หมอศิริราชยันเอดส์สายพันธุ์ใหม่มีจริงเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ในการอภิปรายเรื่องเชื้อเอดส์สายพันธุ์ใหม่ มีจริงหรือไม่ ที่ศิริราชพยาบาล
ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะผู้อำนวย
การศูนย์รวบรวมและวิเคราะห์เชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอดส์สายพันธุ์ใหม่มีจริงคือสายพันธุ์ อีบี
สายพันธุ์อีซี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว คือสายพันธุ์อี และบี
มาผสมกับสายพันธุ์ซี ที่เป็นสายพันธุ์ที่มีร้อยละ 50 ของสายพันธุ์ที่พบทั่วโลก ส่วนใหญ่พบในประเทศแอฟริกา
อินเดีย จีน และพม่า และขณะนี้มีโรคเอดส์สายพันธุ์ลูกผสมกว่า 20 สายพันธุ์ทั่วโลกแล้ว ซึ่งมีความกังวลว่าจะ
รุนแรงกว่าเดิม
"ในด้านการแพทย์ความรุนแรงไม่แตกต่างกัน แต่ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจทางด้านระบาดวิทยาว่า
มีการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ระลอกใหม่ ซึ่งการเกิดเชื้อไวรัสลูกผสมเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง พบได้ทั่วโลก ทั้งนี้ไม่
สามารถยืนยันได้ว่าเชื้อไวรสัลูกผสมจะรุนแรงหรือไม่ แต่ถ้าผู้ป่วยที่มีสายพันธุ์อื่นได้รับเชื้อสายพันธุ์ซีเข้าไปซ้ำ
กันจะทำให้มีการป่วยซ้ำ จำนวนเชื้อไวรัสเพิ่มมากขึ้น อาการของโรคแย่ลง การดื้อยาก็มีโอกาสสูง ดังนั้นจึงควร
ระวังไวรัสลูกผสมของสายพันธุ์ ซี" ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง กล่าว
ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง กล่าวว่า จากกลุ่มตัวอย่างที่เก็บตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 200 รายในปี 2548 พบว่า ผู้ติดเชื้อ
เอดส์ร้อยละ 96 เป็นสายพันธุ์อี ที่เหลือร้อยละ 4 คือสายพันธุ์อื่นๆ ในส่วนนี้ ร้อยละ2 เป็นสายพันธุ์บีร้อยละ 1 เป็น
สายพันธุ์ อีบี ร้อยละ 0.5 เป็นสายพันธุ์อีซี ซึ่งคาดว่าในปีต่อไปสายพันธุ์อีซีจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้จากกลุ่ม
ตัวอย่างพบว่า พื้นที่ที่ผู้ป่วยสายพันธุ์อีซีอาศัยบริเวณภาคตะวันออก อาทิ ชลบุรี และระยอง สายพันธุ์ อีบี อาศัย
แถบภาคใต้และอีสาน
"การวิจัยผลิตวัคซีนในประเทศไทยมีการรองรับเฉพาะสายพันธุ์อี เพราะสายพันธุ์อีมีสัดส่วนผู้ป่วยมาก ซึ่งในอนาคต
จำเป็นต้องวิเคราะห์คาดการณ์ถึงสายพันธุ์ซีและบีด้วย โดยลดสัดส่วนในการผลิตวัคซีนสายพันธุ์อีลงแต่ไปเพิ่มทด
แทนในสายพันธุ์ใหม่ๆมากขึ้น" ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง กล่าว
ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง เปิดเผยว่า ขณะนี้อัตราการดื้อยาของประเทศไทยประมาณร้อยละ 1 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่ใน
อีก 5 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ขณะนี้มีอัตราการดื้อยาร้อยละ 20 ซึ่งเป็นแนวโน้ม
ของทั่วโลก ดังนั้นถ้าผู้ป่วยไม่รักษาวินัยในการทานยาต้านไวรัสอย่างเคร่งครัด จะทำให้เกิดการดื้อยาเร็วขึ้นกว่า
ระยะเวลาการดื้อยาตามปกติ
"ความกังวลเกี่ยวกับการให้ยาต้านไวรัสอีกประการคือ เมื่อสามารถยืดระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ จะทำให้โอกาส
ในการแพร่เชื้อและได้รับเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดไวรัสลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทางการแพทย์
กังวลว่าจะรุนแรง และความสามารถในการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิม" ศ.ดร.พ.ญ.รวงผึ้ง กล่าว
ผศ.น.พ.วินัย รัตนสุวรรณ อาจารย์ประจำวิชาภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์
ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า 2-3 เดือนข้างหน้าโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือโครงการ 30 บาท
รักษาทุกโรค จะครอบคลุมสิทธิในการให้ยาต้านไวรัสเอดส์กับผู้ป่วยเอดส์ จึงเกรงว่าการได้รับสิทธิเข้าถึง
ยาต้านไวรัสง่ายเกินไปนั้น โดยที่ไม่ตระหนักความสำคัญในการกินยาอย่างถูกต้องตรงเวลา หากกินยา
ไม่สม่ำเสมอทำให้ผู้ป่วยที่มีเชื้อลดลงกลับมีอาการทรุดลง เชื้อเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่
และไม่รู้ว่าเกิดสายพันธุ์ใด เพราะสายพันธุ์เดิมได้ดื้อยาแล้ว ในส่วนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องดูแล
ผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดให้ทานยาอย่างสม่ำเสมอถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปี 2549 มีคนไทยติดเชื้อเอดส์ทั้งสิ้น 1.1 ล้านราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1.7 หมื่นราย
แต่การแพร่ระบาดเชื้อเอดส์ทั่วโลกในปี 2548 ในหนึ่งวันมีผู้ติดเชื้อ 1.4 หมื่นคน ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั้ง
หมดมี 40.3 ล้านราย ติดเชื้อรายใหม่ 4.9 ล้านราย ตาย 3.1 ล้านราย
จาก
http://pha.narak.com/topic.php?No=07463