครับเจ๊  อิอิ  อย่าคิดมาก ....  Grin
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 01:55:24 PM »

โอเช.จ้า สบายใจแระ Grin
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #24 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:26:10 PM »

    พระไตรปิฎกเล่มไหนไม่ทราบครับ...( เรียนไม่ถึง ยังไม่เคยเปิดอ่าน )

    อ้างอิงจากในหนังสือนวโกวาท ตอนเรียนนักธรรมตรี สมัยบวชพระครับ..

 ไหว้ อย่าคิดมาก แค่จะตามไปอ่านต่อ .... เชื่อไหมว่าเรื่องนี้ในเน็ตมีไม่มาก เพราะไม่ค่อยมีคนกล่าวถึง ....

ผมหาได้แต่ของท่าน "นายกสมาคมเกย์เล่นกล้ามแห่งชาติ" http://www.pantown.com/board.php?id=7268&area=1&name=board8&topic=155&action=view  ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #25 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:41:54 PM »

 Grin Grin

"ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๓๒" จากที่นี่ครับ http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/part3.1.html

 Grin Grin

---- แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๒ ----

ปัญจกนิบาต - จตุตถปัณณาสก์ - ๓. อุปาสกวรรค - ๗. วณิชชสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน
๗. วณิชชสูตร
[๑๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การค้าขาย ๕ ประการนี้ อันอุบาสกไม่พึงกระทำ ๕ ประ

การเป็นไฉน คือ การค้าขายศาตรา ๑ การค้าขายสัตว์ ๑ การค้าขายเนื้อสัตว์ ๑ การค้าขาย

น้ำเมา ๑ การค้าขายยาพิษ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายการค้าขาย ๕ ประการนี้แล อันอุบาสกไม่พึง

กระทำ ฯ
จบสูตรที่ ๗

http://th.wikisource.org/wiki/ปัญจกนิบาต_-_จตุตถปัณณาสก์_-_๓._อุปาสกวรรค_-_๗._วณิชชสูตร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2009, 03:12:20 PM โดย Jakrit97 » บันทึกการเข้า

S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #26 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:44:53 PM »

    พระไตรปิฎกเล่มไหนไม่ทราบครับ...( เรียนไม่ถึง ยังไม่เคยเปิดอ่าน )

    อ้างอิงจากในหนังสือนวโกวาท ตอนเรียนนักธรรมตรี สมัยบวชพระครับ..

 ไหว้ อย่าคิดมาก แค่จะตามไปอ่านต่อ .... เชื่อไหมว่าเรื่องนี้ในเน็ตมีไม่มาก เพราะไม่ค่อยมีคนกล่าวถึง ....

ผมหาได้แต่ของท่าน "นายกสมาคมเกย์เล่นกล้ามแห่งชาติ" http://www.pantown.com/board.php?id=7268&area=1&name=board8&topic=155&action=view  ยิ้มีเลศนัย

         Grin ผมก็เอามาจากเวปนี้แหละครับ หนังสือมันอยู่ที่วัด กลัวเรียงลำดับไม่ตรง.. คิก คิก
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #27 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:58:48 PM »

คำว่า "เสี่ยง" โดยนัยคือ มีความเป็นไปได้มาก

แต่อาจจะไม่เป็นก็ได้ครับ

คิดเหมือนท่านกล็อกแกล็กครับ

ความเสี่ยงคือโอกาสเกิดมี......แต่จะเกิดหรือไม่ ว่ากันตามเนื้อผ้าแต่ละปัจเจกบุคคลครับ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 03:00:17 PM »

 Smiley คำว่า “นรก” ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังที่เร่าร้อนทรมาน เพราะทำบาปเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังร้องไห้เพราะเสียใจมาก)
คำว่า “สวรรค์” ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังมีความสุขใจ หรืออิ่มเอมใจอย่างยิ่ง เพราะได้ทำความดีเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังยิ้มร่าเพราะสุขใจมาก)

- ส่วนนรกที่อยู่ใต้ดิน และสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า ที่จะไปถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วตามที่เราเคยได้ยินมานั้น ไม่ใช่ของพุทธศาสนา แต่เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ที่ปะปนเข้าอยู่ในพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จนทำให้ชาวพุทธหลงเข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

ตายแล้วไปไหน?
- ตามหลักพุทธศาสนาแล้วไม่สอนว่าตายแล้วไปไหน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่จะสอนให้คิดว่า เมื่อเทียนดับ แสงสว่างหายไปไหน? คือร่างกายก็เหมือนแท่งเทียน จิตใจก็เหมือนแสว่างที่เกิดจากการเปลวเทียนที่ลุกไหม้ เมื่อเปลวไฟเทียนดับ แสงสว่างก็จะดับหายตามไปด้วย เมื่อจุดไฟใหม่ แสงสว่างก็กลับมามีอีก ซึ่งนี่เป็นการคิดตามหลักวิทยาศาสตร์

ไขปัญหาพระนิพพาน  (พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร ปธ.๔ วัดท่าซุง อุทัยธานี)

ผู้ถาม : เกิดมาแล้วทำไมจึงต้องตายครับ…?

หลวงพ่อ : เพราะอยากตาย ไอ้คนอยากเกิดก็อยากตายด้วยใช่ไหม…เกิดแล้วมันก็ต้องตาย เพราะธรรมดาเราฝืนมันไม่ได้
ทีนี้ถ้าเราไม่ต้องการตายเราก็ไม่ต้องเกิด

ผู้ถาม : ที่นิพพานไม่มีการเกิดใช่ไหมครับ จึงไม่มีการตาย…?

หลวงพ่อ : อันนี้เคยมีพระหรือพราหมณ์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานจะไม่มีการเกิดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะว่าไม่เกิด แต่สภาวะมันมีอยู่ ตอนแรกฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยย่องไปถามท่าน ฉะนั้นนิพพานควรเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าควรจะเรียก "ทิพย์พิเศษ" ที่ไม่มีการเคลื่อน เทวดาหรือพรหมยังมีการเคลื่อน ที่เรียกว่า "จุติ" จุติ แปลว่า เคลื่อน ไอ้ศัพท์ที่ว่าตายนี่ พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียก ท่านเรียก กาลัง กัตวา ถึงวาระแล้ว ถึงกาลเวลาแล้ว ท่านไม่เรียกว่าตาย ตาย นี่ มรณะ ตามศัพท์ของบาลีไม่มีคำว่ามรณะ ท่านเรียกว่า กาลัง กัตวา แปลว่าถึงวาระที่จะต้องไปจากร่างกายนี้ ร่างกายนี้มันพังมันไม่ยอมทำงาน

ผู้ถาม : ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายเรื่องนิพพาน ให้ผมเข้าใจด้วยครับ

หลวงพ่อ : คำว่า นิพพาน เหรอ…คุณต้องการรู้เรื่องนิพพานไปทำไม…?

ผู้ถาม : (หัวเราะ) เอาไว้ประดับความรู้ครับ

หลวงพ่อ : เอาไว้ประดับความรู้….ดี คำว่า นิพพานเป็นของง่ายเป็นของไม่ยาก นิพพานนี่เขาแปลว่า ดับ นะคุณนะ
ถ้าจะถามว่าดับอะไร ก็ขอตอบว่า ดับความชั่ว คนที่จะถึงนิพพานได้ต้องไม่มีความชั่ว ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ชั่วทางกาย
๒. ไม่ชั่วทางวาจา
๓. ไม่ชั่วทางใจ

ถ้าทุกคนดับความชั่วได้หมด บุคคลนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

ผู้ถาม : แต่ผมเคยได้ยินมาว่า นิพพาน แปลว่า ดับไปเลย ไม่เหลืออะไรเลยนี่ครับ

หลวงพ่อ : ความจริงคุณจะต้องรู้ว่าอะไรดับ คำว่านิพพานแปลว่าดับ ดับทีแรกคือดับกิเลส ดับที่สองคือดับขันธ์ ๕ แต่ว่าตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า จิตดับ
ปัญหาของคุณที่ถามนี่ เหมือนกับปัญหาของพระที่ถามพระพุทธเจ้าเคยถามมาแล้ว คือ ท่านผู้นี้มีนามว่า พระโมกขราช ท่านถามพระพุทธเจ้าว่า"นิพพานมีสภาพสูญ ใช่ไหม…พระพุทธเจ้าข้า" หมายความว่า เมื่อถึงนิพพานแล้วก็ดับสูญ มีสภาพคล้ายกับควันไฟที่ลอยไปในอากาศ ไม่มีที่เกาะ ไม่มีที่อยู่ อย่างนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า "โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับทีนี้ถ้าหากว่าคุณจะศึกษาเรื่องนิพพาน ถ้าเราจะพูดกันไปกี่ร้อยปี มันก็ไม่จบ ฉะนั้น ถ้าต้องการจะรู้เรื่องพระนิพพานจริงๆ คุณจะต้อง

- เป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ เป็นอันดับแรก

- เป็นผู้ทรงฌานสมาบัติ

- ในขณะที่ทรงฌานสมาบัติได้แล้ว คุณจะต้องทำจิตของตนให้เข้าถึงวิปัสสนาญาณ ที่เรียกกันว่าสังขารุเปกขาญาณ
เมื่อจิตเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ก็ต้องชำระกิเลสด้วยการตัดสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
๑. ทำลายสักกายทิฏฐิ
๒. ทำลายวิจิกิจฉา คือ ความสงสัยให้หมดไป
๓. สีลัพพตปรามาส ทรงศีลให้บริสุทธิ์
๔. มีอารมณ์จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ที่เราเรียกกันว่า โครตภูญาณ

ถ้ากำลังใจของคุณทำได้อย่างนี้ เมื่อจิตเข้าถึงโครตภูญาณ คุณจะทราบว่า คำว่าดับของนิพพานนั้นก็คือ
๑. ดับกิเลส ในขณะที่มีชีวิตอยู่
๒. ดับขันธ์ ๕ หรือขันธ์ ๕ ดับ
๓. อารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ไม่ได้ดับไปด้วย

คำว่าพระนิพพาน ยังมีจุดที่เป็นอยู่อันหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าเป็นทิพย์พิเศษ พ้นจากอำนาจของวัฏฏะ
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #29 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 03:20:21 PM »

พี่วัฒน์ ช่วงไหน ใครพูด น่าจะแบ่งเสียหน่อยครับ Grin

http://www.baanjomyut.com/pratripidok/bhuddhist/03.html

Smiley คำว่า “นรก” ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังที่เร่าร้อนทรมาน เพราะทำบาปเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังร้องไห้เพราะเสียใจมาก)
คำว่า “สวรรค์” ของพุทธศาสนาจะหมายถึง สภาวะจิตขณะที่กำลังมีความสุขใจ หรืออิ่มเอมใจอย่างยิ่ง เพราะได้ทำความดีเอาไว้มาก (เช่นขณะที่เรากำลังยิ้มร่าเพราะสุขใจมาก)

- ส่วนนรกที่อยู่ใต้ดิน และสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า ที่จะไปถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วตามที่เราเคยได้ยินมานั้น ไม่ใช่ของพุทธศาสนา แต่เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ที่ปะปนเข้าอยู่ในพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จนทำให้ชาวพุทธหลงเข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

ตายแล้วไปไหน?
- ตามหลักพุทธศาสนาแล้วไม่สอนว่าตายแล้วไปไหน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่จะสอนให้คิดว่า เมื่อเทียนดับ แสงสว่างหายไปไหน? คือร่างกายก็เหมือนแท่งเทียน จิตใจก็เหมือนแสว่างที่เกิดจากการเปลวเทียนที่ลุกไหม้ เมื่อเปลวไฟเทียนดับ แสงสว่างก็จะดับหายตามไปด้วย เมื่อจุดไฟใหม่ แสงสว่างก็กลับมามีอีก ซึ่งนี่เป็นการคิดตามหลักวิทยาศาสตร์

http://www.ete25.com/contentdetail.php?content_id=9&PHPSESSID=7faa9da05a30f7fff402b2ad2d7a73e0

ไขปัญหาพระนิพพาน  (พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร ปธ.๔ วัดท่าซุง อุทัยธานี)

ผู้ถาม : เกิดมาแล้วทำไมจึงต้องตายครับ…?

หลวงพ่อ : เพราะอยากตาย ไอ้คนอยากเกิดก็อยากตายด้วยใช่ไหม…เกิดแล้วมันก็ต้องตาย เพราะธรรมดาเราฝืนมันไม่ได้
ทีนี้ถ้าเราไม่ต้องการตายเราก็ไม่ต้องเกิด

ผู้ถาม : ที่นิพพานไม่มีการเกิดใช่ไหมครับ จึงไม่มีการตาย…?

หลวงพ่อ : อันนี้เคยมีพระหรือพราหมณ์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานจะไม่มีการเกิดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะว่าไม่เกิด แต่สภาวะมันมีอยู่ ตอนแรกฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยย่องไปถามท่าน ฉะนั้นนิพพานควรเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าควรจะเรียก "ทิพย์พิเศษ" ที่ไม่มีการเคลื่อน เทวดาหรือพรหมยังมีการเคลื่อน ที่เรียกว่า "จุติ" จุติ แปลว่า เคลื่อน ไอ้ศัพท์ที่ว่าตายนี่ พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียก ท่านเรียก กาลัง กัตวา ถึงวาระแล้ว ถึงกาลเวลาแล้ว ท่านไม่เรียกว่าตาย ตาย นี่ มรณะ ตามศัพท์ของบาลีไม่มีคำว่ามรณะ ท่านเรียกว่า กาลัง กัตวา แปลว่าถึงวาระที่จะต้องไปจากร่างกายนี้ ร่างกายนี้มันพังมันไม่ยอมทำงาน

ผู้ถาม : ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายเรื่องนิพพาน ให้ผมเข้าใจด้วยครับ

หลวงพ่อ : คำว่า นิพพาน เหรอ…คุณต้องการรู้เรื่องนิพพานไปทำไม…?

ผู้ถาม : (หัวเราะ) เอาไว้ประดับความรู้ครับ

หลวงพ่อ : เอาไว้ประดับความรู้….ดี คำว่า นิพพานเป็นของง่ายเป็นของไม่ยาก นิพพานนี่เขาแปลว่า ดับ นะคุณนะ
ถ้าจะถามว่าดับอะไร ก็ขอตอบว่า ดับความชั่ว คนที่จะถึงนิพพานได้ต้องไม่มีความชั่ว ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ชั่วทางกาย
๒. ไม่ชั่วทางวาจา
๓. ไม่ชั่วทางใจ

ถ้าทุกคนดับความชั่วได้หมด บุคคลนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

ผู้ถาม : แต่ผมเคยได้ยินมาว่า นิพพาน แปลว่า ดับไปเลย ไม่เหลืออะไรเลยนี่ครับ

หลวงพ่อ : ความจริงคุณจะต้องรู้ว่าอะไรดับ คำว่านิพพานแปลว่าดับ ดับทีแรกคือดับกิเลส ดับที่สองคือดับขันธ์ ๕ แต่ว่าตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า จิตดับ
ปัญหาของคุณที่ถามนี่ เหมือนกับปัญหาของพระที่ถามพระพุทธเจ้าเคยถามมาแล้ว คือ ท่านผู้นี้มีนามว่า พระโมกขราช ท่านถามพระพุทธเจ้าว่า"นิพพานมีสภาพสูญ ใช่ไหม…พระพุทธเจ้าข้า" หมายความว่า เมื่อถึงนิพพานแล้วก็ดับสูญ มีสภาพคล้ายกับควันไฟที่ลอยไปในอากาศ ไม่มีที่เกาะ ไม่มีที่อยู่ อย่างนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า "โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับทีนี้ถ้าหากว่าคุณจะศึกษาเรื่องนิพพาน ถ้าเราจะพูดกันไปกี่ร้อยปี มันก็ไม่จบ ฉะนั้น ถ้าต้องการจะรู้เรื่องพระนิพพานจริงๆ คุณจะต้อง

- เป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ เป็นอันดับแรก

- เป็นผู้ทรงฌานสมาบัติ

- ในขณะที่ทรงฌานสมาบัติได้แล้ว คุณจะต้องทำจิตของตนให้เข้าถึงวิปัสสนาญาณ ที่เรียกกันว่าสังขารุเปกขาญาณ
เมื่อจิตเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ก็ต้องชำระกิเลสด้วยการตัดสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
๑. ทำลายสักกายทิฏฐิ
๒. ทำลายวิจิกิจฉา คือ ความสงสัยให้หมดไป
๓. สีลัพพตปรามาส ทรงศีลให้บริสุทธิ์
๔. มีอารมณ์จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ที่เราเรียกกันว่า โครตภูญาณ

ถ้ากำลังใจของคุณทำได้อย่างนี้ เมื่อจิตเข้าถึงโครตภูญาณ คุณจะทราบว่า คำว่าดับของนิพพานนั้นก็คือ
๑. ดับกิเลส ในขณะที่มีชีวิตอยู่
๒. ดับขันธ์ ๕ หรือขันธ์ ๕ ดับ
๓. อารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ไม่ได้ดับไปด้วย

คำว่าพระนิพพาน ยังมีจุดที่เป็นอยู่อันหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าเป็นทิพย์พิเศษ พ้นจากอำนาจของวัฏฏะ

อาจารย์เดียวกัน ตำราเดียวกัน เลือกเรียนตามจริตของแต่ละคน  Grin Grin Grin

 ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.091 วินาที กับ 20 คำสั่ง