ถ้าดูในภาพรวม..........
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทาง
การตั้งด่านตรวจ/จุดตรวจเป็นการจำกัดหรือระงับเสียซึ่งเสรีภาพในการเดินทาง
ทำได้..........โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
มีขอบเขต...........เฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน
ย่อยลงมา............
การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด ต้องได้รับความเห็นชอบโดยผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมาย
มีระเบียบ มีข้อกำหนด ให้จนท.ปฏิบัติ
ย่อยลงมาอีก............
การตรวจค้นของจนท.ต้องปฏิบัติตามป.ฯวิฯอาญา ...ว่าต้องเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ เเละต้องมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครอง เพื่อ จะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาในการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด
ทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ถูกปฏิบัติ ล้วนยอมสละสุขและสิทธิ ก็เพื่อความมั่นคงของรัฐ เพื่อความสงบเรียบร้อย เพื่อสวัสดิภาพของสังคมเช่นกัน
ปัญหาจึงมักเป็นเพียงความเหมาะควรทางปฏิบัติ ที่มองจากต่างมุมกัน ........ เท่านั้นเอง

อ่านดูแล้ว น่าจะเป็นการบริหารการจัดการของตำรวจที่ด่านนั้นไม่ดีมากกว่า
เลยมีผลกระทบเดือนร้อนวงกว้าง
อย่างน้อยควรจะมีช่องทางให้รถซักช่องทางหนึ่งให้รถที่คิดว่าไม่มีพิรุธหรือต้องสงสัย
ผ่านสะดวก และอีกช่องทางให้หลบเพื่อของตรวจค้น ส่วนกำลังตำรวจควรจะมีไว้ที่
ต้นทางก่อนถึงด่านเพื่อซุ่มสังเกตุความผิดของรถต้องสงสัยและรายงานสภาพการจราจรด้วย
หวังว่าคงหน้าจะมีการจัดการที่ดีต่อไปครับ
นายสมชายว่าตามทั้งสองท่านครับ...
คือประเด็นอยู่ตรงที่"ความพอเหมาะพอดี"ของการบริหารจัดการ ของการตั้งด่านนะครับ ไม่ใช่เรื่องว่าควรตั้งด่านหรือไม่... ตามท้องเรื่องในกระทู้เป็นเรื่องบ่น"รถติดยาวเป็นกิโลเมตร"...
ส่วนเรื่องการใช้สรรพนาม และเรื่องเสียวไส้ที่เกือบถูกค้นอาวุธ นั่นเป็นอีกเรื่องนะครับ...