แด่พ่อ...ด้วยดวงใจ(อยากให้รู้-ให้ดู-ให้อ่าน) จากใจ...อัมรัน สะอิ พ่อจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย


ท่ามกลางบรรยากาศแห่งวันพ่อ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นพุทธรักษา ภาพอันน่าปลาบปลื้ม ที่ปรากฏให้เห็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง คือลูกที่ดีทั้งหลายคงมีโอกาสกราบเท้า แสดงออกซึ่งความรักที่บุตรพึงมีต่อบุพการี
เฉกเช่นชีวิตของ ฮัมรัน สะอิ หนุ่มน้อยวัย 17 ปี บุตรคนเล็กของ นายกูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านแห่งควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ที่เลือกจะแสดงพฤติกรรมรักพ่อทุกวัน ทุกลมหายใจ โดยการขอยืนเคียงบ่าเคยงไหล่กับผู้ให้ชีวิตของเขาตลอดไป
เรื่องราวระหว่างความรักของพ่อ-ลูก ในพื้นที่ชายแดนใต้คู่นี้ ผมเคยนำเสนอต่อสมาชิกชาวบล็อกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23พฤษภาคม 2550 แต่วันนี้ในขออีกทีกับเรื่องราว แด่พ่อ...ด้วยดวงใจ ของฮัมรัน สะอิ ที่ผมขอยกให้เป็นลูกแห่งปี หวังว่าสมาชิกโคเคเนชั่น คงไม่ว่าอะไร และคงร่วมให้กำลังใจหนุ่มน้อยคนนี้ให้มีโอกาสอยู่กับพ่อของเขาไปนานตราบนานเท่านาน
หลังจาก กูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รอดพ้นจากความตายด้วยเงื้อมมือของคนร้ายที่ลอบสังหารอย่างหวุดหวิดถึงสองครั้งสองครา...โทษฐานไม่ยอมก้มหัว ซ้ำยังประกาศจุดยืนตรงข้ามกับกลุ่มโจรชัดเจน...ทุกวันนี้ทุกย่างก้าวของเขาจึงเต็มไปด้วยอันตรายอย่างยิ่งยวด
แม้เขาจะรู้ดีว่า...ใครบ้างคือ "มิตร" ...ใครกันคือ "ศัตรู" แต่เมื่อเขาอยู่ในที่แจ้ง...ผิดกับโจร ซึ่งซุ่มรอจังหวะอยู่ในที่มืด...โอกาสที่จะ "พลาดท่า" ย่อมมีอยู่แทบทุกฝีก้าว !!!
สภาพชีวิตทุกวันนี้ของผู้ใหญ่กูเฮง จึงต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และต้องระแวดระวังอย่างที่สุด ซึ่งนอกจากลักษณะของบ้าน ซึ่งไม่ต่างจากป้อมปราการแล้วก็ยังต้องมี ชรบ.คอยคุ้มกันอยู่รอบๆ บ้าน 8-10 คน
แต่ถึงจะคุ้มกันเข้มถึงเพียงนี้...ในหัวใจของคนใน "ครอบครัวสะอิ" ก็ไม่เคยอุ่นใจอย่างแท้จริงแม้สักวัน!
ฮัมรัน สะอิ หนุ่มน้อยวัย 17 ปี ซึ่งเป็นลูกคนเล็กของบ้าน และกำลังศึกษาใน ร.ร.ศาสน์สามัคคี ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงขันอาสา "คุ้มครองความปลอดภัย" ให้ผู้เป็นพ่อเสมือนเงาตามตัว โดยไม่เกรงกลัวภัย อันตรายที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามจ้องหาโอกาสที่จะลงมืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ฮัมรัน บอกว่า หลังจากพ่อถูกซุ่มโจมตีจนเฉียดตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง เขาจึงเริ่มหัดจับปืนครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของพ่อ ซึ่งต้องออกตรวจตราพื้นที่อยู่ทุกวัน
เขารู้ดีว่า ลำพังความกล้าเพียงอย่างเดียวคงไม่พอที่จะปกป้องชีวิตของผู้เป็นบิดาให้พ้นภัย อันตรายได้แน่ เพราะวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป และศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่อยู่ในระดับธรรมดา เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังตกเป็นเหยื่อสังเวยความรุนแรงให้เห็นมาแล้วนับไม่ถ้วน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจเสริมทักษะการป้องกันตัว และการใช้อาวุธจาก "หน่วยรบพิเศษ" นานกว่า 1 สัปดาห์ โดยเป็น "หลักสูตรเร่งรัด" แต่ก็ต้องผ่านการฝึกหนักชนิด "แทบคลานกลับบ้าน" หลังจบคอร์ส
"ผมตั้งใจฝึกหนักชนิดที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เพราะตั้งใจว่าจะดูแลพ่อให้ได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ใช่ได้ชื่อว่ามีโอกาสถือปืน เพราะเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น" ฮัมรัน กล่าวด้วยความมุ่งมั่น
หนุ่มน้อย ซึ่งเป็นทายาทของผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กแห่งบ้านควนลาแม ย้ำว่า ชีวิตของผู้เป็นพ่อทุกวันนี้ยิ่งกว่าแขวนไว้บนเส้นด้าย เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่มีวันรามือแน่
ยิ่งคำประกาศกลางมัสยิดหมู่บ้านของพ่อ ซึ่งเหมือนระบุว่า สิ่งที่ใครบางคนในชุมชนกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอย่างสิ้นเชิง...มันเหมือนเป็นการ "ประกาศสงคราม" อย่างชัดแจ้ง
"ผมรู้ว่าการแสดงจุดยืนของพ่อยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นไม่เลิกแน่" ฮัมรัน กล่าวด้วยความวิตก
กระนั้น ถึงจะต้องเผชิญกับอันตรายสักเพียงใด แต่ฮัมรันก็พร้อมจะยืนเคียงข้างพ่อเสมอ แม้จะรู้ดีว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอย่างไรบ้าง
"ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่พ่อสอนให้เรารู้จักว่าการใช้ชีวิตภายใต้บัญญัติหลักศาสนาที่ถูกต้อง และเที่ยงแท้นั้นเป็นอย่างไร" ฮัมรัน แน่วแน่ที่จะสืบทอดปณิธานของผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งฮัมรัน "รู้ซึ้ง" จากประสบการณ์เฉียดตายของพ่อคือคำว่า "เพื่อนแท้" แท้จริงเป็นเช่นไร
"หลายคนในหมู่บ้านถูกชักจูงให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในจำนวนนั้นก็มีเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วย แม้แต่คนที่มายิงพ่อก็รู้จักกันดี วันนี้จึงพอจะนับหัวได้ว่า ใครคือมิตรแท้ของเรา"
นอกเหนือจากการคอยระวังภัยให้พ่อแล้ว ทุกวันนี้เขายังร่วมภารกิจลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้านร่วมกับ ชรบ. เพื่อดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเฉพาะในละแวกบ้าน ส่วนในยามว่างจากภารกิจอื่นๆ แล้ว หนุ่มน้อยจะไม่ไปไหนไกลบ้าน เพราะสมาชิกในครอบครัวก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากไม่แพ้กัน
"องค์อัลเลาะห์กำหนดเอาไว้แล้วว่าสิ่งที่กำลังทำขณะนี้เป็นหน้าที่ของบุตรที่พึงมีต่อบิดามารดาตามหลักคำสอนทุกศาสนามิใช่หรือ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครยอมให้คนอื่นมาทำร้ายชีวิตผู้มีพระคุณเหมือนที่ผมกำลังทำอยู่ในทุกวันนี้แน่นอน" ฮัมรัน กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น
*****************************************
พ่อผม เฉียดตายมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ถูกกลุ่มโจรนับสิบซุ่มยิงคาบ้าน และถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับแข็งใจยิงสู้จนคนร้ายต้องสังเวยชีวิตไปถึง 2 ศพ
ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550 ถูกลอบวางระเบิดบนถนนสายนาเกตุ-บาซาเอ ขณะขับรถกระบะพร้อมเพื่อนอีก 2 คน เพื่อร่วมประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้รถกระบะพังยับ เจ้าตัวและเพื่อนที่โดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รอดชีวิตมาได้ราว "ปาฏิหาริย์" อีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอสิ่งศักสิทธิ์ของทุกศาสนา จงคุ้มครองผู้ใหญ่บ้านกูเฮง สะอิ และครอบครัว
รวมถึงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกท่าน พี่น้องคนไทยที่เป็นคนไทยด้วยตัวและหัวใจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนทุกคน ให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายและการลอบทำร้ายจากพวกนอกศาสนาด้วยครับผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมบริจาคสนับสนุนหาเสื้อเกราะแบบ Level-IIIA ที่สามารถกันกระสุน M16&AK47 ได้
ให้แกได้ไว้ใช้จัง มีทางจะเป็นไปได้ไหม ท่านสมาชิกที่พอจะมีข้อมูลช่วยแนะนำด้วยครับ