เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 27, 2025, 05:51:27 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติการรบสั่งสอนเวียดนามของจีน  (อ่าน 16269 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #30 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 09:35:27 AM »

ลุงโฮ.. ก็บอกแล้วอย่ายุ่งกับไทย ........บอกแล้วบ่ฟัง............แต่เราก็ทำกับเขาไว้เยอะนิ

จำเป็นครับ  ตอนนั้นไทยเราคอมมิวนิสต์รอบตัวเลย

เราเป็นโดมิโน่ตัวหนึ่งที่เกือบๆล้มไปแล้ว
ถ้าตอนนั้นเราเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้ประเทศไทยจะเป็นเช่นไร

เรื่องในอดีต รบพุ่งกัน ก็มีเหตุผลที่มาของการรบ 
ไม่มีใครเสียอะไรไปฟรีๆ และไม่มีใครได้อะไรมาเปล่าๆครับ
บางอย่างต้องไขว่คว้า  บางอย่างเสียหยาดเหงื่อ บางอย่างเสียหยดเลือดและหยาดน้ำตา


ที่เหลืออยู่ที่คนยุคนี้ของแต่ละประเทศนี่แหละ  ว่ายุคของเรา เราจะดูแลประเทศชาติต่อไปกันอย่างไร ให้ถึงลูกหลาน
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #31 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 12:03:13 PM »

ลุงโฮ.. ก็บอกแล้วอย่ายุ่งกับไทย ........บอกแล้วบ่ฟัง............แต่เราก็ทำกับเขาไว้เยอะนิ

จำเป็นครับ  ตอนนั้นไทยเราคอมมิวนิสต์รอบตัวเลย

เราเป็นโดมิโน่ตัวหนึ่งที่เกือบๆล้มไปแล้ว
ถ้าตอนนั้นเราเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้ประเทศไทยจะเป็นเช่นไร

เรื่องในอดีต รบพุ่งกัน ก็มีเหตุผลที่มาของการรบ 
ไม่มีใครเสียอะไรไปฟรีๆ และไม่มีใครได้อะไรมาเปล่าๆครับ
บางอย่างต้องไขว่คว้า  บางอย่างเสียหยาดเหงื่อ บางอย่างเสียหยดเลือดและหยาดน้ำตา


ที่เหลืออยู่ที่คนยุคนี้ของแต่ละประเทศนี่แหละ  ว่ายุคของเรา เราจะดูแลประเทศชาติต่อไปกันอย่างไร ให้ถึงลูกหลาน


ก่อนจะมอบอะไรให้ถึงลูกหลาน หาเมียให้ได้เสียก่อนครับน้าซับ คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
-Joke-
Vive la liberté de parole et d'opinion!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -459
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4225


^_^


« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 03:01:34 PM »

ลุงโฮ.. ก็บอกแล้วอย่ายุ่งกับไทย ........บอกแล้วบ่ฟัง............แต่เราก็ทำกับเขาไว้เยอะนิ

จำเป็นครับ  ตอนนั้นไทยเราคอมมิวนิสต์รอบตัวเลย

เราเป็นโดมิโน่ตัวหนึ่งที่เกือบๆล้มไปแล้ว
ถ้าตอนนั้นเราเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้ประเทศไทยจะเป็นเช่นไร

เรื่องในอดีต รบพุ่งกัน ก็มีเหตุผลที่มาของการรบ 
ไม่มีใครเสียอะไรไปฟรีๆ และไม่มีใครได้อะไรมาเปล่าๆครับ
บางอย่างต้องไขว่คว้า  บางอย่างเสียหยาดเหงื่อ บางอย่างเสียหยดเลือดและหยาดน้ำตา


ที่เหลืออยู่ที่คนยุคนี้ของแต่ละประเทศนี่แหละ  ว่ายุคของเรา เราจะดูแลประเทศชาติต่อไปกันอย่างไร ให้ถึงลูกหลาน


ก่อนจะมอบอะไรให้ถึงลูกหลาน หาเมียให้ได้เสียก่อนครับน้าซับ คิก คิก คิก คิก

 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

A la volonté du peuple
Et à la santé du progrès,
Remplis ton cœur d'un vin rebelle
Et à demain, ami fidèle.
Nous voulons faire la lumière
Malgré le masque de la nuit
Pour illuminer notre terre
Et changer la vie.
Middle
หัวใจมีใว้เพื่อสร้างสรรค์
Sr. Member
****

คะแนน 58
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 913



« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 06:24:36 PM »

จากที่เคยได้ไปสัมผัสและพูดคุยกับคนเวียตนามทั้งฮานอยและโฮจิมินห์นั้นจะแตกต่างกัน คนทางโฮจิมินห์จะพูดถึงคนทางฮานอยว่าเหมือนคนและประเทศและเชื้อชาติ ภาษาพูดก็ไม่เหมือนกัน ความคิดความอ่านก็ไม่ทันสมัย ค้าขายกับชาวต่างชาติก็ไม่ค่อยเป็น ดูใจยาก ชอบพูดจาอ้อมค้อม...
...ส่วนคนทางฮานอยก็จะพูดถึงคนทางโฮจิมินห์ว่าไม่มีอุดมการณ์ เป็นคนละเชื้อชาติ เจ้าเล่ห์เชื่อถือไม่ได้...
แต่สิ่งที่คนทั้ง 2 เมืองมีความคิดเหมือนกันก็คือ ลืมเรื่องสงครามในอดีตหมดไปแล้ว นึกถึงอย่างเดียวคือธุระกิจ ลืมความหลังในอดีตของศัตรูที่เคยมาย่ำยีเวียตนามในอดีตอย่างอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย หรือแม้แต่จีน...
มันน่าทึ่งที่ศัตรูในอดีตกลับเข้ามาเวียตนามอีกครั้ง แต่มาในลักษณะใหม่ก็คือธุระกิจ...และดูเหมือนว่าเวียตนามเองก็พอใจเป็นอย่างมากด้วย...
..ในเอเชียนั้นอเมริกาอิมพอร์ตสินค้าจากจีนเป็นอันดับ 1 อินเดียเป็นอันดับ 2 ไม่ใจว่าเวียตนามเป็นอันดับเวียต 3 หรือไม่
เกาหลีใต้ที่เคยส่งทหารมากเป็นอันดับ 2 รองจากอเมริกา และมาช่วยอเมริการบที่เวียตนาม กลับเข้ามาลงทุนที่เวียตนามและย้ายมาอยู่ที่เวียตนามประมาณ 2 แสนกว่าคนแล้ว..
..ในปัจจุบันนี้คนจีนต่างหลั่งไหลเข้ามาธุรกิจที่เวียตนามมากมาย ทั้งเป็นนักลงทุนและเป็นช่างเทคนิคและหัวหน้างาน ส่วนจำนวนเท่าไรนั้นไม่แน่ใจ แต่คงจะมากพอดูเพราะสังเกตุว่าคนเวียตนามรุ่นใหม่ ๆ นั้นจะเรียนภาษาจีนกลางพร้อมกับภาษาอังกฤษ และจะพูดภาษาจีนกลางได้...แต่แปลกที่ไม่ค่อยเห็นคนเวียตนามพูดภาษาเกาหลีเลย..อ้อ..เกือบลืมไปว่าคนค้าขายที่โฮจิมินเองก็พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยนะครับ โดยเฉพาะคนที่ค้าขายในตลาดบึ่นถันห์...
..ใต้หวันเองก็เข้ามาลงทุนในเวียตนามไม่น้อย โดยใช้ช่างเทคนิคและหัวหน้างานจากจีน ส่วนแรงงานนั้นจะใช้คนเวียตนาม...
..ส่วนคนไทยนั้นก็เข้าไปลงทุนที่เวียตนามไม่น้อยโดยเฉพาะธุระกิจด้านอาหาร หลัก ๆ ก็จะอยู่ที่จังหวัดด่องไนติดกับโฮจิมินห์ มีโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบ้างก็จะอยู่แถบ ๆตอนกลางของประเทศ...

คนเวียตนามชอบส่งลูกหลานไปเรียนที่ออสเตรเลีย แต่หากมีญาติที่อเมริกาก็จะส่งไปเรียนที่อเมริกา ชอบไปช๊อปปิ้งที่สิงคโปร์ แต่หลัง ๆ นี่ชอบมาที่เมืองไทยมาก เพราะถูกและได้ของดี...
เขาคิดว่าระดับความเป็นอยู่หรือคุณภาพชีวิตของคนไทยเหนือกว่าเขา ซึ่งก็จริงครับ...
อ้อ..เกือบลืมไปว่าหากจะถามว่าคนเวียตนามโดยเฉพาะสาว ๆ อยากแต่งานกับหนุ่มชาติใหนที่สุด อันดับหนึ่งก็คงไม่พ้นพวกฝรั่งตาน้ำข้าว...แต่อันดับสองนี่ซิครับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นหนุ่มไทยนี่เอง.... หลงรัก
ที่ผมนั่งพิมพ์มาซะยืดยาวนี่ก็เพียงแค่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่เขาแอนตี้สงครามครับแม้แต่ชาติที่ผ่านสงครามมายาวนานอย่างเวียตนามก็ตาม เพราะสงครามไม่ได้ทำให้คนทุกคนได้ประโยชน์ ตรงกันข้ามมีแต่ความสูญเสีย คนที่ได้ประโยชน์ก็คงมีแค่เพียงไม่กี่คนหรอกครับ....  ไหว้
ผมเคยนอนพูดคุยกับคนเวียตนามที่เป็น จนท สายการบินไทยที่สาขาโฮจิมินห์เกียวกับความเจริญของเวียตนามกับไทยว่าแตกต่างกันไหม เธอยอมรับว่าความเจริญของเวียตนามด้อยกว่าไทยหลายเท่าก็เพราะสงครามเป็นเหตุ หากไม่มีสงครามแล้วเวียตนามอาจจะเจริญกว่าไทยอีก เพราคนไทยดูจะสบาย ๆ ไม่ค่อยจริงจังกับชีวิตมากนัก แถมมียังปัญหาต่อกันอีก ... ผมก็เลยใช้ภาษากายเถียงเธอไปซะแทบแย่..... หลงรัก

อ้อ..ผมลืมไปอีกอย่างหนึ่งครับ ช่วงหลังสงครามเวียตนามเราจะเห็นเด็ก ๆ ข้าวนอกนาที่บ้านเรามากมายเช่นที่ อุดร สัตหีบ ตาคลี ฯ แต่ที่โฮจิมินห์ไม่มีเลยครับทั้ง ๆ ที่หลังสงครามแล้วจะมีเด็กๆที่น่าสงสารเหล่านี้ไม่น้อยในโฮจิมินห์ ทราบไหมครับว่าเด็ก ๆ ไปไหนหมด........ ทางอเมริกันรับเด็กๆ เหล่าไปอยู่ที่อเมริกาหมดครับ... เยี่ยม

สงครามควรมีแค่ปกป้องอธิปไตยของชาติก็น่าจะพอแล้ว.....แต่แหม...คิด ๆ แล้วมันก็น่าเปิดสงครามกับอีตาฮุนเซนจังเลย...อ้าว.... Grin







 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2009, 07:27:47 PM โดย Middle » บันทึกการเข้า

ชีวิตคือการเดินทาง

http://www.youtube.com/watch?v=eosAyUE29u0
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 06:30:33 PM »

กระจ่างครับคุณตรงกลาง
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
tinnakorn 0101
เกิดมาใช่อื่น เพื่อผืนดินไทย
Full Member
***

คะแนน 15
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 195


บาง เบา เหมือนลอลิเอะ


« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 07:19:17 PM »

อ่านแล้วมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น +ครับท่าน Middle
บันทึกการเข้า

ส่วนเกินของชีวิต อุทิศแก่สังคม
-Joke-
Vive la liberté de parole et d'opinion!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -459
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4225


^_^


« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 08:20:24 PM »

จากที่เคยได้ไปสัมผัสและพูดคุยกับคนเวียตนามทั้งฮานอยและโฮจิมินห์นั้นจะแตกต่างกัน คนทางโฮจิมินห์จะพูดถึงคนทางฮานอยว่าเหมือนคนและประเทศและเชื้อชาติ ภาษาพูดก็ไม่เหมือนกัน ความคิดความอ่านก็ไม่ทันสมัย ค้าขายกับชาวต่างชาติก็ไม่ค่อยเป็น ดูใจยาก ชอบพูดจาอ้อมค้อม...
...ส่วนคนทางฮานอยก็จะพูดถึงคนทางโฮจิมินห์ว่าไม่มีอุดมการณ์ เป็นคนละเชื้อชาติ เจ้าเล่ห์เชื่อถือไม่ได้...
แต่สิ่งที่คนทั้ง 2 เมืองมีความคิดเหมือนกันก็คือ ลืมเรื่องสงครามในอดีตหมดไปแล้ว นึกถึงอย่างเดียวคือธุระกิจ ลืมความหลังในอดีตของศัตรูที่เคยมาย่ำยีเวียตนามในอดีตอย่างอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย หรือแม้แต่จีน...
มันน่าทึ่งที่ศัตรูในอดีตกลับเข้ามาเวียตนามอีกครั้ง แต่มาในลักษณะใหม่ก็คือธุระกิจ...และดูเหมือนว่าเวียตนามเองก็พอใจเป็นอย่างมากด้วย...
..ในเอเชียนั้นอเมริกาอิมพอร์ตสินค้าจากจีนเป็นอันดับ 1 อินเดียเป็นอันดับ 2 ไม่ใจว่าเวียตนามเป็นอันดับเวียต 3 หรือไม่
เกาหลีใต้ที่เคยส่งทหารมากเป็นอันดับ 2 รองจากอเมริกา และมาช่วยอเมริการบที่เวียตนาม กลับเข้ามาลงทุนที่เวียตนามและย้ายมาอยู่ที่เวียตนามประมาณ 2 แสนกว่าคนแล้ว..
..ในปัจจุบันนี้คนจีนต่างหลั่งไหลเข้ามาธุรกิจที่เวียตนามมากมาย ทั้งเป็นนักลงทุนและเป็นช่างเทคนิคและหัวหน้างาน ส่วนจำนวนเท่าไรนั้นไม่แน่ใจ แต่คงจะมากพอดูเพราะสังเกตุว่าคนเวียตนามรุ่นใหม่ ๆ นั้นจะเรียนภาษาจีนกลางพร้อมกับภาษาอังกฤษ และจะพูดภาษาจีนกลางได้...แต่แปลกที่ไม่ค่อยเห็นคนเวียตนามพูดภาษาเกาหลีเลย..อ้อ..เกือบลืมไปว่าคนค้าขายที่โฮจิมินเองก็พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยนะครับ โดยเฉพาะคนที่ค้าขายในตลาดบึ่นถันห์...
..ใต้หวันเองก็เข้ามาลงทุนในเวียตนามไม่น้อย โดยใช้ช่างเทคนิคและหัวหน้างานจากจีน ส่วนแรงงานนั้นจะใช้คนเวียตนาม...
..ส่วนคนไทยนั้นก็เข้าไปลงทุนที่เวียตนามไม่น้อยโดยเฉพาะธุระกิจด้านอาหาร หลัก ๆ ก็จะอยู่ที่จังหวัดด่องไนติดกับโฮจิมินห์ มีโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบ้างก็จะอยู่แถบ ๆตอนกลางของประเทศ...

คนเวียตนามชอบส่งลูกหลานไปเรียนที่ออสเตรเลีย แต่หากมีญาติที่อเมริกาก็จะส่งไปเรียนที่อเมริกา ชอบไปช๊อปปิ้งที่สิงคโปร์ แต่หลัง ๆ นี่ชอบมาที่เมืองไทยมาก เพราะถูกและได้ของดี...
เขาคิดว่าระดับความเป็นอยู่หรือคุณภาพชีวิตของคนไทยเหนือกว่าเขา ซึ่งก็จริงครับ...
อ้อ..เกือบลืมไปว่าหากจะถามว่าคนเวียตนามโดยเฉพาะสาว ๆ อยากแต่งานกับหนุ่มชาติใหนที่สุด อันดับหนึ่งก็คงไม่พ้นพวกฝรั่งตาน้ำข้าว...แต่อันดับสองนี่ซิครับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นหนุ่มไทยนี่เอง.... หลงรัก
ที่ผมนั่งพิมพ์มาซะยืดยาวนี่ก็เพียงแค่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่เขาแอนตี้สงครามครับแม้แต่ชาติที่ผ่านสงครามมายาวนานอย่างเวียตนามก็ตาม เพราะสงครามไม่ได้ทำให้คนทุกคนได้ประโยชน์ ตรงกันข้ามมีแต่ความสูญเสีย คนที่ได้ประโยชน์ก็คงมีแค่เพียงไม่กี่คนหรอกครับ....  ไหว้
ผมเคยนอนพูดคุยกับคนเวียตนามที่เป็น จนท สายการบินไทยที่สาขาโฮจิมินห์เกียวกับความเจริญของเวียตนามกับไทยว่าแตกต่างกันไหม เธอยอมรับว่าความเจริญของเวียตนามด้อยกว่าไทยหลายเท่าก็เพราะสงครามเป็นเหตุ หากไม่มีสงครามแล้วเวียตนามอาจจะเจริญกว่าไทยอีก เพราคนไทยดูจะสบาย ๆ ไม่ค่อยจริงจังกับชีวิตมากนัก แถมมียังปัญหาต่อกันอีก ... ผมก็เลยใช้ภาษากายเถียงเธอไปซะแทบแย่..... หลงรัก

อ้อ..ผมลืมไปอีกอย่างหนึ่งครับ ช่วงหลังสงครามเวียตนามเราจะเห็นเด็ก ๆ ข้าวนอกนาที่บ้านเรามากมายเช่นที่ อุดร สัต***บ ตาคลี ฯ แต่ที่โฮจิมินห์ไม่มีเลยครับทั้ง ๆ ที่หลังสงครามแล้วจะมีเด็กๆที่น่าสงสารเหล่านี้ไม่น้อยในโฮจิมินห์ ทราบไหมครับว่าเด็ก ๆ ไปไหนหมด........ ทางอเมริกันรับเด็กๆ เหล่าไปอยู่ที่อเมริกาหมดครับ... เยี่ยม

สงครามควรมีแค่ปกป้องอธิปไตยของชาติก็น่าจะพอแล้ว.....แต่แหม...คิด ๆ แล้วมันก็น่าเปิดสงครามกับอีตาฮุนเซนจังเลย...อ้าว.... Grin







 

ลืมเรื่องสงครามในอดีตหมดไปแล้ว นึกถึงอย่างเดียวคือธุระกิจ ลืมความหลังในอดีตของศัตรูที่เคยมาย่ำยีเวียตนามในอดีตอย่างอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย หรือแม้แต่จีน...

ผมชอบครับ ถ้าเราทำได้แล้วในภูมิภาคเรามีความสามัคคี ไปได้ฉิวแน่ๆครับ
บันทึกการเข้า

A la volonté du peuple
Et à la santé du progrès,
Remplis ton cœur d'un vin rebelle
Et à demain, ami fidèle.
Nous voulons faire la lumière
Malgré le masque de la nuit
Pour illuminer notre terre
Et changer la vie.
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.052 วินาที กับ 20 คำสั่ง