เล่าก่อนดีกว่าว่าได้มาไง จริงๆเราก็พึ่งซื้อ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกไปเมื่อไม่กี่วันมานี่ก็อ่านจบเเล้วล่ะ
เเต่ก็ว่าจะเว้นการช็อปปิ้งหนังสือบ้างเพราะเเทบจะไม่มีตังจะกินข้าวหมดเเล้วซื้อหนังสือหมด
เเต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปเจอเล่มนี้เข้า เเล้วติดใจชื่อหนังสืออยู่พอดีเลย
Photobucket
ชื่อเรื่องเค้าเขียนว่า ไขเคล็ดลับรวยเเบบยิว
ไอ้รวยน่ะเฉยๆนะเพราะอ่านมาเยอะเเล้วเเต่ไปติดใจตรงยิวนี่เเหละ
คือหนังสือทั่วไปที่สอนวิธีหาเงินเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นองค์ ความรู้ของชาวจีน เสียเกือบหมด
พอเรามาเจอเล่มก็เลยสงสัย อยู่เหมือนกัน เเล้วเราก็หยิบมาอ่านดูผ่านๆปรากฎว่าเอ่อ
เฮ้ยดีเข้าท่า ปิดปกเดินไปจ่ายตังมา เพราะในที่อ่านผ่านเค้าก็บอกด้วยว่า เเบบจีน กับ เเบบยิวต่างกันตรงไหน
ก็เลยเก็ตเลยว่าเเล้วไม่อ่านเห็นจะไม่ได้
เอาล่ะเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า อธิบายก่องว่ายิวเป็นใคร ยิวเป็นชนชาติหนึ่ง ซึ้งต้นตระกูล ของชนชาตินี้เป็นทาส
ซึ่งเป็นทาสที่ทำงานอย่างหนักถูกกดขี่ข่มเหง อย่างรุนเเรง ต่อสู้ดิ้นรน (เราได้เคยดูหนังอย่าง
บรรญัติสิบประการ หรือ พรินออฟอียิปมาบ้าง น่าจะพอรู้เรื่องราวกันครับ)
เดินทางอพยพข้ามทะเลทรายข้ามทะเลเเดงจนกระทั้งตั้งประเทศของตนเองขึ้นมาได้
ซึ่งในหนังสือก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดตรงนี้มากมายเเละคิดว่าคงไม่ใช่ส่วนสำคัญของวันนี้ที่จะเอามาเล่าให้ฟัง
เพราะสามารถไปหาอ่านได้ไม่ยากตามห้องสมุดมหาลัยทั่วไปที่ไหนๆก็มีขอ้มูลอยู่เยอะเเยะ
(เด่วบอกให้ตอนหลัง ถ้าอยากดูจริงๆ)
เข้าเนื้อหาหลักๆเลยเเล้วกัน ว่าด้วย จำนวนประชากรโลกทั้งหมดอยู่ที่ 7000 ล้านคน(ประมาณๆ)
คิดเป็นคนไทยเนี่ย 50-60 ล้านญี่ปุ่น 100 ล้าน เเละคนยิวเนี่ย 20 ล้าน นับเป็นชนชาติที่จำนวนน้อยเมื่อเทียบกับชนชาติอื่นๆในโลกเเต่ที่น่าเเปลกใจคือชาวยิวที่ประจัดกระจายอยู่ทั่วโลกกลับเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจของเเต่ละประเทศไว้อย่างมาก เช่นใน อเมริกา25% ญี่ปุ่น50% gdp ก็เป็นของคนยิว
ในหนังสือก็สรุปไว้ว่า ชาวยิว มีลักษณ์เด่น คือ พันธุ์กรรมดี มีสมองเป็นเลิศ เเละขยันอดทน
ดังเช่นจะยกตัวอย่างชาวยิว ที่มีอิธิพลต่อโลกมามากมายหลายหลายตำนาน
Who is ยิว
นิวตัน ไอสไตน์ คาร์มาร์ค อาจารย์ปิกัสโซ่ บิโทเพ่น สตีเฟนสปิลเปรค ซิคมัลฟรอย
จอร์ท โซรอส เบนเบอร์นากี้ อังเดรกังกัสซี่ เเต่ละชื่อระดับเทพล้วนๆ เรายังงงเลยว่าเฮ้ยนี่บังเอิญ
หรือตั้งใจหรือเปล่าทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนมีเชื่อสายมาจากยิวเเท้ทั้งนั้น
(ยังมีเทพๆอีกหลายคน เเต่คัดมาเเต่ที่ดังๆจริงๆ)
พวกเค้าเหล่านี้ทำไมถึงประสบความสำเร็จโดดเด่นกว่าผู้อื่นมากนัก
ในหนังสือนะเค้าเล่าว่า ทุกๆสัปดาห์นะชาวยิวไปรวมตัวกันที่โบรถ์ของเเต่ละพื้นที่ เพื่อใช้เวลาพูดคุยกัน
คุยกันในเรื่องชีวิตประจำวัน คุยเรื่องลูก คุยเรื่องกิจการค้า คุยเรื่องการเก็บเกี่ยวการเพาะปลูก คุยเรื่องสุขภาพ
นับเป็นเวลามากว่า 3000 ปีเเล้วเเละมีการจดบันทึกมากกว่า2000 ปี เเล้วบันทึกเป็นหนังสือสอนลูกสอนหลาน
มาจนถึงปัจจุบันก็ยังคงไปโบรถ์เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องพวกนี้อยู่
ลักษณะพิเศษของชาวยิว
ชอบตัวเลขเป็นชีวิตจิตใจ บ้าตัวเลขมากๆ
คนยิวจะไม่พูดว่าวันนี้อากาศร้อนนะ วันนี้หนาวนะ ยิวจะพูดว่าวันนี้อุณหภูมิเท่าไหร์ ...
เค้าสอนกันว่าความรู้สึกใช้วัดไม่ได้ ชอบอะไรที่เเน่นอนวัดได้จริง จับต้องได้เห็นเป็นรูปธรรม
ตัวเลขที่มีผลต่อชีวิตของชาวยิวคือ 78 : 22
มันคืออะไร!!!! 78 : 22 ว่ากันว่า กำหนดรูปสี่เหลี่ยมจัสตุรัสขึ้นมา 1 รูปเเล้ววาดวงกลมลงไป
โดยให้เส้นรอบวงของวงกลมทับสนิทขอบพอดีกับเส้นของสี่เหลี่ยมจัสตุรัส
จะได้พื้นพี่ภายในวงกลม = 78 เเละพื้นที่เหลือบริเวณมุมสี่เหลี่ยม = 22 งงอ่ะดิ..........
เกี่ยวไรว่ะ....อ้อ เค้าสอนกันว่านี่เป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับระบบทุกอยู่บนโลก เช่น
ในโลกนี้มีคนรวยอยู่ 22 % ส่วนคนจนมี 78% ของโลกนี้
ที่น่าเเปลกใจคือคนจนมีจำนาวนมากกว่าคนรวย เเต่กลับถือครอบทรัพย์สินอยู่
22 % ของทรัพย์สินทั้งหมดบนโลก ส่วนคนรวยถือครอบทรัพย์สิน 78%ของทรัพย์สินทั้งหมดบนโลก
โอ้วนี่หรือศัรธรรม คล้ายๆกับ หนังสือกฎ 80 : 20 ของกฎเศรษฐกิจโลกเลย.....เเต่ต่างกันตรงที่
เค้ารู้เเบบนี้มา 3000 กว่าปีเเล้ว-0-
คำถามต่อมาถามอีกว่า คนกู้ กับคนปล่อยกู้ ใครเยอะกว่ากัน...?
ใครว่าคนกู้ เยอะกว่า...... ใครว่าคนปล่อยกู้เยอะกว่า.............
คำตอบน่าตกใจมาก คนปล่อยกู้เยอะกว่าคนกู้ครับ ...งง (เราก็ตอบผิด)
ในหนังสือยกตัวอย่างเรื่องของ ภาษีดอกเบี้ยกับธนาคาร เค้าว่าธนาคารให้คนฝากเงินเเล้วคิดดอก
ส่วนธนาธารเอาเงินที่ได้ไปปล่อยกู้ เเต่ถึงคนกู้จฃะมากเเค่ไหนธนาคารก็ยังไม่หมดเงินอยู่ดี
ในขณะที่ นายทุนเป็นคนเขียนกฎหมาย(ซึ่งจ่ายภาษีน้อยกว่านิติบุคคล) ถึงบางอ้อเเล้ว^ ^
ในหนังสือเลยสรุปว่า เงินเก็บที่อยู่ในธนาคาร หรือทรัพย์สินที่ไม่คงทนถาวร จะหายไปหมดใน 3 รุ่น
ดังนั้น ชาวยิวจะ ไม่เก็บเงินในธนาคารรเเต่จะเอาไปลงทุนกลับทรัพย์สินตลอดเวลา
เพื่อลดภาษีเเละไม่ทำให้เงินสูญเสียมูลค่าไป เเละยิวจะไม่เหลือมรดกที่เป็นเงินให้ลูกให้หลาน
เพราะมันไม่ยั่งยืน...เเต่จะใช้ลงทุนเเละซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกทั้งหมด
เพื่อใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนตายจะไม่เหลืออะไรให้ลูกเลยนอกจากคำสอน
ยิวขยันโคตรๆเห็นเงินสำคัญมากกว่สิ่งอื่นใด หน้าเงิน เเละทำธุรกิจกับเงินสดเท่านั้น
เเละสอนอีกว่า การเอาเวลากับเเรงงงานไปเสียเพื่อให้เกิดเงินกลับมานันโง่มาก เพราะเเรงกับเวลามีจำกัด
เเต่ให้เอา เวลา กับเเรงไปบริหารคนเเล้วเกิดเงินกลับมา....
เเล้วก็สอนเรื่อง Passive in come & Active in come กันมา 3000 ปีเเล้วด้วย
โอ้วเเม่เจ้า...ชานเรียนรู้เเค่อดีตของพวกมันเองหรอเนี่ย
เเล้วตอนนี้มันกำลังสอนอะไรที่ชานยังไม่รู้ว่าไม่รู้อยู่อีกล่ะเนี่ย.....
คนยิวหาเงินจาก คนรวย กับ หาเงินจากผู้หญิง ยิวไม่หาเงินจากตลาดล่างเพราะไม่ชอบทำสงครามราคา
ทำไมต้องคนรวย เเล้วเป็นผู้หญิง
เพราะผู้หญิงเป็นคนเก็บเงิน
ขณะที่ผู้ชายใช้เวลาเช้าถึงเย็นเพื่อหาเงินเเต่เงินกลับไปอยู่ในมือของผู้หญิง(หนังสือมานเขียนน้า นู่ไม่เกี่ยว)
เเละชาวจีน ที่มีอยู่ทั่วโลกมาประชากรมากกว่ายิวหลายเท่าตัว เเละขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตระกูลของการค้าขาย
กลับรวยสู้คนยิวไม่ได้ เพราะ... คนจีนขายปัจจุย 4 สิ่งที่ทุกคนต้องการ
... คนยิวขายของผู้หญิงเเละคนรวย ของที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป หายากราคาสูง
ยิวสอนว่าอย่าคิดเเต่จะเอากำไรเเต่น้อยเเล้วจะขายให้มาก เเต่จงกำไรให้มากจากการขายน้อยๆ
คติประจำของยิว ก็คือคนอยู่ที่ไหนธุรกิจอยู่ที่นั้น เเละไม่มีเขตห้ามค้าเเละอย่ารังเกียจการขาย
เอาเเค่นี้ก่อนบอกหมดเด่วหนังสือเค้าจะขายไม่ออก เเต่เนื้อหาข้างในรุ่นเเรงมากเลยเชียวล่ะ
ใครที่ไม่ได้ชอบหรือสนใจด้านนี้จริง อ่านเเค่ที่เราสรุปไว้ให้นี่เเหละเพียงพอเเล้ว
ถ้าไปอ่านเพิ่มเเล้วไม่ชอบเเนวนี้จะเสียดายตังเปล่า.....

ส่วนประวัติเพิ่มเติมเรื่องของชาวยิว สามารถหาเพิ่มเติมได้ง่ายดายมากจากสื่ออื่นๆมากมาย
ทั้งหนังเก่าๆก็มี หนังเกี่ยวกับการฆ่าล้างชาวยิวของเยรมัน ไว้มากมาย
หนังสือก็มีอยู่เยอะเช่นกัน เเต่หนังสือนี่ขอบอกก่อนล่ะกันว่าอ่านกานระวังๆหน่อยเพราะ
ขึ้นอยู่กับว่า เล่มไหน ใครเขียน ยิวเขียนหรือ นาซีเขียน อ่านเเล้วจะงง ชีวิตมากเลย
นี่อ่านเรื่องเดียวกันอยู่หรอฟระ มันคนละโลกเลยก็ฝากๆไว้เท่านี้ละกันครับ
ใช้วิจารนยานการดีๆนะครับ
แต่ที่เราได้เเน่ๆก็คือ ยังไงก็ต้องขยันอ่ะ คนจีนสอนให้ขยัน ยิวก็สอนให้ขยัน ไม่สอนให้กลัวลำบาก
เเต่คนไทยกลับกลัวลูกลำบากเลี้ยงลูกสบาย เกินจนเสียนิสัยตั้งเเต่เด็กนี่ก็ส่วนหนึ่งละนะที่เรา
ลำบากกว่านิดหน่อยพื้นฐานสู้เค้าไม่ได้เเต่ไม่เป็นไรเพราะเรารู้ว่าอะไรคือจุดออ่นจุดเเข็ง
ต่อไปเราก็สามารถสู้ต่อไปได้โดยที่ไม่หลงทาง นับว่าคุ้มล่ะ
เป็นไงครับ ชนชั้นทาส ที่พวกๆ คนขาวเคยด่า เคยดูถูก เหมือนคนไทยดูถูก คนอีสานคนลาวไม่มีผิดเลย แต่ในที่สุด มันสมอง + ความขยันอดทน และทะเยอทะยานก็ทำให้ประสปความสำเร็จกันจนได้ คนน้อยกว่าประชากรน้อยกว่า แต่ประสปความสำเร็จมากกว่า